เราวิพากษ์วิจารณ์คนอื่น=เราวิพากษ์วิจารณ์ตัวเอง
โลกมีระบบการทำงานเดียวกันทั้งภายในและภายนอกตัวเรา ภายในและภายนอกครอบครัวเรา ภายในและภายนอกบ้านเมืองเรา ภายในและภายนอกโลก โลกนี้คือ 2in1 มนุษย์มีวงล้ออยู่สองวงที่ซ้อนทับกันอยู่ทั้งภายนอกและภายในคือ วงล้อที่หมุนรอบตัวเองเพราะเราคือวัฏจักรของตัวเราเองและวงล้อที่หมุนออกนอกตัวเองเข้าหาผู้อื่นเพราะเราคือวัฏจักรของกันและกัน การเป็นวัฏจักรหมายถึงการหมุนวนกลับมาที่เดิมฉะนั้นเมื่อเราหมุนวงล้อออกนอกตัวเองเข้าหาผู้อื่นเมื่อวงล้อนั้นหมุนออกจากผู้อื่นวงล้อนั้นก็จะหมุนกลับเข้าหาตัวเราเพราะเราคือวัฏจักรของกันและกัน เมื่อเราหมุนวงล้อเข้าหาตัวเองและเมื่อวงล้อนั้นหมุนออกจากตัวเองวงล้อนั้นก็จะหมุนกลับเข้าหาตัวเราเองเพราะเราคือวัฏจักรของตัวเราเอง ทุกสิ่งทุกอย่างทุกชีวิตทุกสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับเราและผู้อื่นในโลกใบนี้ต่างก็มีส่วนเชื่อมโยงถึงกัน ทุกสิ่งที่เราทำล้วนมีผลกับตัวเราเองและมีผลต่อผู้อื่นทั้งสิ้น เราให้สิ่งใดออกไปเราจะได้รับสิ่งนั้นกลับมา เราคืออุปสรรคและความราบรื่นของตัวเราเอง เราเป็นในสิ่งที่เราคิดว่าเราเป็นและเราก็เป็นในสิ่งที่เราคิดว่าผู้อื่นเป็นด้วยเช่นกัน เราวิพากษ์วิจารณ์คนอื่นเท่ากับเราวิพากษ์วิจารณ์ตัวเอง เราช่วยผู้อื่นเท่าเราช่วยตัวเอง เราทำร้ายทำลายผู้อื่นเท่ากับเราทำร้ายทำลายตัวเอง เราคิดไม่ดีกับคนอื่นเท่ากับเราคิดไม่ดีกับตัวเอง เราทำดีกับคนอื่นเท่ากับเราทำดีกับตัวเองเพราะเราคือวัฏจักรของกันและกัน ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราทำมีผลต่อตัวเราเองเพราะเราคือวัฏจักรของตัวเราเอง
เราหมุนวงล้อออกนอกตัวเองเข้าหาผู้อื่นเพราะเราคือวัฏจักรของกันและกัน มนุษย์เป็นสัตว์สังคมมนุษย์อยู่รวมกันก็เพื่อให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกันเราคือกระจกเงาของกันและกันเราคือผู้รับส่งสารของกันและกัน ความสุขและความทุกข์ของเราขึ้นอยู่กับกันและกัน ความคิดและความรู้สึกคือสิ่งที่ผ่านเข้ามาแล้วผ่านออกไป ฉะนั้นการเรียนรู้และพัฒนาทางความคิดและความรู้สึกจะเกิดการเรียนรู้และพัฒนาที่สมบูรณ์แบบได้เราจะต้องนำความคิดและความรู้สึกเหล่านั้นออกมาลงมือปฏิบัติเพื่อให้เกิดภาพเสมือนจริงภายนอกและนำภาพเสมือนจริงที่เกิดขึ้นภายนอกกลับเข้าไปผ่านกระบวนการเรียนรู้และพัฒนาทางความคิดและความรู้สึกภายในอีกครั้งเพื่อทำให้สิ่งที่ควบคุมความคิดและความรู้สึกได้รับรู้ถึงการมีอยู่และดำรงอยู่ของความคิดและความรู้สึกนั้นๆ การรับรู้ถึงการมีอยู่และดำรงอยู่ของความคิดและความรู้สึกยังไม่สามารถทำให้ความคิดและความรู้สึกเกิดการแทนที่ที่สมบูรณ์ได้เราจะต้องนำเอาความคิดความรู้สึกใหม่มาลงมือปฎิบัติซ้ำแล้วซ้ำอีกหลายๆรอบและการลงมือปฎิบัติเราจะต้องทำทั้งสองทางพร้อมกันคือเดินออกจากความคิดและความรู้สึกเดิมๆและเดินข้าหาความคิดและความรู้สึกใหม่ๆการเลือกทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งโดยละเลยการกระทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง=เรายืนอยู่ที่เดิม มนุษย์จะใช้เวลา 7ปีแรกของชีวิตในการเดินเข้าสู่วัฏจักรของกันและกัน การรับและส่งสารของเราจะรับและส่งจากความรู้สึกในส่วนของมนุษย์และจิตวิญญาณ ในส่วนของมนุษย์คือการเรียนรู้และพัฒนาลักษณะท่าท่างการใช้อารมณ์คำพูดการหยิบจับการพลิกตัวการคลานการลุกนั่งเดินวิ่งทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวกับการใช้อวัยวะทุกส่วนทั้งภายในและภายนอก ในส่วนของจิตวิญญาณคือการเรียนรู้และพัฒนาที่เริ่มมาจากความไม่สมดุลย์ภายในจิตวิญญาณที่เราทุกคนมีไม่เท่ากัน แต่เราและพ่อแม่มีเท่ากันและอยู่ในระดับเดียวกัน การรับและส่งของลูกในช่วงแรกของชีวิตจะมาจากความไม่สมดุลย์ที่ลูกมีอยู่ในจิตวิญญาณ spirit ขั้วลบ (อดีต) และจิตวิญญาณ soul ขั้วบวก (อนาคต) และมาจากในส่วนของมนุษย์ที่ลูกสามารถรู้สึกและสัมผัสได้ในขณะที่อยู่ในครรภ์มารดา พ่อและแม่จะมีส่วนของความคิดเข้าร่วมในการรับส่งสารด้วย ความรู้สึกสร้างความคิดเมื่อความรู้สึกสร้างความคิดจึงเป็นเรื่องปกติที่คนเราจะใช้ความรู้สึกนำพาชีวิตและใช้ความคิดเดินตามความรู้สึกซึ่งเป็นไปตามธรรมชาติที่เกิดจากการะกระทำของกฎแห่งแรงดึงดูดและกฎแห่งแรงโน้มถ่วงที่ทำให้เกิดแรงไทดัล พ่อแม่ลูกจะมีทั้งความเหมือนและมีทั้งความต่างในกันและกันที่มีอยู่ภายในตัวของความคิดเองและภายในตัวของความรู้สึกเอง ทั้งความเหมือนและทั้งความต่างในกันและกันที่มีอยู่ภายในตัวของความคิดเองและภายในตัวของความรู้สึกเองคือสิ่งที่เชื่อมโยงระหว่างอดีต ปัจจุบันและอนาคตของกันและกัน เราและผู้อื่นก็มีทั้งความเหมือนและมีทั้งความต่างในกันและกันที่มีอยู่ภายในตัวของความคิดเองและภายในตัวของความรู้สึกเอง ทั้งความเหมือนและทั้งความต่างในกันและกันที่มีอยู่ภายในตัวของความคิดเองและภายในตัวของความรู้สึกเองคือสิ่งที่เชื่อมโยงระหว่างอดีต ปัจจุบันและอนาคตของกันและกัน
เราหมุนวงล้อเข้าหาตัวเองและหมุนรอบตัวเองเพราะเราคือวัฏจักรของตัวเราเอง เราคือผู้รับส่งสารของเราเอง ให้อย่างไรรับอย่างนั้น การหมุนวงล้อเข้าหาตัวเองและหมุนรอบตัวเองคือ การกำหนดชีวิตตัวเราเองด้วยตัวเราเอง เราคือผู้ที่กำหนดความสุขและความทุกข์ของเราเอง ทุกสิ่งทุกอย่างสามารถเริ่มและจบลงได้ที่ตัวเรา การเริ่มต้นและจบลงทางความคิดและความรู้สึกที่สมบูรณ์แบบเราจะต้องนำเอาความคิดและความรู้สึกเหล่านั้นออกมาลงมือปฏิบัติเพื่อให้เกิดภาพเสมือนจริงภายนอกและนำภาพเสมือนจริงที่เกิดขึ้นภายนอกกลับเข้าไปผ่านกระบวนการเรียนรู้และพัฒนาทางความคิดและความรู้สึกภายในอีกครั้งเพื่อทำให้สิ่งที่ควบคุมความคิดและความรู้สึกได้รับรู้ถึงการมีอยู่และดำรงอยู่ของความคิดและความรู้สึกนั้นๆ การรับรู้ถึงการมีอยู่และดำรงอยู่ของความคิดและความรู้สึกยังไม่สามารถทำให้ความคิดและความรู้สึกเกิดการแทนที่ที่สมบูรณ์ได้เราจะต้องนำเอาความคิดความรู้สึกใหม่มาลงมือปฎิบัติซ้ำแล้วซ้ำอีกหลายๆรอบและการลงมือปฎิบัติเราจะต้องทำทั้งสองทางพร้อมกันคือเดินออกจากความคิดและความรู้สึกเดิมๆและเดินข้าหาความคิดและความรู้สึกใหม่ๆการเลือกทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งโดยละเลยการกระทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง=เรายืนอยู่ที่เดิม ทุกความคิดและทุกความรู้สึกที่เรามีมาจากความไม่สมดุลย์ทางความคิดและความรู้จึงไม่มีสิ่งใดที่เราควรปฏิเสธการเรียนรู้และควรปฏิเสธการพัฒนาตัวเอง การไม่ยอมเรียนรู้และไม่ยอมพัฒนาความคิดและความรู้สึกของเราเอง=การเกิดมาเพื่อเป็นสะพานให้ผู้อื่นก้าวเดิน ไม่มีอะไรสูญเปล่าและไม่มีอะไรได้มาโดยไม่สูญเสียไป
*สิ่งที่ควบคุมความคิดและความรู้สึกคือ ความไม่สมบูรณ์พร้อมที่มีความสมบูรณ์พร้อมทางความคิด(สมอง) คือ กระแสไฟฟ้า (พลังงานบวก) และอิเล็กตรอน (พลังงานลบ) ความรู้สึก (เส้นประสาทสัมผัส) คือ แม่เหล็ก ขั้วบวกขั้วลบ
*สิ่งที่ควบคุมความรู้สึกคือ ความไม่สมดุลย์ในความสมดุลย์ทางความรู้สึกในส่วนของจิตวิญญาณ spirit ขั้วลบ (อดีต) และจิตวิญญาณ soul ขั้วบวก (อนาคต)
เราวิพากษ์วิจารณ์คนอื่น=เราวิพากษ์วิจารณ์ตัวเอง
โลกมีระบบการทำงานเดียวกันทั้งภายในและภายนอกตัวเรา ภายในและภายนอกครอบครัวเรา ภายในและภายนอกบ้านเมืองเรา ภายในและภายนอกโลก โลกนี้คือ 2in1 มนุษย์มีวงล้ออยู่สองวงที่ซ้อนทับกันอยู่ทั้งภายนอกและภายในคือ วงล้อที่หมุนรอบตัวเองเพราะเราคือวัฏจักรของตัวเราเองและวงล้อที่หมุนออกนอกตัวเองเข้าหาผู้อื่นเพราะเราคือวัฏจักรของกันและกัน การเป็นวัฏจักรหมายถึงการหมุนวนกลับมาที่เดิมฉะนั้นเมื่อเราหมุนวงล้อออกนอกตัวเองเข้าหาผู้อื่นเมื่อวงล้อนั้นหมุนออกจากผู้อื่นวงล้อนั้นก็จะหมุนกลับเข้าหาตัวเราเพราะเราคือวัฏจักรของกันและกัน เมื่อเราหมุนวงล้อเข้าหาตัวเองและเมื่อวงล้อนั้นหมุนออกจากตัวเองวงล้อนั้นก็จะหมุนกลับเข้าหาตัวเราเองเพราะเราคือวัฏจักรของตัวเราเอง ทุกสิ่งทุกอย่างทุกชีวิตทุกสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับเราและผู้อื่นในโลกใบนี้ต่างก็มีส่วนเชื่อมโยงถึงกัน ทุกสิ่งที่เราทำล้วนมีผลกับตัวเราเองและมีผลต่อผู้อื่นทั้งสิ้น เราให้สิ่งใดออกไปเราจะได้รับสิ่งนั้นกลับมา เราคืออุปสรรคและความราบรื่นของตัวเราเอง เราเป็นในสิ่งที่เราคิดว่าเราเป็นและเราก็เป็นในสิ่งที่เราคิดว่าผู้อื่นเป็นด้วยเช่นกัน เราวิพากษ์วิจารณ์คนอื่นเท่ากับเราวิพากษ์วิจารณ์ตัวเอง เราช่วยผู้อื่นเท่าเราช่วยตัวเอง เราทำร้ายทำลายผู้อื่นเท่ากับเราทำร้ายทำลายตัวเอง เราคิดไม่ดีกับคนอื่นเท่ากับเราคิดไม่ดีกับตัวเอง เราทำดีกับคนอื่นเท่ากับเราทำดีกับตัวเองเพราะเราคือวัฏจักรของกันและกัน ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราทำมีผลต่อตัวเราเองเพราะเราคือวัฏจักรของตัวเราเอง
