กัปตันวันชนะและคณะ กับดอกเตอร์สถาพร พักอาศัยอยู่กับล็อตและครอบครัวได้สองวัน ครั้นถึงวันที่สาม ในยามเย็น ล็อตออกจากบ้านไปหาซื้ออาหารบริเวณใกล้ประตูเมืองแต่เพียงลำพัง ปล่อยให้คนอื่นๆอยู่แต่ในบ้านและสั่งกำชับว่าทุกคนอย่าออกไปไหน เขาไปไม่นานก็จะรีบกลับ
หลังจากล็อตออกจากบ้านไปราวๆสิบกว่านาที กัปตันและคณะจึงเริ่มปรึกษาหารือกัน
"ผมว่าผมจะแอบตามเขาไป เผื่อมีเหตุการณ์อะไรคับขัน เขาเดือดร้อนต้องการความช่วยเหลือขึ้นมา จะได้ช่วยได้ทันท่วงที มีใครจะไปกับผมบ้างครับ ?" กัปตันถามแล้วมองหน้าลูกน้องทีละคนๆ
"พวกเราไปค่ะ" สาวจอยกอดเอวสาวเล็กและพยักหน้าตอบ
"สาวๆ อยู่บ้านกับครอบครัวล็อตดีกว่ามั้ง ?"
"ไม่เอาค่ะกัปตัน เบื่ออะ อยากออกไปยืดเส้นยืดสายบ้าง" สาวจอยสั่นหน้า
"งั้นผมไปด้วย" แซมเอ่ยขอร่วมขบวนด้วยอีกคน
"ไปด้วยกันหมดเลยดีกว่าครับ" เอกเสนอแนะ
"ไม่ดีหรอกครับ" กัปตันไม่เห็นด้วย "ต้องมีคนอยู่ที่นี่ คอยจับตาดูพฤติกรรมความเคลื่อนไหวของสถาพรด้วย"
"อืม...ใช่ๆๆ" แซมพยักหน้ารัวๆแสดงความเห็นด้วยทันที "ยังงั้น ผมอยู่ก็ได้ครับ โอเคไหมจอย ?" เขาหันไปถามภรรยาสาว
"เคค่ะ! จอยกับเล็กไปกับกัปตัน ไม่มีปัญหาแน่ค่ะ"
"แอนดี้ไปด้วยอีกคนนะ" กัปตันหันมาสั่งแอนดรอยด์ผู้อัพเกรดใหม่
"ครับผม" เขาตอบรับอย่างว่าง่าย
"โอเค สรุป ผม จอย เล็ก และแอนดี้ จะติดตามล็อตไป คนอื่นๆอยู่ที่นี่ จับตาดูสถาพรให้ดี ขัดขวางเขาไว้ถ้าเขาจะทำอะไรที่ไม่ดี"
"ไม่ต้องห่วงครับกัปตัน ผมกับเอกอยู่ เขาไม่กล้าทำอะไรนอกคอกวุ่นวายแน่ ไม่งั้นได้เจอผมอีก!" แซมกล่าวด้วยน้ำเสียงเข้มและท่าทางขึงขัง
"อืม...แซมเองก็อย่าด่วนวู่วามใช้กำลังนะครับ คุยกันดีๆได้ก็คุยกันก่อน ห้ามปรามกันดีๆก่อน ถ้าเขาไม่เชื่อฟังก็จัดการตามที่เห็นสมควรก็แล้วกัน"
"ครับผม กัปตัน" เขาตอบรับพลางยกมือขึ้นตะเบ๊ะ
กัปตันวันชนะยิ้มให้ทีหนึ่ง ก่อนจะหันไปบอกสองสาวและแอนดี้ "ไปกันเถอะครับ"
*****************************************************
ล็อต ผู้เป็นหลานของอับราฮัม เดินมาจนถึงบริเวณประตูเมืองโซดอม หาซื้ออาหารที่ต้องการได้แล้ว ดวงตะวันใกล้จะลับขอบฟ้า การเดินมาสิ้นระยะทางที่ไกล ทำให้เขารู้สึกเหนื่อย ปวดแข้งปวดขา จึงไปนั่งพักอยู่ที่ประตูเมือง
ภายในบริเวณสุมทุมพุ่มไม้หนาทึบห่างออกไปจากทางที่เขามา กัปตันวันชนะ สองสาวเล็กกับจอย และแอนดี้ซึ่งแอบติดตามมา ซ่อนตัวอยู่ และคอยจับตาดูสถานการณ์ หากเห็นอะไรไม่ชอบมาพากล พวกเขาจะออกไปช่วยล็อตทันที
ยามโพล้เพล้ อาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า ความมืดเริ่มคืบคลานเข้ามา เหนือเมืองโซดอม ปรากฏดวงไฟกลมใหญ่สีขาวนวลสว่างไสว และทันใดนั้น ร่างสีขาวสว่างสองร่างค่อยๆลอยลงมาจากใต้ดวงไฟนั้น ลงมายืนอยู่บนพื้นดิน และหันหน้าไปทางประตูเมืองซึ่งล็อตกำลังนั่งพักผ่อนเหยียดแข้งเหยียดขาผ่อนคลายอย่างสบายอยู่ !
กัปตันวันชนะ และสองสาว เบิกตากว้าง จ้องมองร่างสองร่างนั้นอย่างตื่นตะลึง!
ทั้งสองร่างนั้น มีแสงสว่างดุจดังรังสีแผ่ซ่านออกมาทั่วร่าง แต่สิ่งที่ทั้งสามคนไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองก็คือ ทั้งสอง มีปีกขนาดใหญ่เหมือนปีกนกอยู่ที่กลางหลัง และปีกของพวกเขาก็มีรังสีแผ่ออกมาสว่างไสวด้วยเหมือนกัน !!
"Oh,my God! Real Angels !!" สาวจอยอุทานเสียงเหมือนกระซิบแหบแห้งออกจากในลำคอ
กัปตันวันชนะรีบล้วงเอากล้องถ่ายภาพและวีดิโอขนาดจิ๋วออกมาจากอกเสื้อแล้วเปิดเครื่องถ่ายคลิปวีดิโอสดๆทันที โดยซูมเข้าไปหา "แองเจิ้ล" ทั้งสอง แต่แล้วก็ปรากฏว่า มีสัญญาณคลื่นรบกวนเเป็นอันมาก
ถ่ายวิโอไม่ได้ และแม้แต่จะถ่ายภาพนิ่งธรรมดาๆ ก็ถ่ายไม่ติด!!
"อะไรกันเนี่ย ?" เขาอุทานออกมาเบาๆ
"ถ่ายไม่ได้เหรอคะ ?" สาวจอยชะโงกหน้าเข้ามาดูพร้อมกันกับสาวเล็ก
"ไม่ติดครับ" กัปตันส่ายหน้า "ลองหลายหนแล้ว"
"นี่คงเป็นเพราะอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์มั้งคะ" สาวเล็กเดา แล้วหันไปหาแอนดี้ "แอนดี้ เธอลองถ่ายบันทึกวีดิโอด้วยตัวเธอเองดูซิ"
"ได้ครับเล็ก" แอนดี้พยักหน้า แล้วเปิดระบบบันทึกวีดิโอผ่านสองตาของตัวเอง จ้องมองไปยัง "แองเจิ้ล" ทั้งสองซึ่งกำลังยืนอยู่ข้างนอก และล็อตกำลังเดินเข้าไปหาพวกเขา
แล้วแอนดี้ก็ต้องกะพริบตาถี่ๆ เพราะจับภาพสัญญาณได้เป็นภาพล้มและไหววูบวาบตลอดเวลาจนไม่สามารถมองเห็นได้ว่าเป็นภาพอะไร ภายในหัวบอกกับตัวเองว่า SYSTEM FAILURE, RECORDING FAILED!!
กัปตันและสองสาวมองเห็นอาการแปลกๆของแอนดี้ เขาพยายามเริ่มต้นการบันทึกใหม่ แต่ก็ไม่สำเร็จ ดวงตาของเขากะพริบถี่ๆไม่ยอมหยุด จนกัปตันอดรนทนไม่ได้ต้องสั่งให้เขาหยุด
"แอนดี้ พอแล้ว หยุด! ไม่ต้องบันทึกแล้ว!"
"ครับผม" เขาพยักหน้า แล้วปิดระบบบันทึก ดวงตาทั้งสองกลับมาเป็นสภาพเดิม มองเห็นภาพต่างๆได้เป็นปกติเหมือนคนทั่วไป
"ขณะที่นายกำลังพยายามบันทึก นายเจอกับอะไรบ้าง ?"
"เป็นพลังงานลึกลับ อธิบายไม่ได้ครับเจ้านาย" แอนดี้ทำสีหน้ามึนงง ซึ่งน้อยครั้งมากที่เขาจะแสดงอาการเช่นนี้ "มันเข้ามาก่อกวนจนผมไม่สามารถรับสัญญาณภาพจากที่เห็นตรงหน้าได้ มันลายตาไปหมด และภาพมีการเคลื่อนไหวแบบล่มๆ เหมือนภาพจากจอทีวีซึ่งกำลังล้มอยู่น่ะครับ"
กัปตันมองดู "แองเจิ้ล" ข้างนอกอีกครั้ง พลางพึมพำ "พวกเขา ถ้าไม่ใช่ทูตสวรรค์ ก็คงเป็นมนุษย์ต่างดาวอีกพวก!"
"แต่พวกเขามีปีกที่หลังด้วยนี่คะ!" สาวจอยแย้ง "จะอธิบายเรื่องนี้ยังไง ? มนุษย์ต่างดาวไม่น่ามีอะ"
"อืม...ไม่รู้สิครับข้อนี้ ผมก็จนด้วยเกล้า อธิบายไม่ได้แล้ว" กัปตันส่ายหัว "เราคอยดูเหตุการณ์กันต่อไปดีกว่าครับ ถ้าพวกนั้นเป็นทูตสวรรค์จริงๆ ก็ต้องเป็นมิตรกับล็อต ต้องมาช่วยล็อต บางทีอาจจะมาบอกว่า ถึงเวลาที่พระเจ้าจะทำลายล้างเมืองคนบาปแห่งนี้แล้ว!"
