จากเนื้อความในพระไตรปิฏก ที่ว่า..
อย่างย่อนะครับ..
.....เมื่อพิจารณาเห็นรูปโดยความเป็นของไม่เที่ยงเป็นต้น ย่อมละกิเลสที่ควรละได้
เมื่อพิจารณาเห็นเวทนา ... สัญญา ... สังขาร ... วิญญาณ ... จักษุ ...ชราและมรณะ
โดยความเป็นของไม่เที่ยงเป็นต้น ย่อมละกิเลสที่ควรละได้.
....เมื่อพิจารณาเห็นนิพพานอันหยั่งลงสู่อมตะ [ด้วยความเป็นอนัตตา] ด้วยความว่าเป็นที่สุด
ย่อมละกิเลสที่ควรละได้ ธรรมใดๆ เป็นธรรมที่ละได้แล้วธรรมนั้นๆ เป็นอันสละได้แล้ว
ชื่อว่าญาณ เพราะอรรถว่ารู้ธรรมนั้น ชื่อว่าปัญญา เพราะอรรถว่ารู้ชัด
เพราะเหตุนั้นท่านจึงกล่าวว่า ปัญญาเครื่องทรงจำธรรมที่ได้สดับมาแล้ว คือ
เครื่องรู้ชัดธรรมที่ได้สดับมาแล้วนั้นว่า ธรรมเหล่านี้ควรละ ชื่อว่าสุตมยญาณ ฯ
..................................................................................................
คำว่า...
เมื่อพิจารณาเห็นนิพพานอันหยั่งลงสู่อมตะ [ด้วยความเป็นอนัตตา]
ด้วยความว่าเป็นที่สุด.
ถามว่า...
(1) คำๆนี้ มันหมายความว่าอย่างไรครับ ?
(2) อมตะคือ อนัตตาหรือ ?
(3) แสดงว่าต้องละนิพพานด้วยใช่ไหมครับ ?
โปรดชี้แนะด้วยครับ
เรียนถามท่านสมาชิก 4432 ผู้แตกฉานในด้านการใช้ภาษาไทย อีกครั้ง
อย่างย่อนะครับ..
.....เมื่อพิจารณาเห็นรูปโดยความเป็นของไม่เที่ยงเป็นต้น ย่อมละกิเลสที่ควรละได้
เมื่อพิจารณาเห็นเวทนา ... สัญญา ... สังขาร ... วิญญาณ ... จักษุ ...ชราและมรณะ
โดยความเป็นของไม่เที่ยงเป็นต้น ย่อมละกิเลสที่ควรละได้.
....เมื่อพิจารณาเห็นนิพพานอันหยั่งลงสู่อมตะ [ด้วยความเป็นอนัตตา] ด้วยความว่าเป็นที่สุด
ย่อมละกิเลสที่ควรละได้ ธรรมใดๆ เป็นธรรมที่ละได้แล้วธรรมนั้นๆ เป็นอันสละได้แล้ว
ชื่อว่าญาณ เพราะอรรถว่ารู้ธรรมนั้น ชื่อว่าปัญญา เพราะอรรถว่ารู้ชัด
เพราะเหตุนั้นท่านจึงกล่าวว่า ปัญญาเครื่องทรงจำธรรมที่ได้สดับมาแล้ว คือ
เครื่องรู้ชัดธรรมที่ได้สดับมาแล้วนั้นว่า ธรรมเหล่านี้ควรละ ชื่อว่าสุตมยญาณ ฯ
..................................................................................................
คำว่า...
เมื่อพิจารณาเห็นนิพพานอันหยั่งลงสู่อมตะ [ด้วยความเป็นอนัตตา]
ด้วยความว่าเป็นที่สุด.
ถามว่า...
(1) คำๆนี้ มันหมายความว่าอย่างไรครับ ?
(2) อมตะคือ อนัตตาหรือ ?
(3) แสดงว่าต้องละนิพพานด้วยใช่ไหมครับ ?
โปรดชี้แนะด้วยครับ