เราหมุนวงล้อออกนอกตัวเองเข้าหาผู้อื่นเพราะเราคือวัฏจักรของกันและกัน มนุษย์เป็นสัตว์สังคมมนุษย์อยู่รวมกันก็เพื่อให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกันเราคือกระจกเงาของกันและกันเราคือผู้รับส่งสารของกันและกัน ความสุขและความทุกข์ของเราขึ้นอยู่กับกันและกัน ความคิดและความรู้สึกคือสิ่งที่ผ่านเข้ามาแล้วผ่านออกไป ฉะนั้นการเรียนรู้และพัฒนาทางความคิดและความรู้สึกจะเกิดการเรียนรู้และพัฒนาที่สมบูรณ์แบบได้เราจะต้องนำความคิดและความรู้สึกเหล่านั้นออกมาลงมือปฏิบัติเพื่อให้เกิดภาพเสมือนจริงภายนอกและนำภาพเสมือนจริงที่เกิดขึ้นภายนอกกลับเข้าไปผ่านกระบวนการเรียนรู้และพัฒนาทางความคิดและความรู้สึกภายในอีกครั้งเพื่อทำให้สิ่งที่ควบคุมความคิดและความรู้สึกได้รับรู้ถึงการมีอยู่และดำรงอยู่ของความคิดและความรู้สึกนั้นๆ การรับรู้ถึงการมีอยู่และดำรงอยู่ของความคิดและความรู้สึกยังไม่สามารถทำให้ความคิดและความรู้สึกเกิดการแทนที่ที่สมบูรณ์ได้เราจะต้องนำเอาความคิดความรู้สึกใหม่มาลงมือปฎิบัติซ้ำแล้วซ้ำอีกหลายๆรอบและการลงมือปฎิบัติเราจะต้องทำทั้งสองทางพร้อมกันคือเดินออกจากความคิดและความรู้สึกเดิมๆและเดินข้าหาความคิดและความรู้สึกใหม่ๆการเลือกทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งโดยละเลยการกระทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง=เรายืนอยู่ที่เดิม มนุษย์จะใช้เวลา 7ปีแรกของชีวิตในการเดินเข้าสู่วัฏจักรของกันและกัน การรับและส่งสารของเราจะรับและส่งจากความรู้สึกในส่วนของมนุษย์และจิตวิญญาณ ในส่วนของมนุษย์คือการเรียนรู้และพัฒนาลักษณะท่าท่างการใช้อารมณ์คำพูดการหยิบจับการพลิกตัวการคลานการลุกนั่งเดินวิ่งทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวกับการใช้อวัยวะทุกส่วนทั้งภายในและภายนอก ในส่วนของจิตวิญญาณคือการเรียนรู้และพัฒนาที่เริ่มมาจากความไม่สมดุลย์ภายในจิตวิญญาณที่เราทุกคนมีไม่เท่ากัน แต่เราและพ่อแม่มีเท่ากันและอยู่ในระดับเดียวกัน การรับและส่งของลูกในช่วงแรกของชีวิตจะมาจากความไม่สมดุลย์ที่ลูกมีอยู่ในจิตวิญญาณ spirit ขั้วลบ (อดีต) และจิตวิญญาณ soul ขั้วบวก (อนาคต) และมาจากในส่วนของมนุษย์ที่ลูกสามารถรู้สึกและสัมผัสได้ในขณะที่อยู่ในครรภ์มารดา พ่อและแม่จะมีส่วนของความคิดเข้าร่วมในการรับส่งสารด้วย ความรู้สึกสร้างความคิดเมื่อความรู้สึกสร้างความคิดจึงเป็นเรื่องปกติที่คนเราจะใช้ความรู้สึกนำพาชีวิตและใช้ความคิดเดินตามความรู้สึกซึ่งเป็นไปตามธรรมชาติที่เกิดจากการะกระทำของกฎแห่งแรงดึงดูดและกฎแห่งแรงโน้มถ่วงที่ทำให้เกิดแรงไทดัล