"และอีกเมืองหนึ่ง โกโมร่าห์!" สาวจอยกล่าวเสริม
"ถ้าเป็นอย่างนั้น หลังจากนี้ พวกเราทุกคนต้องกลับไปที่ยาน Fugitive กันแล้วหละครับ รอดูกันต่อไป"
****************************************************************
ล็อตเดินเข้าไปหา "ทูตสวรรค์" ทั้งสองผู้มีกายสว่างไสว ยืนหุบปีกซึ่งมีขนาดใหญ่ไว้เบื้องหลังรออยู่ ครั้นเข้าไปใกล้ๆ เขาก็ทรุดกายลง นั่งคุกเข่า ก้มหน้าลงกับพื้น และกล่าวต่อเทวทูตทั้งสอง
"เจ้านายของข้า...ข้าขอวิงวอนต่อพวกท่าน ได้โปรดแวะไปที่บ้านของข้าซึ่งเป็นผู้รับใช้ของพวกท่าน และโปรดค้างแรมที่บ้านของข้าในคืนนี้เถิด ข้าจะล้างเท้าให้กับพวกท่าน ปรนนิบัติพวกท่าน พรุ่งนี้เช้า พวกท่านค่อยเดินทางต่อเถิด"
ทูตทั้งสองส่ายหน้าช้าๆ และหนึ่งในนั้นกล่าวตอบ "อย่าเลย ล็อต ไม่ต้องหรอก พวกเราจะค้างแรมกันบนถนนนี่แหละ!"
ล็อตร้องห้ามเสียงหลง
"ได้อย่างไรขอรับ ไม่! ไม่ได้เป็นอันขาด! พวกท่านเป็นทูตสวรรค์ รูปโฉมงดงามล่วงสามัญมนุษย์เช่นนี้ หากเหล่าชาวเมืองโซดอมมองเห็นพวกท่านเข้าละก็ พวกเขาจะยื้อแย่งเอาตัวของพวกท่านไปกระทำย่ำยีตามความต้องการอันผิดบาปของพวกเขาทั้งเมืองเป็นแน่แท้ทีเดียว!"
"พวกเขาทำอันตรายอันใดแก่พวกเรา หาได้ไม่" อีกคนหนึ่งตอบ น้ำเสียงของพวกเขาทั้งสองล้วนใสกังวานนุ่มนวลไพเราะ และเสียงที่พูดออกมาทุกคำไม่มีการสะดุด ไร้เสียงแห่งการกระแอมกระไอ ซึ่งผิดไปจากคนธรรมดา ทั้งแสงสว่างจากทั่วกายนั้นก็เรืองรองเสมอกันหมด "เจ้าอย่าได้ห่วงไปเลย"
"ถึงกระนั้น พวกท่าน ก็หาควรพักแรมกับพื้นดินนอกประตูเมืองนี้โดยไร้นิวาสถานที่พักพิงเช่นนี้ไม่ บนที่นอนอันนุ่มในบ้านของข้าซึ่งจัดไว้ให้ด้วยความเคารพ ย่อมสมควรแแด่ทูตสวรรค์ซึ่งพระผู้เป็นเจ้าทรงส่งมา อย่างพวกท่าน ขอได้โปรดเชื่อข้าเถิด"
ทูตสวรรค์ทั้งสองมองหน้ากัน และสื่อสารกันทางจิตอยู่ชั่วขณะหนึ่ง แล้วหนึ่งในสองนั้นจึงตอบรับคำเชิญ
"ก็ได้ ล็อต เราจะตามเจ้าไป เพื่อพักค้างแรมที่บ้านของเจ้า"
ล็อตยิ้มกว้างด้วยความยินดี รีบเชิญทั้งสองกลับสู่บ้านของตนทันที ณ บัดนั้น
กัปตันวันชนะ สองสาว และแอนดี้ ซึ่งซุ่มดูเหตุการณ์อยู่ หันมามองหน้ากันและกัน แล้วกัปตันก็ตัดสินใจบอกกับทุกคน
"พวกเรากลับกันเถอะ รีบกลับไปให้ถึงบ้านก่อนพวกเขา"
"ค่ะ กัปตัน" สองสาวตอบรับคำสั่ง จากนั้นทั้งสี่คนจึงรีบเร่งฝีเท้ากลับไปบ้านของล็อต ในขณะที่ล็อตเองก็กำลังเดินไปพลาง สนทนากับทูตสวรรค์ทั้งสองไปพลาง บนหนทางซึ่งมุ่งหน้าสู่บ้านของเขา อย่างช้าๆ ไม่รีบเร่ง ด้วยเห็นว่า อย่างไรเสีย พวกเขาก็เป็นทูตสวรรค์ ไม่มีใครจะมาทำอันตรายใดๆได้
แต่แม้กระนั้น ความเคลื่อนไหวของพวกเขาทั้งสาม ก็ไม่รอดพ้นไปจากสายตาของชาวเมืองโซดอมบางคนไปได้ คนที่พบเห็นจึงไปบอกกับคนอื่นๆ ปากต่อปาก และจากนั้น ข่าวการมาเยือนของอาคันตุกะใหม่สองคนผู้มีรูปโฉมงดงามกว่าใครเท่าที่เคยเห็นมาก็แพร่สะพัดไปทั้งเมือง
ชนชาวเมืองโซดอมเป็นจำนวนมาก จึงพากันออกมาจากเมือง มุ่งสู่บ้านของล็อต เพื่อจะให้เจ้าของบ้านมอบตัวอาคันตุกะใหม่ทั้งสองให้แก่พวกตน!
*************************************************************************
ที่บ้านของล็อต หลังจากเจ้าของบ้านออกจากบ้านไปไม่นานและกัปตันวันชนะพาสองสาวและแอนดี้แอบตามหลังไปแล้ว...
