สวัสดีค่ะ กระทู้นี้จะมาแชร์ประสบการณ์หลอน ที่เกิดขึ้นจริงกับตัวเราและแม่ของเราค่ะ
ณ โรงพยาบาลเอกชนเก่าแรกๆในจังหวัด ก่อนตั้งโดยมิชชันนารี พอดีบ้านเราอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากโรงพยาบาลแห่งนี้ค่ะ แต่ไม่ค่อยไปรับบริการการรักษาที่แห่งนี้เท่าไหร่ เพราะที่บ้านจะไปใช้สิทธิรักษา 30 บาทกัน ที่โรงพยาบาลรัฐค่ะ โรงพยาบาลเอกชนแห่งนี้บ้านเราจะไปเข้าก็ต่อเมื่อต้องแอดมิทค่ะ เพราะการบริการและความสะอาดของที่นี่ดีมากค่ะ อีกอย่างก็ใกล้บ้านเราด้วย
เหตุการณ์ที่ 1 เตียงคุณยาย
เหตุการณ์แรกแม่เราเจอก่อนค่ะ จริงๆแล้วโรงพยาบาลแห่งนี้เราเข้ารับบริการตั้งแต่เด็กค่ะ แต่เพิ่งจะมาเจอตอนโตกัน ครั้งนี้แม่เราป่วยค่ะ ต้องแอดมิท เราเป็นคนนอนเฝ้าแม่ ห้องที่แม่เรานอนเป็นห้องรวม มี 4 เตียง แต่แต่ละเตียงก็มีความเป็นส่วนตัวอยู่ค่ะ เพราะผู้ป่วยเข้าๆออกๆบางวันแอดมิท 2 เตียงบ้าง 3 เตียง บางวันเตียงเดียว ในวันนั้นที่แม่แอดมิทตอนที่ไปนอนบนเตียง แม่ก็วางเหรียญใต้เตียง ตามความเชื่อที่ทำตามๆกันว่าซื้อที่ซื้อเตียงประมาณนั้นค่ะ ตั้งแต่เราเกิดมาครั้งนี้เป็นครั้งที่แม่เราป่วยหนักมากที่สุด หมอบอกถ้ามาช้ากว่านี้อาจช็อกแล้วเสียชีวิตได้ หมอจึงให้แอดมิท บรรยายกาศทุกอย่างปกติดีจนมีข่วงนึงที่แม่นอนจะหลับ ระหว่างกึ่งหลับกึ่งตื่น แม่มีความรู้สึกถูกดึงขาแล้วขาก็กระตุกเหมือนถูกคนดึงขาจริงๆ ทันใดนั้นแม่ก็สะดุ้งตื่นด้วยอาการใจสั่น และมีกังวลอยู่บ้าง เราก็คอยอยู่ข้างๆแม่ตลอด แม่ก็เล่าให้เราฟังตลอดว่าตอนไหนรู้สึกอย่างไร อาการป่วยเป็นอย่างไรบ้าง แต่ไม่บอกว่าเจอผีหลอกนะคะ หลังจากแม่สะดุ้งตื่นทำใจอยู่สักพักก็นอนหลับปกติ ตื่นมารับประทานอาหาร เป็นข้าวต้มอาหารอ่อนๆ หอมๆ ตอนที่แม่กำลังจะตักเข้ากิน มีเสียงเป็นผู้หญิงแก่ๆมาพูดที่ข้างหูว่า “กินซะมื้อสุดท้าย” ณ เวลาจริงตอนนั้นแม่ไม่ได้เล่าให้เราฟังหรอกนะคะกลัวลูกกลัว มื้อนั้นแม่ก็กลืนข้าวไม่ลงค่ะ รู้สึกจิตตก จนถึงเวลานอนตอนกลางคืน แม่รู้สึกว่ามีคนดึงขาเหมือนเดิม ทำให้แม่นอนไม่หลับ แต่ด้วยความเพลียเพราะป่วย แม่ก็หลับไป และสะดุ้งตื่นตอนตี3 ตี5 ด้วยความรู้สึกมีคนดึงขาเหมือนเดิม (แม่เป็นคนไม่เชื่อและไม่ค่อยกลัวเรื่องพวกนี้นะคะ) เช้าวันถัดมา เหตุการณ์ระหว่างวันปกติดี จนกระทั่งเวลานอนตอนดึก แม่รู้สึกกลัวและไม่กล้าหลับบนเตียงนี้ จึงต้องขอพยาบาลเปลี่ยนเตียง เตียงจึงถูกเปลี่ยนตำแหน่งจากตำแหน่งเตียง A ย้ายไปเตียง B แต่!! แม่ยังคงนอนเตียงเดิม ย้ายแค่ตำแหน่งเตียง ความรู้สึกกังวลใจที่มีถือว่าดีขึ้นนิดหน่อยค่ะ เพราะยังนอนห้องเดิมเตียงเดิมอยู่ สักพักแม่ก็หลับ หลับได้ไม่นานนัก แม่ก็ตื่นด้วยเพราะรู้สึกตัวถูกเขย่า คืนนั้นทำให้แม่ไม่ได้นอน แม่กับเราจึงนั่งหลับที่โซฟา(ที่นั่งสำหรับคนเยี่ยมผู้ป่วย) กัน2คน แม่ขอให้เราสวดมนต์ให้หน่อย ตอนนั้นเราก็ไม่รู้จะสวดอะไร จึงสวดชินบัญชรไปและบทอื่นๆอีกหลายบท คืนนั้นเรากับแม่ก็นั่งหลับกันบนโซฟา ระหว่างคืนก็จะมีพยาบาลมาตรวจคนไข้ที่เตียงตามปกติ เห็นสภาพเรากับแม่นั่งหลับบนโซฟา แต่พยาบาลก็ไม่ไดเอ่ยปากถามอะไรเลย เราก็นอนจนถึงเช้า ในวันที่สองเองแม่รู้สึกอาการดีขึ้น แต่ไม่รู้ดีขึ้นจริงหรือเพราะกลัว แม่เราจึงบอกพยาบลว่าวันนี้ขอกลับบ้าน จนพยาบาลยอมให้กลับ
เหตุการณ์ที่ 2 ห้องน้ำดับจิต
บอกก่อนนะคะว่า เราเป็นคนมีเซ้นต์ค่ะ ยิ่งโตยิ่งชัด ครั้งนี้เราเป็นไข้เลือดออกจึงต้องแอดมิท 5 คืนได้ เราพักห้องรวมค่ะมี 4 เตียง แต่คนละชั้นกับแม่ หลังห้องจะมีห้องอาบน้ำ 1 ห้องสุขา 1 ตรงข้ามกับห้องน้ำเป็นราวตากผ้ากับอ่างล้างมือที่มีกระจกบานใหญ่ ระหว่างที่เราอยู่เป็นเวลา 5 วันนั้น เวลาส่วนใหญ่มักเป็นเราที่อยู่เตียงเดียว วันที่ 2 -.3 มีเตียงอื่นมาแอดมิทเพิ่มเป็น 2 และ 3 เตียงแต่ 2เตียงนี้ เขานอนแค่คืนเดียวค่ะ เหตุการณ์แรกเจอคือ เราแอดมิทเข้ามาในห้อง อยู่แค่เตียงเดียว เมื่อเราเข้ามานอนที่เตียง เราก็หลับตา ตามประสาคนพักผ่อน แต่ไม่ได้นอนหลับ พอหลับตาลงก็มีภาพเด้งขึ้นมาให้เราเห็น เป็นลุงอายุประมาณ 60 แต่งตัวดูดีด้วยเสื้อโปโลสีเขียว ใส่กางเกงยีนส์ ขาดเข็มขัดหนัง สวมรองเท้าหนัง เดินออกมาจากห้องอาบน้ำ มันเป็นภาพที่ขึ้นมาแบบรวดเร็วมากแล้วเราก็ลืมตาก่อนจึงไม่เห็นอะไรมากนัก คุณลุงมีหัวมีหน้านะคะในภาพนั้นเห็นทุกอย่างชัดมาก แต่ใบหน้าคุณลุงไม่มีการโฟกัสค่ะ ออกแนวเบลอๆ บรรยกาศภายในเป็นห้อง 4 เหลี่ยม ที่หลังห้องมีห้องน้ำ 2 ห้อง ตลอดเวลาที่เราอยู่กับแม่มักจะได้เสียงน้ำหยดจากฝักบัวทั้งวัน แต่เรากลับแม่ก็ไม่ได้คุยกันว่าในห้องมีอะไรที่มองไม่เห็น เราก็ไม่ได้คิดสงสัยอะไรกับห้องน้ำนั้น นึกว่ามันเป็นเรื่องปกติของฝักบัวชำรุด แต่น้ำที่หยดออกมามันเหมือนน้ำที่ปิดไม่สนิทแล้วไหลออกมาอ่อนๆ ตลอด ทำให้ได้ยินเสียงน้ำไหลตลอดเวลาที่อยู่ห้องนั้น ช่วงนึงแม่จึงเดินไปดู แล้วเอ่ยปากด้วยความสงสัยอยู่ที่หน้าห้องน้ำนั้น “เอ๊ะ! ทำไมน้ำหยดตลอด” ภาพที่แม่เราเห็นคือ ฝักบัวมีการสั่นเวลาที่น้ำหยด แต่พอแม่เดินไปดู ฝักบัวก็หยุดสั่นน้ำก็หยุดไหลเช่นกัน แล้วเวลาที่เราจะเข้าห้องส้วมทำธุระ จะไม่สามารถปิดประตูห้องน้ำได้เพราะติดสายน้ำเกลือ แต่ก็ปิดแบบเว้นสายน้ำเกลือไว้ ความรู้สึกตอนเข้าห้องน้ำ มันแน่นมากๆ อึดอัดและหายใจไม่ออก จนต้องเปิดประตูระหว่างทำธุระ ตรงข้ามห้องน้ำจะเป็นอ่างล้างและกระจกบานใหญ่ ภาพในกระจกทำเราตกใจมาก เห็นสภาพตัวเองต้องเข้าห้องน้ำ หน้าโทรมๆ ไร้เมคอัพ ^^ ทุกครั้งที่เราเข้าห้องน้ำไม่ว่าจะอาบน้ำหรือห้องส้วม เราไม่สามารถปิดประตูได้ทุกครั้งเพราะรู้สึกหายใจไม่ออก ซึ่งต่างกับแม่เข้าออกปกติค่ะ ในวันที่ 2-3 มีเตียงอื่นมาแอดมิทเพิ่ม 1 เตียง และ 2 เตียง เหตุการณ์กลับปกติค่ะ ไม่มีน้ำไหลจากฝักบัว เสียงห้องน้ำเงียบตลอด และเวลาที่เราเข้าห้องน้ำ เราสามารถปิดประตูได้ปกติค่ะ ไม่มีอาการอึดอัดหายใจไม่ออกแต่อย่างใด เราค่อยสบายใจหน่อย ปลดทุกข์มีความสุข แต่เมื่อ 2 เตียงนั้นออกไป เหตุการณ์เดิมก็กลับมาค่ะ น้ำไหลออกจากฝักบัว และเราก็ปิดประตูห้องน้ำไม่ได้เพราะอึดอัดหายใจไม่ออกเหมือนเดิม คุณลุงสุดหล่อคนนั้นปรากฎตัวให้เห็นเพียงภาพที่เห็นตอนเราหลับตาเท่านั้นค่ะ เราเชื่อว่าคุณลุงต้องมีความเชื่อมโยงกับห้องน้ำนั้นแน่เลย ระหว่างที่อยู่คุณลุงก็ไม่ได้รบกวนเรากับแม่มาก มีแค่เสียงน้ำไหมตลอดเวลา และรู้สึกอึดอัดตอนเข้าน้ำ
สำหรับเรื่องราวนี้ เป็นเรื่องจริงค่ะและแชร์เพื่อความบันเทิงนะคะสำหรับท่านที่ชอบเรื่อวงราวลี้ลับ ยังมีเรื่องราวอีกมาก ไว้จะแชร์อีกในโอกาสหน้า รู้สึกว่าตัวเองเล่าเรื่องผ่านตัวอักษรได้ไม่ดีเท่าพูดมากนะ ขออภัยด้วยค่ะ
