ระแวดระวังไม่ให้เป็น ในอาสนะบัลลังก์เดียว

๔๒๔. เย เวรํ นูปนยฺหนฺติ เวรํ เตสูปสมฺมติ.
เวรของผู้ไม่จองเวร ย่อมระงับได้.
นัย-ม. อุป. ๑๔๒๙๗. นัย-ขุ. ธ. ๒๕๑๕.
นัย-ขุ. ชา. ปญฺจก. ๒๗๑๘๒.
ส. ส.

“สมมุติว่า ใครค้านพระพุทธเจ้า หากว่าเช่นนั้นก็เห็นจะเป็นเรื่องค้านคน คือค้าน สมัยบุคคล ไม่ได้ค้านอาสนบัลลังก์ อย่างนั้นก็ถูกได้อยู่, หากไม่ใช่ชนิดที่เสียทีเอาตนเป็นพวกมาร แต่ใคร่อธิบายเพราะว่าให้บัลลังก์เป็นจริง ไม่ให้มีสมมุติผิดสมควร ซึ่งในที่นี้จะเรียกว่าอาสนบัลลังก์ อย่างนั้น เพราะว่าจะได้เห็นเรื่องของสัมพระพุทธเจ้าของเรา ที่ดูเหมือนพระองค์ตรัสไม่ให้คนค้านบัลลังก์, เพราะเป็นด้วยเหตุไม่ใช่ และเป็นด้วยกรณียกิจ ก็ไม่ใช่,

คือในสมัยนั้น ณ ร่มคันธามพฤก หากมารจะยกถูกเรื่องมากล่าว ก็เห็นจะต้องกล่าวก่อนถึงเจ้าศากยะสกุล ที่ได้ปุโรหิตสำนักอื่น ๆ ที่สำคัญ ก็ได้นำทำนายมาตั้งว่า สิทธิ์เวรแห่งอาสนบัลลังก์ในเมื่อใดไม่มีแก่พระสัพพัญญูเจ้าให้ได้เมื่อนั้น จะต้องชิงสิทธิ์เกณฑ์กัน ฉะนั้น ด้วยกับเจ้าชายนันทะ เพราะว่าสตรีสำนักกษัตริย์ที่จะให้กำเนิดเจ้าจักรพรรดิ์นั้น มีด้วยทำนายแล้วทั้ง ๒ พระองค์, มารพาลมาเตือนกล่าวจะให้ยกบัลลังก์อย่างนั้น แต่ก็มิได้ยกพาพระองค์เจ้าชายนันทะผู้ตกพยากรณ์ให้มากล่าวด้วย, เหตุการณ์จึงแท้อยู่ ที่ไม่ต้องวุ่นถึงอย่างนั้น ที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า บัลลังก์ที่แท้ เป็นอาสนบัลลังก์ของพระพุทธเจ้าแท้ ๆ จริง ๆ เพียงองค์เดียว, ซึ่งมารเข้าใจไม่ถูกเอง จะเป็นเพราะไม่ชอบใจเหตุทำนาย ของสำนักโกณทัญญะก็อาจเป็นได้

มารเข้าใจว่า มารจะต้องสอบทาน ทบทวน ตรวจตรา สอบถาม คัดค้านและระแวดระวังไม่ให้เป็น ในอาสนะบัลลังก์เดียว เพราะคิดว่าพระพุทธเจ้าจะสำแดงทำบุญฤทธิ์ขึ้นเป็นเจ้าสำคัญ จบไป กว่าที่จะดีได้มีเจ้าสองวังขึ้นเป็นใหญ่ตามบท มารไม่ได้คิดว่าพระพุทธเจ้าตัดกิเลสได้ และจะเป็นแค่เพียงผู้ขอ ตอบต่อซึ่งอาสนบัลลังก์นั้น ๆ หากเมื่อว่างลงแล้ว เพราะพระองค์โปรดจะข่มขี่ซึ่งยอดศาสนจักร บัลลังก์จริงอย่างราชาก็จึงต้องได้เป็นของเจ้าชายนันทะที่จะได้เป็นพระจักรพรรดิ์ ถ้าเป็นได้, มารไม่เข้าใจเจตนาดีแท้ จึงเข้าก่อกวนไปตามหน้าที่ ตามความถนัดในวิชาก่อเหตุ อันมุ่งตีรันฟันแทงและใช้เล่ห์กลที่นอกเหนือไปกว่าสิ่งที่มีมาในพิชัยยุทธอย่างยุติธรรม,

บัลลังก์ตามแท้ นั้นแท้ แต่มารนั้นไม่เข้าใจแท้ เห็นจะกลัวแก่สำนักปุโรหิตที่จะเสียคำพูด แล้วมารก็จะต้องเสียประโยชน์ไปด้วยกับเรื่องราวของตัวเองนั้นๆ ซึ่งแต่ก่อนคงจะเฮโลตามทายดีนัก เอาด้วยว่า คนน้องจะต้องไปเป็นประมุขทางฝ่ายศาสนา จึงวางกโลบายและวิธีตระเตรียมงานเกณฑ์พวกพ้องไปแต่อีกทางหนึ่ง แต่ต่อมา ตามเหตุการณ์แท้ๆนั้นตนเองคาดผิด จึงต้องมาค้านพระพุทธเจ้าไม่ให้เป็น แต่ควรจะต้องให้น้องชายเป็นฝ่ายศาสนา, เรื่องแน่ๆนั้นเองมารไม่พร้อมใจพูดกับเจ้าชายนันทะยกมาได้ จึงได้เสียเรื่องไป, จึงต้องประกาศยอม ว่าไม่อาจจะชิงบัลลังก์ให้สมประโยชน์ตามแต่ใจของตน

สารูปแท้ คนจะตอบค้านก็ดี จะสำคัญถูกก็ดี ว่าบัลลังก์จริงแท้ถาวร ถาวรที่สุด คือ ที่เรียกว่าตำแหน่ง ในสมัยที่บุคคลใดจะผ่านเข้าไปในตำแหน่ง เป็นสิ่งไม่แน่นอน เป็นสมมุติเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ เหมือนเล่นเก้าอี้ดนตรีอย่างนั้นแหละ มีเก้าอี้ตัวเดียว หรือสองตัวก็ตาม แต่ทุก ๆ คนก็ต้องสมมุติก่อนว่า ใครจะต้องได้นั่งตรงไหน”

ปลฺลงฺก
ป. บัลลังก์, แท่นนั่งขัดสมาธิ

อปราชิตปลฺลงฺก
(ปุ.) บัลลังก์อันใคร ๆ ชนะไม่ได้, บัลลังก์อันใคร ๆ แย่งชิงไม่ได้, อปราชิตบัลลังก์คือบัลลังก์ที่พระพุทธเจ้าประทับนั่งวันตรัสรู้.
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่