แซมกับเอก อยู่ในห้องของกัปตันวันชนะ พูดคุยกับเอ็มม่าและสาวน้อยแอนนาอยู่ สองแม่ลูกนั่งอยู่บนเตียง ส่วนสองหนุ่มนั่งอยู่บนเก้าอี้ห่างจากเตียงเล็กน้อย เรื่องที่สนทนากันอยู่นั้นเกี่ยวกับชีวิตความเป็นอยู่ของชาวดาวเนโอโซรอสซึ่งเอ็มม่าจากมา
"ที่นั่น มีดวงจันทร์บริวารอยู่สองดวงค่ะ" เอ็มม่าเล่าหลังจากที่แซมพูดถึงดวงจันทร์เพียงดวงเดียวของโลก "มีขนาดใหญ่กว่าดวงจันทร์ของโลกเล็กน้อยและอยู่ในระยะห่างที่สมดุลย์พอดีๆ ทำให้สภาวะน้ำขึ้นน้ำลงบนเนโอโซรอสเกิดขึ้นอย่างพอเหมาะ"
"แล้วมองเห็นขึ้นพร้อมกันไหมครับ ?" เอกซักถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
"ไม่ค่ะคุณเอก" เอ็มม่าส่ายหน้ายิ้มๆ "แต่พวกเราจะเห็นทั้งสองดวงพร้อมกันได้ค่ะ ในเวลาเช้าๆ กับเวลาเย็นตอนดวงอาทิตย์จะตก พวกเราเรียกดวงจันทร์ดวงแรกซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าว่า 'โซฟี' และอีกดวงหนึ่งซึ่งเล็กกว่าว่า 'โซเฟีย' ชื่อสองชื่อนี้มาจากตำนานสองพี่น้องคู่หนึ่งค่ะ ซึ่งตำนานนั้นก็จะอธิบายเหตุผลของการที่ดวงจันทร์ทั้งสองขึ้นและตกคนละเวลากัน"
"น่าสนใจครับผม ตำนานเล่าว่าไงบ้างครับ ?" แซมถามบ้าง
"ตำนานว่ายังงี้ค่ะ ในอดีตกาลนานนับหมื่นปีมาแล้ว หมื่นปีของพวกเรานะคะ ถ้าเป็นเวลาของโลกก็คงเป็นแสนปี!"
"โห...." สองหนุ่มอุทานพร้อมกัน
"ค่ะ!" เอ็มม่ายิ้มแล้วเล่าต่อไป "มีเทพธิดาสององค์ คือโซฟี เป็นพี่สาว โซเฟีย เป็นน้องสาว ทั้งคู่เป็นฝาแฝดกัน โซฟีมองเห็นและทำสิ่งต่างๆได้ในเวลากลางวัน และเกลียดความมืด เพราะความมืดทำให้นางไม่มีเรี่ยวแรง อ่อนเพลีย ดังนั้นกลางคืนนางจะต้องพักผ่อนนอนหลับ รุ่งเช้าจึงจะตื่นขึ้นมาใหม่"
"งั้น สงสัย โซเฟียคนน้อง คงจะตรงกันข้ามกับคนพี่ ใช่ไหมครับ ?" แซมลองเดา
"ใช่ค่ะ เดาเก่งจัง" เอ็มม่าพยักหน้าและยิ้มอีกครั้ง เป็นยิ้มที่ทำให้สองหนุ่มนึกในใจว่าเจ้านายของตนคือกัปตันวันชนะโชคดีเหลือเกินที่ได้พบหล่อนและได้หล่อนเป็นภรรยา แถมมีลูกสาวที่น่ารักและเก่งมีพลังจิตพิเศษอีกต่างหาก "โซเฟียไม่มีเรี่ยวมีแรงเมื่อถูกแสงแดด ร่างกายจะอ่อนแอมากๆ และเปิดตาไม่ได้เลย ต้องหลับตาสนิทในเวลากลางวัน ไม่อาจทำอะไรได้ แต่เธอจะกะปรี้กะเปร่าเต็มไปด้วยพลกำลังในเวลากลางคืน แถมสายตาสามารถมองเห็นได้ในที่มืด มืดแค่ไหนเธอก็มองเห็นได้ทุกอย่าง เพราะฉะนั้น โซเฟียจึงพักผ่อนนอนหลับในเวลากลางวัน และจะตื่นขึ้นมาในยามโพล้เพล้ อาทิตย์ใกล้อัสดงคต"
"แล้ว ชื่อของทั้งสองคน กลายเป็นชื่อของดวงจันทร์สองดวงของดาวเนโอโซรอสได้ยังไงครับ ?" เอกถามสลับกับแซม
"คืออย่างนี้ค่ะ เมื่อทั้งสองโตเป็นสาว ได้หลงรักชายหนุ่มคนหนึ่งซึ่งเป็นโอรสของสุริยเทพ ชื่อว่า เนโอโซรอส แล้วก็เกิดหึงหวงเขาหลังจากที่รู้ว่าต่างฝ่ายต่างรักชายคนเดียวกัน"
"เนโอโซรอส ชื่อเดียวกันกับชื่อดาวของพวกคุณนี่ครับ"
"ใช่ค่ะ คุณแซม, นี่คือตำนานดวงดาวของพวกเราละค่ะ คือ สุริยเทพ บิดาของเนโอโซรอส ไม่อนุญาตให้เนโอโซรอสมีภรรยาพร้อมกันสองนาง เขาต้องเลือกเพียงนางเดียว"
(ต่อครับ)
💫🕛💫 "หลงกาล" Episode-41 : โซดอม เมืองคนบาป #5 💫🕛💫
กัปตันวันชนะและคณะ กับดอกเตอร์สถาพร พักอาศัยอยู่กับล็อตและครอบครัวได้สองวัน ครั้นถึงวันที่สาม ในยามเย็น ล็อตออกจากบ้านไปหาซื้ออาหารบริเวณใกล้ประตูเมืองแต่เพียงลำพัง ปล่อยให้คนอื่นๆอยู่แต่ในบ้านและสั่งกำชับว่าทุกคนอย่าออกไปไหน เขาไปไม่นานก็จะรีบกลับ
หลังจากล็อตออกจากบ้านไปราวๆสิบกว่านาที กัปตันและคณะจึงเริ่มปรึกษาหารือกัน
"ผมว่าผมจะแอบตามเขาไป เผื่อมีเหตุการณ์อะไรคับขัน เขาเดือดร้อนต้องการความช่วยเหลือขึ้นมา จะได้ช่วยได้ทันท่วงที มีใครจะไปกับผมบ้างครับ ?" กัปตันถามแล้วมองหน้าลูกน้องทีละคนๆ
"พวกเราไปค่ะ" สาวจอยกอดเอวสาวเล็กและพยักหน้าตอบ
"สาวๆ อยู่บ้านกับครอบครัวล็อตดีกว่ามั้ง ?"