โรงพยาบาลเก่าในนามนครแห่งแรก กุ๊กๆกู๋
ณ โรงพยาบาลเอกชนเก่าแรกๆในจังหวัด ก่อนตั้งโดยมิชชันนารี พอดีบ้านเราอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากโรงพยาบาลแห่งนี้ค่ะ แต่ไม่ค่อยไปรับบริการการรักษาที่แห่งนี้เท่าไหร่ เพราะที่บ้านจะไปใช้สิทธิรักษา 30 บาทกัน ที่โรงพยาบาลรัฐค่ะ โรงพยาบาลเอกชนแห่งนี้บ้านเราจะไปเข้าก็ต่อเมื่อต้องแอดมิทค่ะ เพราะการบริการและความสะอาดของที่นี่ดีมากค่ะ อีกอย่างก็ใกล้บ้านเราด้วย
เหตุการณ์ที่ 1 เตียงคุณยาย
เหตุการณ์แรกแม่เราเจอก่อนค่ะ จริงๆแล้วโรงพยาบาลแห่งนี้เราเข้ารับบริการตั้งแต่เด็กค่ะ แต่เพิ่งจะมาเจอตอนโตกัน ครั้งนี้แม่เราป่วยค่ะ ต้องแอดมิท เราเป็นคนนอนเฝ้าแม่ ห้องที่แม่เรานอนเป็นห้องรวม มี 4 เตียง แต่แต่ละเตียงก็มีความเป็นส่วนตัวอยู่ค่ะ เพราะผู้ป่วยเข้าๆออกๆบางวันแอดมิท 2 เตียงบ้าง 3 เตียง บางวันเตียงเดียว ในวันนั้นที่แม่แอดมิทตอนที่ไปนอนบนเตียง แม่ก็วางเหรียญใต้เตียง ตามความเชื่อที่ทำตามๆกันว่าซื้อที่ซื้อเตียงประมาณนั้นค่ะ ตั้งแต่เราเกิดมาครั้งนี้เป็นครั้งที่แม่เราป่วยหนักมากที่สุด หมอบอกถ้ามาช้ากว่านี้อาจช็อกแล้วเสียชีวิตได้ หมอจึงให้แอดมิท บรรยายกาศทุกอย่างปกติดีจนมีข่วงนึงที่แม่นอนจะหลับ ระหว่างกึ่งหลับกึ่งตื่น แม่มีความรู้สึกถูกดึงขาแล้วขาก็กระตุกเหมือนถูกคนดึงขาจริงๆ ทันใดนั้นแม่ก็สะดุ้งตื่นด้วยอาการใจสั่น และมีกังวลอยู่บ้าง เราก็คอยอยู่ข้างๆแม่ตลอด แม่ก็เล่าให้เราฟังตลอดว่าตอนไหนรู้สึกอย่างไร อาการป่วยเป็นอย่างไรบ้าง แต่ไม่บอกว่าเจอผีหลอกนะคะ หลังจากแม่สะดุ้งตื่นทำใจอยู่สักพักก็นอนหลับปกติ ตื่นมารับประทานอาหาร เป็นข้าวต้มอาหารอ่อนๆ หอมๆ ตอนที่แม่กำลังจะตักเข้ากิน มีเสียงเป็นผู้หญิงแก่ๆมาพูดที่ข้างหูว่า “กินซะมื้อสุดท้าย” ณ เวลาจริงตอนนั้นแม่ไม่ได้เล่าให้เราฟังหรอกนะคะกลัวลูกกลัว มื้อนั้นแม่ก็กลืนข้าวไม่ลงค่ะ รู้สึกจิตตก จนถึงเวลานอนตอนกลางคืน แม่รู้สึกว่ามีคนดึงขาเหมือนเดิม ทำให้แม่นอนไม่หลับ แต่ด้วยความเพลียเพราะป่วย แม่ก็หลับไป และสะดุ้งตื่นตอนตี3 ตี5 ด้วยความรู้สึกมีคนดึงขาเหมือนเดิม (แม่เป็นคนไม่เชื่อและไม่ค่อยกลัวเรื่องพวกนี้นะคะ) เช้าวันถัดมา เหตุการณ์ระหว่างวันปกติดี จนกระทั่งเวลานอนตอนดึก แม่รู้สึกกลัวและไม่กล้าหลับบนเตียงนี้ จึงต้องขอพยาบาลเปลี่ยนเตียง เตียงจึงถูกเปลี่ยนตำแหน่งจากตำแหน่งเตียง A ย้ายไปเตียง B แต่!! แม่ยังคงนอนเตียงเดิม ย้ายแค่ตำแหน่งเตียง ความรู้สึกกังวลใจที่มีถือว่าดีขึ้นนิดหน่อยค่ะ เพราะยังนอนห้องเดิมเตียงเดิมอยู่ สักพักแม่ก็หลับ หลับได้ไม่นานนัก แม่ก็ตื่นด้วยเพราะรู้สึกตัวถูกเขย่า คืนนั้นทำให้แม่ไม่ได้นอน แม่กับเราจึงนั่งหลับที่โซฟา(ที่นั่งสำหรับคนเยี่ยมผู้ป่วย) กัน2คน แม่ขอให้เราสวดมนต์ให้หน่อย ตอนนั้นเราก็ไม่รู้จะสวดอะไร จึงสวดชินบัญชรไปและบทอื่นๆอีกหลายบท คืนนั้นเรากับแม่ก็นั่งหลับกันบนโซฟา ระหว่างคืนก็จะมีพยาบาลมาตรวจคนไข้ที่เตียงตามปกติ เห็นสภาพเรากับแม่นั่งหลับบนโซฟา แต่พยาบาลก็ไม่ไดเอ่ยปากถามอะไรเลย เราก็นอนจนถึงเช้า ในวันที่สองเองแม่รู้สึกอาการดีขึ้น แต่ไม่รู้ดีขึ้นจริงหรือเพราะกลัว แม่เราจึงบอกพยาบลว่าวันนี้ขอกลับบ้าน จนพยาบาลยอมให้กลับ
เหตุการณ์ที่ 2 ห้องน้ำดับจิต
บอกก่อนนะคะว่า เราเป็นคนมีเซ้นต์ค่ะ ยิ่งโตยิ่งชัด ครั้งนี้เราเป็นไข้เลือดออกจึงต้องแอดมิท 5 คืนได้ เราพักห้องรวมค่ะมี 4 เตียง แต่คนละชั้นกับแม่ หลังห้องจะมีห้องอาบน้ำ 1 ห้องสุขา 1 ตรงข้ามกับห้องน้ำเป็นราวตากผ้ากับอ่างล้างมือที่มีกระจกบานใหญ่ ระหว่างที่เราอยู่เป็นเวลา 5 วันนั้น เวลาส่วนใหญ่มักเป็นเราที่อยู่เตียงเดียว วันที่ 2 -.3 มีเตียงอื่นมาแอดมิทเพิ่มเป็น 2 และ 3 เตียงแต่ 2เตียงนี้ เขานอนแค่คืนเดียวค่ะ เหตุการณ์แรกเจอคือ เราแอดมิทเข้ามาในห้อง อยู่แค่เตียงเดียว เมื่อเราเข้ามานอนที่เตียง เราก็หลับตา ตามประสาคนพักผ่อน แต่ไม่ได้นอนหลับ พอหลับตาลงก็มีภาพเด้งขึ้นมาให้เราเห็น เป็นลุงอายุประมาณ 60 แต่งตัวดูดีด้วยเสื้อโปโลสีเขียว ใส่กางเกงยีนส์ ขาดเข็มขัดหนัง สวมรองเท้าหนัง เดินออกมาจากห้องอาบน้ำ มันเป็นภาพที่ขึ้นมาแบบรวดเร็วมากแล้วเราก็ลืมตาก่อนจึงไม่เห็นอะไรมากนัก คุณลุงมีหัวมีหน้านะคะในภาพนั้นเห็นทุกอย่างชัดมาก แต่ใบหน้าคุณลุงไม่มีการโฟกัสค่ะ ออกแนวเบลอๆ บรรยกาศภายในเป็นห้อง 4 เหลี่ยม