พ่อแม่ลูกจะมีทั้งความเหมือนและมีทั้งความต่างในกันและกันที่มีอยู่ภายในตัวของความคิดเองและภายในตัวของความรู้สึกเอง ทั้งความเหมือนและทั้งความต่างในกันและกันที่มีอยู่ภายในตัวของความคิดเองและภายในตัวของความรู้สึกเองคือสิ่งที่เชื่อมโยงระหว่างอดีต ปัจจุบันและอนาคตของกันและกัน เราและผู้อื่นก็มีทั้งความเหมือนและมีทั้งความต่างในกันและกันที่มีอยู่ภายในตัวของความคิดเองและภายในตัวของความรู้สึกเอง ทั้งความเหมือนและทั้งความต่างในกันและกันที่มีอยู่ภายในตัวของความคิดเองและภายในตัวของความรู้สึกเองคือสิ่งที่เชื่อมโยงระหว่างอดีต ปัจจุบันและอนาคตของกันและกัน
เราหมุนวงล้อเข้าหาตัวเองและหมุนรอบตัวเองเพราะเราคือวัฏจักรของตัวเราเอง เราคือผู้รับส่งสารของเราเอง ให้อย่างไรรับอย่างนั้น การหมุนวงล้อเข้าหาตัวเองและหมุนรอบตัวเองคือ การกำหนดชีวิตตัวเราเองด้วยตัวเราเอง เราคือผู้ที่กำหนดความสุขและความทุกข์ของเราเอง ทุกสิ่งทุกอย่างสามารถเริ่มและจบลงได้ที่ตัวเรา การเริ่มต้นและจบลงทางความคิดและความรู้สึกที่สมบูรณ์แบบเราจะต้องนำเอาความคิดและความรู้สึกเหล่านั้นออกมาลงมือปฏิบัติเพื่อให้เกิดภาพเสมือนจริงภายนอกและนำภาพเสมือนจริงที่เกิดขึ้นภายนอกกลับเข้าไปผ่านกระบวนการเรียนรู้และพัฒนาทางความคิดและความรู้สึกภายในอีกครั้งเพื่อทำให้สิ่งที่ควบคุมความคิดและความรู้สึกได้รับรู้ถึงการมีอยู่และดำรงอยู่ของความคิดและความรู้สึกนั้นๆ การรับรู้ถึงการมีอยู่และดำรงอยู่ของความคิดและความรู้สึกยังไม่สามารถทำให้ความคิดและความรู้สึกเกิดการแทนที่ที่สมบูรณ์ได้เราจะต้องนำเอาความคิดความรู้สึกใหม่มาลงมือปฎิบัติซ้ำแล้วซ้ำอีกหลายๆรอบและการลงมือปฎิบัติเราจะต้องทำทั้งสองทางพร้อมกันคือเดินออกจากความคิดและความรู้สึกเดิมๆและเดินข้าหาความคิดและความรู้สึกใหม่ๆการเลือกทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งโดยละเลยการกระทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง=เรายืนอยู่ที่เดิม ทุกความคิดและทุกความรู้สึกที่เรามีมาจากความไม่สมดุลย์ทางความคิดและความรู้จึงไม่มีสิ่งใดที่เราควรปฏิเสธการเรียนรู้และควรปฏิเสธการพัฒนาตัวเอง การไม่ยอมเรียนรู้และไม่ยอมพัฒนาความคิดและความรู้สึกของเราเอง=การเกิดมาเพื่อเป็นสะพานให้ผู้อื่นก้าวเดิน ไม่มีอะไรสูญเปล่าและไม่มีอะไรได้มาโดยไม่สูญเสียไป
*สิ่งที่ควบคุมความคิดและความรู้สึกคือ ความไม่สมบูรณ์พร้อมที่มีความสมบูรณ์พร้อมทางความคิด(สมอง) คือ กระแสไฟฟ้า (พลังงานบวก) และอิเล็กตรอน (พลังงานลบ) ความรู้สึก (เส้นประสาทสัมผัส) คือ แม่เหล็ก ขั้วบวกขั้วลบ
*สิ่งที่ควบคุมความรู้สึกคือ ความไม่สมดุลย์ในความสมดุลย์ทางความรู้สึกในส่วนของจิตวิญญาณ spirit ขั้วลบ (อดีต) และจิตวิญญาณ soul ขั้วบวก (อนาคต)