"ไม่เอาค่ะกัปตัน เบื่ออะ อยากออกไปยืดเส้นยืดสายบ้าง" สาวจอยสั่นหน้า
"งั้นผมไปด้วย" แซมเอ่ยขอร่วมขบวนด้วยอีกคน
"ไปด้วยกันหมดเลยดีกว่าครับ" เอกเสนอแนะ
"ไม่ดีหรอกครับ" กัปตันไม่เห็นด้วย "ต้องมีคนอยู่ที่นี่ คอยจับตาดูพฤติกรรมความเคลื่อนไหวของสถาพรด้วย"
"อืม...ใช่ๆๆ" แซมพยักหน้ารัวๆแสดงความเห็นด้วยทันที "ยังงั้น ผมอยู่ก็ได้ครับ โอเคไหมจอย ?" เขาหันไปถามภรรยาสาว
"เคค่ะ! จอยกับเล็กไปกับกัปตัน ไม่มีปัญหาแน่ค่ะ"
"แอนดี้ไปด้วยอีกคนนะ" กัปตันหันมาสั่งแอนดรอยด์ผู้อัพเกรดใหม่
"ครับผม" เขาตอบรับอย่างว่าง่าย
"โอเค สรุป ผม จอย เล็ก และแอนดี้ จะติดตามล็อตไป คนอื่นๆอยู่ที่นี่ จับตาดูสถาพรให้ดี ขัดขวางเขาไว้ถ้าเขาจะทำอะไรที่ไม่ดี"
"ไม่ต้องห่วงครับกัปตัน ผมกับเอกอยู่ เขาไม่กล้าทำอะไรนอกคอกวุ่นวายแน่ ไม่งั้นได้เจอผมอีก!" แซมกล่าวด้วยน้ำเสียงเข้มและท่าทางขึงขัง
"อืม...แซมเองก็อย่าด่วนวู่วามใช้กำลังนะครับ คุยกันดีๆได้ก็คุยกันก่อน ห้ามปรามกันดีๆก่อน ถ้าเขาไม่เชื่อฟังก็จัดการตามที่เห็นสมควรก็แล้วกัน"
"ครับผม กัปตัน" เขาตอบรับพลางยกมือขึ้นตะเบ๊ะ
กัปตันวันชนะยิ้มให้ทีหนึ่ง ก่อนจะหันไปบอกสองสาวและแอนดี้ "ไปกันเถอะครับ"
ล็อต ผู้เป็นหลานของอับราฮัม เดินมาจนถึงบริเวณประตูเมืองโซดอม หาซื้ออาหารที่ต้องการได้แล้ว ดวงตะวันใกล้จะลับขอบฟ้า การเดินมาสิ้นระยะทางที่ไกล ทำให้เขารู้สึกเหนื่อย ปวดแข้งปวดขา จึงไปนั่งพักอยู่ที่ประตูเมือง
ภายในบริเวณสุมทุมพุ่มไม้หนาทึบห่างออกไปจากทางที่เขามา กัปตันวันชนะ สองสาวเล็กกับจอย และแอนดี้ซึ่งแอบติดตามมา ซ่อนตัวอยู่ และคอยจับตาดูสถานการณ์ หากเห็นอะไรไม่ชอบมาพากล พวกเขาจะออกไปช่วยล็อตทันที
ยามโพล้เพล้ อาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า ความมืดเริ่มคืบคลานเข้ามา เหนือเมืองโซดอม ปรากฏดวงไฟกลมใหญ่สีขาวนวลสว่างไสว และทันใดนั้น ร่างสีขาวสว่างสองร่างค่อยๆลอยลงมาจากใต้ดวงไฟนั้น ลงมายืนอยู่บนพื้นดิน และหันหน้าไปทางประตูเมืองซึ่งล็อตกำลังนั่งพักผ่อนเหยียดแข้งเหยียดขาผ่อนคลายอย่างสบายอยู่ !
กัปตันวันชนะ และสองสาว เบิกตากว้าง จ้องมองร่างสองร่างนั้นอย่างตื่นตะลึง!