ที่หลังห้องมีห้องน้ำ 2 ห้อง ตลอดเวลาที่เราอยู่กับแม่มักจะได้เสียงน้ำหยดจากฝักบัวทั้งวัน แต่เรากลับแม่ก็ไม่ได้คุยกันว่าในห้องมีอะไรที่มองไม่เห็น เราก็ไม่ได้คิดสงสัยอะไรกับห้องน้ำนั้น นึกว่ามันเป็นเรื่องปกติของฝักบัวชำรุด แต่น้ำที่หยดออกมามันเหมือนน้ำที่ปิดไม่สนิทแล้วไหลออกมาอ่อนๆ ตลอด ทำให้ได้ยินเสียงน้ำไหลตลอดเวลาที่อยู่ห้องนั้น ช่วงนึงแม่จึงเดินไปดู แล้วเอ่ยปากด้วยความสงสัยอยู่ที่หน้าห้องน้ำนั้น “เอ๊ะ! ทำไมน้ำหยดตลอด” ภาพที่แม่เราเห็นคือ ฝักบัวมีการสั่นเวลาที่น้ำหยด แต่พอแม่เดินไปดู ฝักบัวก็หยุดสั่นน้ำก็หยุดไหลเช่นกัน แล้วเวลาที่เราจะเข้าห้องส้วมทำธุระ จะไม่สามารถปิดประตูห้องน้ำได้เพราะติดสายน้ำเกลือ แต่ก็ปิดแบบเว้นสายน้ำเกลือไว้ ความรู้สึกตอนเข้าห้องน้ำ มันแน่นมากๆ อึดอัดและหายใจไม่ออก จนต้องเปิดประตูระหว่างทำธุระ ตรงข้ามห้องน้ำจะเป็นอ่างล้างและกระจกบานใหญ่ ภาพในกระจกทำเราตกใจมาก เห็นสภาพตัวเองต้องเข้าห้องน้ำ หน้าโทรมๆ ไร้เมคอัพ ^^ ทุกครั้งที่เราเข้าห้องน้ำไม่ว่าจะอาบน้ำหรือห้องส้วม เราไม่สามารถปิดประตูได้ทุกครั้งเพราะรู้สึกหายใจไม่ออก ซึ่งต่างกับแม่เข้าออกปกติค่ะ ในวันที่ 2-3 มีเตียงอื่นมาแอดมิทเพิ่ม 1 เตียง และ 2 เตียง เหตุการณ์กลับปกติค่ะ ไม่มีน้ำไหลจากฝักบัว เสียงห้องน้ำเงียบตลอด และเวลาที่เราเข้าห้องน้ำ เราสามารถปิดประตูได้ปกติค่ะ ไม่มีอาการอึดอัดหายใจไม่ออกแต่อย่างใด เราค่อยสบายใจหน่อย ปลดทุกข์มีความสุข แต่เมื่อ 2 เตียงนั้นออกไป เหตุการณ์เดิมก็กลับมาค่ะ น้ำไหลออกจากฝักบัว และเราก็ปิดประตูห้องน้ำไม่ได้เพราะอึดอัดหายใจไม่ออกเหมือนเดิม คุณลุงสุดหล่อคนนั้นปรากฎตัวให้เห็นเพียงภาพที่เห็นตอนเราหลับตาเท่านั้นค่ะ เราเชื่อว่าคุณลุงต้องมีความเชื่อมโยงกับห้องน้ำนั้นแน่เลย ระหว่างที่อยู่คุณลุงก็ไม่ได้รบกวนเรากับแม่มาก มีแค่เสียงน้ำไหมตลอดเวลา และรู้สึกอึดอัดตอนเข้าน้ำ
สำหรับเรื่องราวนี้ เป็นเรื่องจริงค่ะและแชร์เพื่อความบันเทิงนะคะสำหรับท่านที่ชอบเรื่อวงราวลี้ลับ ยังมีเรื่องราวอีกมาก ไว้จะแชร์อีกในโอกาสหน้า รู้สึกว่าตัวเองเล่าเรื่องผ่านตัวอักษรได้ไม่ดีเท่าพูดมากนะ ขออภัยด้วยค่ะ