ทั้งสองร่างนั้น มีแสงสว่างดุจดังรังสีแผ่ซ่านออกมาทั่วร่าง แต่สิ่งที่ทั้งสามคนไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองก็คือ ทั้งสอง มีปีกขนาดใหญ่เหมือนปีกนกอยู่ที่กลางหลัง และปีกของพวกเขาก็มีรังสีแผ่ออกมาสว่างไสวด้วยเหมือนกัน !!
"Oh,my God! Real Angels !!" สาวจอยอุทานเสียงเหมือนกระซิบแหบแห้งออกจากในลำคอ
กัปตันวันชนะรีบล้วงเอากล้องถ่ายภาพและวีดิโอขนาดจิ๋วออกมาจากอกเสื้อแล้วเปิดเครื่องถ่ายคลิปวีดิโอสดๆทันที โดยซูมเข้าไปหา "แองเจิ้ล" ทั้งสอง แต่แล้วก็ปรากฏว่า มีสัญญาณคลื่นรบกวนเเป็นอันมาก ถ่ายวิโอไม่ได้ และแม้แต่จะถ่ายภาพนิ่งธรรมดาๆ ก็ถ่ายไม่ติด!!
"อะไรกันเนี่ย ?" เขาอุทานออกมาเบาๆ
"ถ่ายไม่ได้เหรอคะ ?" สาวจอยชะโงกหน้าเข้ามาดูพร้อมกันกับสาวเล็ก
"ไม่ติดครับ" กัปตันส่ายหน้า "ลองหลายหนแล้ว"
"นี่คงเป็นเพราะอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์มั้งคะ" สาวเล็กเดา แล้วหันไปหาแอนดี้ "แอนดี้ เธอลองถ่ายบันทึกวีดิโอด้วยตัวเธอเองดูซิ"
"ได้ครับเล็ก" แอนดี้พยักหน้า แล้วเปิดระบบบันทึกวีดิโอผ่านสองตาของตัวเอง จ้องมองไปยัง "แองเจิ้ล" ทั้งสองซึ่งกำลังยืนอยู่ข้างนอก และล็อตกำลังเดินเข้าไปหาพวกเขา
แล้วแอนดี้ก็ต้องกะพริบตาถี่ๆ เพราะจับภาพสัญญาณได้เป็นภาพล้มและไหววูบวาบตลอดเวลาจนไม่สามารถมองเห็นได้ว่าเป็นภาพอะไร ภายในหัวบอกกับตัวเองว่า SYSTEM FAILURE, RECORDING FAILED!!
กัปตันและสองสาวมองเห็นอาการแปลกๆของแอนดี้ เขาพยายามเริ่มต้นการบันทึกใหม่ แต่ก็ไม่สำเร็จ ดวงตาของเขากะพริบถี่ๆไม่ยอมหยุด จนกัปตันอดรนทนไม่ได้ต้องสั่งให้เขาหยุด
"แอนดี้ พอแล้ว หยุด! ไม่ต้องบันทึกแล้ว!"
"ครับผม" เขาพยักหน้า แล้วปิดระบบบันทึก ดวงตาทั้งสองกลับมาเป็นสภาพเดิม มองเห็นภาพต่างๆได้เป็นปกติเหมือนคนทั่วไป
"ขณะที่นายกำลังพยายามบันทึก นายเจอกับอะไรบ้าง ?"
"เป็นพลังงานลึกลับ อธิบายไม่ได้ครับเจ้านาย" แอนดี้ทำสีหน้ามึนงง ซึ่งน้อยครั้งมากที่เขาจะแสดงอาการเช่นนี้ "มันเข้ามาก่อกวนจนผมไม่สามารถรับสัญญาณภาพจากที่เห็นตรงหน้าได้ มันลายตาไปหมด และภาพมีการเคลื่อนไหวแบบล่มๆ เหมือนภาพจากจอทีวีซึ่งกำลังล้มอยู่น่ะครับ"
กัปตันมองดู "แองเจิ้ล" ข้างนอกอีกครั้ง พลางพึมพำ "พวกเขา ถ้าไม่ใช่ทูตสวรรค์ ก็คงเป็นมนุษย์ต่างดาวอีกพวก!"
"แต่พวกเขามีปีกที่หลังด้วยนี่คะ!" สาวจอยแย้ง "จะอธิบายเรื่องนี้ยังไง ? มนุษย์ต่างดาวไม่น่ามีอะ"
"อืม...ไม่รู้สิครับข้อนี้ ผมก็จนด้วยเกล้า อธิบายไม่ได้แล้ว" กัปตันส่ายหัว "เราคอยดูเหตุการณ์กันต่อไปดีกว่าครับ ถ้าพวกนั้นเป็นทูตสวรรค์จริงๆ ก็ต้องเป็นมิตรกับล็อต ต้องมาช่วยล็อต บางทีอาจจะมาบอกว่า ถึงเวลาที่พระเจ้าจะทำลายล้างเมืองคนบาปแห่งนี้แล้ว!"
"และอีกเมืองหนึ่ง โกโมร่าห์!" สาวจอยกล่าวเสริม
"ถ้าเป็นอย่างนั้น หลังจากนี้ พวกเราทุกคนต้องกลับไปที่ยาน Fugitive กันแล้วหละครับ รอดูกันต่อไป"
ล็อตเดินเข้าไปหา "ทูตสวรรค์" ทั้งสองผู้มีกายสว่างไสว ยืนหุบปีกซึ่งมีขนาดใหญ่ไว้เบื้องหลังรออยู่ ครั้นเข้าไปใกล้ๆ เขาก็ทรุดกายลง นั่งคุกเข่า ก้มหน้าลงกับพื้น และกล่าวต่อเทวทูตทั้งสอง
"เจ้านายของข้า...ข้าขอวิงวอนต่อพวกท่าน ได้โปรดแวะไปที่บ้านของข้าซึ่งเป็นผู้รับใช้ของพวกท่าน และโปรดค้างแรมที่บ้านของข้าในคืนนี้เถิด ข้าจะล้างเท้าให้กับพวกท่าน ปรนนิบัติพวกท่าน พรุ่งนี้เช้า พวกท่านค่อยเดินทางต่อเถิด"
ทูตทั้งสองส่ายหน้าช้าๆ และหนึ่งในนั้นกล่าวตอบ "อย่าเลย ล็อต ไม่ต้องหรอก พวกเราจะค้างแรมกันบนถนนนี่แหละ!"
ล็อตร้องห้ามเสียงหลง
"ได้อย่างไรขอรับ ไม่! ไม่ได้เป็นอันขาด! พวกท่านเป็นทูตสวรรค์ รูปโฉมงดงามล่วงสามัญมนุษย์เช่นนี้ หากเหล่าชาวเมืองโซดอมมองเห็นพวกท่านเข้าละก็ พวกเขาจะยื้อแย่งเอาตัวของพวกท่านไปกระทำย่ำยีตามความต้องการอันผิดบาปของพวกเขาทั้งเมืองเป็นแน่แท้ทีเดียว!"
"พวกเขาทำอันตรายอันใดแก่พวกเรา หาได้ไม่" อีกคนหนึ่งตอบ น้ำเสียงของพวกเขาทั้งสองล้วนใสกังวานนุ่มนวลไพเราะ และเสียงที่พูดออกมาทุกคำไม่มีการสะดุด ไร้เสียงแห่งการกระแอมกระไอ ซึ่งผิดไปจากคนธรรมดา ทั้งแสงสว่างจากทั่วกายนั้นก็เรืองรองเสมอกันหมด "เจ้าอย่าได้ห่วงไปเลย"
"ถึงกระนั้น พวกท่าน ก็หาควรพักแรมกับพื้นดินนอกประตูเมืองนี้โดยไร้นิวาสถานที่พักพิงเช่นนี้ไม่ บนที่นอนอันนุ่มในบ้านของข้าซึ่งจัดไว้ให้ด้วยความเคารพ ย่อมสมควรแแด่ทูตสวรรค์ซึ่งพระผู้เป็นเจ้าทรงส่งมา อย่างพวกท่าน ขอได้โปรดเชื่อข้าเถิด"
ทูตสวรรค์ทั้งสองมองหน้ากัน และสื่อสารกันทางจิตอยู่ชั่วขณะหนึ่ง แล้วหนึ่งในสองนั้นจึงตอบรับคำเชิญ
"ก็ได้ ล็อต เราจะตามเจ้าไป เพื่อพักค้างแรมที่บ้านของเจ้า"
ล็อตยิ้มกว้างด้วยความยินดี รีบเชิญทั้งสองกลับสู่บ้านของตนทันที ณ บัดนั้น
กัปตันวันชนะ สองสาว และแอนดี้ ซึ่งซุ่มดูเหตุการณ์อยู่ หันมามองหน้ากันและกัน แล้วกัปตันก็ตัดสินใจบอกกับทุกคน
"พวกเรากลับกันเถอะ รีบกลับไปให้ถึงบ้านก่อนพวกเขา"
"ค่ะ กัปตัน" สองสาวตอบรับคำสั่ง จากนั้นทั้งสี่คนจึงรีบเร่งฝีเท้ากลับไปบ้านของล็อต ในขณะที่ล็อตเองก็กำลังเดินไปพลาง สนทนากับทูตสวรรค์ทั้งสองไปพลาง บนหนทางซึ่งมุ่งหน้าสู่บ้านของเขา อย่างช้าๆ ไม่รีบเร่ง ด้วยเห็นว่า อย่างไรเสีย พวกเขาก็เป็นทูตสวรรค์ ไม่มีใครจะมาทำอันตรายใดๆได้
แต่แม้กระนั้น ความเคลื่อนไหวของพวกเขาทั้งสาม ก็ไม่รอดพ้นไปจากสายตาของชาวเมืองโซดอมบางคนไปได้ คนที่พบเห็นจึงไปบอกกับคนอื่นๆ ปากต่อปาก และจากนั้น ข่าวการมาเยือนของอาคันตุกะใหม่สองคนผู้มีรูปโฉมงดงามกว่าใครเท่าที่เคยเห็นมาก็แพร่สะพัดไปทั้งเมือง
ชนชาวเมืองโซดอมเป็นจำนวนมาก จึงพากันออกมาจากเมือง มุ่งสู่บ้านของล็อต เพื่อจะให้เจ้าของบ้านมอบตัวอาคันตุกะใหม่ทั้งสองให้แก่พวกตน!
ที่บ้านของล็อต หลังจากเจ้าของบ้านออกจากบ้านไปไม่นานและกัปตันวันชนะพาสองสาวและแอนดี้แอบตามหลังไปแล้ว...
แซมกับเอก อยู่ในห้องของกัปตันวันชนะ พูดคุยกับเอ็มม่าและสาวน้อยแอนนาอยู่ สองแม่ลูกนั่งอยู่บนเตียง ส่วนสองหนุ่มนั่งอยู่บนเก้าอี้ห่างจากเตียงเล็กน้อย เรื่องที่สนทนากันอยู่นั้นเกี่ยวกับชีวิตความเป็นอยู่ของชาวดาวเนโอโซรอสซึ่งเอ็มม่าจากมา
"ที่นั่น มีดวงจันทร์บริวารอยู่สองดวงค่ะ" เอ็มม่าเล่าหลังจากที่แซมพูดถึงดวงจันทร์เพียงดวงเดียวของโลก "มีขนาดใหญ่กว่าดวงจันทร์ของโลกเล็กน้อยและอยู่ในระยะห่างที่สมดุลย์พอดีๆ ทำให้สภาวะน้ำขึ้นน้ำลงบนเนโอโซรอสเกิดขึ้นอย่างพอเหมาะ"
"แล้วมองเห็นขึ้นพร้อมกันไหมครับ ?" เอกซักถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
"ไม่ค่ะคุณเอก" เอ็มม่าส่ายหน้ายิ้มๆ "แต่พวกเราจะเห็นทั้งสองดวงพร้อมกันได้ค่ะ ในเวลาเช้าๆ กับเวลาเย็นตอนดวงอาทิตย์จะตก พวกเราเรียกดวงจันทร์ดวงแรกซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าว่า 'โซฟี' และอีกดวงหนึ่งซึ่งเล็กกว่าว่า 'โซเฟีย' ชื่อสองชื่อนี้มาจากตำนานสองพี่น้องคู่หนึ่งค่ะ ซึ่งตำนานนั้นก็จะอธิบายเหตุผลของการที่ดวงจันทร์ทั้งสองขึ้นและตกคนละเวลากัน"
"น่าสนใจครับผม ตำนานเล่าว่าไงบ้างครับ ?" แซมถามบ้าง
"ตำนานว่ายังงี้ค่ะ ในอดีตกาลนานนับหมื่นปีมาแล้ว หมื่นปีของพวกเรานะคะ ถ้าเป็นเวลาของโลกก็คงเป็นแสนปี!"
"โห...." สองหนุ่มอุทานพร้อมกัน
"ค่ะ!" เอ็มม่ายิ้มแล้วเล่าต่อไป "มีเทพธิดาสององค์ คือโซฟี เป็นพี่สาว โซเฟีย เป็นน้องสาว ทั้งคู่เป็นฝาแฝดกัน โซฟีมองเห็นและทำสิ่งต่างๆได้ในเวลากลางวัน และเกลียดความมืด เพราะความมืดทำให้นางไม่มีเรี่ยวแรง อ่อนเพลีย ดังนั้นกลางคืนนางจะต้องพักผ่อนนอนหลับ รุ่งเช้าจึงจะตื่นขึ้นมาใหม่"
"งั้น สงสัย โซเฟียคนน้อง คงจะตรงกันข้ามกับคนพี่ ใช่ไหมครับ ?" แซมลองเดา
"ใช่ค่ะ เดาเก่งจัง" เอ็มม่าพยักหน้าและยิ้มอีกครั้ง เป็นยิ้มที่ทำให้สองหนุ่มนึกในใจว่าเจ้านายของตนคือกัปตันวันชนะโชคดีเหลือเกินที่ได้พบหล่อนและได้หล่อนเป็นภรรยา แถมมีลูกสาวที่น่ารักและเก่งมีพลังจิตพิเศษอีกต่างหาก "โซเฟียไม่มีเรี่ยวมีแรงเมื่อถูกแสงแดด ร่างกายจะอ่อนแอมากๆ และเปิดตาไม่ได้เลย ต้องหลับตาสนิทในเวลากลางวัน ไม่อาจทำอะไรได้ แต่เธอจะกะปรี้กะเปร่าเต็มไปด้วยพลกำลังในเวลากลางคืน แถมสายตาสามารถมองเห็นได้ในที่มืด มืดแค่ไหนเธอก็มองเห็นได้ทุกอย่าง เพราะฉะนั้น โซเฟียจึงพักผ่อนนอนหลับในเวลากลางวัน และจะตื่นขึ้นมาในยามโพล้เพล้ อาทิตย์ใกล้อัสดงคต"
"แล้ว ชื่อของทั้งสองคน กลายเป็นชื่อของดวงจันทร์สองดวงของดาวเนโอโซรอสได้ยังไงครับ ?" เอกถามสลับกับแซม
"คืออย่างนี้ค่ะ เมื่อทั้งสองโตเป็นสาว ได้หลงรักชายหนุ่มคนหนึ่งซึ่งเป็นโอรสของสุริยเทพ ชื่อว่า เนโอโซรอส แล้วก็เกิดหึงหวงเขาหลังจากที่รู้ว่าต่างฝ่ายต่างรักชายคนเดียวกัน"
"เนโอโซรอส ชื่อเดียวกันกับชื่อดาวของพวกคุณนี่ครับ"
"ใช่ค่ะ คุณแซม, นี่คือตำนานดวงดาวของพวกเราละค่ะ คือ สุริยเทพ บิดาของเนโอโซรอส ไม่อนุญาตให้เนโอโซรอสมีภรรยาพร้อมกันสองนาง เขาต้องเลือกเพียงนางเดียว"
(ต่อครับ)