สวัสดีครับทุกท่าน
ผมขอฝากบทความขนาดยาวเรื่อง
"6 ข้อ จับสัญญาณ/รับมือ แนวโน้มตลาดหมี หุ้นร่วง หุ้นตก (Bear Market) หรือตลาดกระทิง หุ้นขึ้น (Bull Market)"
ที่เขียนไว้ กับทุกท่านนะครับ โดยตรงนี้ผมจะ
สรุปสิ่งที่อยู่ในบทความอย่างสั้น ตามด้านล่างครับ
บทความเต็มจะตามลิงค์นี้ครับ
https://www.facebook.com/GornNutagorn/posts/1600139903428860
วันที่ผมเริ่มเขียนบทความนี้อยู่ วันที่ 23 มิ.ย. 2561 ช่วงนี้หลายๆท่านที่เล่นหุ้น อาจกำลังกังวลใจอยู่
บทความนี้ผมจะคุยถึงวิธีการดู Trend ตลาดปัจจุบันของผม เป็นประสบการณ์ส่วนตัวที่อยากเล่าให้ฟัง ที่ผมศึกษามาค่อนข้างยาวนาน ซึ่งไม่ได้เป็นแก้ววิเศษ ที่บอกได้ว่าตอนนี้ตลาดขาขึ้นหรือขาลงอย่างชัดเจน และอาจต้องใช้ความพินิจพิจารณาค่อนข้างมากในการซึมซับ แต่จะทำให้จับและรู้สึกได้คร่าวๆได้ว่า ตอนนี้สถานการณ์ตลาดมันเป็นยังไงบ้าง ไม่ว่าจะไปทางทางตลาดหมีตลาดหุ้นร่วง (Bearish) หรือ ตลาดกระทิงตลาดหุ้นขึ้น (Bullish) นะครับ
ผมเล่นหุ้นถนัดสายพื้นฐานมากกว่าเทคนิค มุมมองที่ใช้จะเป็น
มุมมองทางสถิติ มากกว่าการเงิน และ จะเล่าถึงสิ่งที่เป็น “
ส่วนมาก” นะครับ ดังนั้น อยากให้ท่านผู้อ่านที่กำลังอ่านอยู่ พิจารณาอย่างถี่ถ้วนในการอ่านนะครับ ผมจะเขียนแบบซีเรียสและอาจดูอ้อมแม่น้ำ แต่อยากให้อ่านจนจบ เพราะเป็นเรื่องที่สอดคล้องกันหมดนะครับ
ทั้งหมดจะแบ่งเป็น 6 ประเด็นนะครับ
1. หุ้นโลก VS. หุ้นไทย ใครไปทางไหน ไปด้วยกันหรือเปล่า?
2. มองพื้นฐานตลาดหุ้น ด้วย GDP แยกแยะข่าวดีข่าวร้ายให้ออก
3. ดูค่า PE Ratio (price to earnings ratio) หรืออัตราส่วนอื่นๆของดัชนีรวมหุ้น
4. สำหรับท่านที่เป็นสายพื้นฐาน อย่างน้อยอยากให้รู้จัก Technical Analysis สัก 2-3 ตัวครับ
5. ขอแนะนำ Pring Turner’s 6 stages of business cycle วงจรเศรษฐกิจ / หุ้น / พันธบัตร / สินค้าโภคภัณฑ์
6. รับมือตลาดหุ้น – มีแผนการเทรดที่ชัดเจน – วางแผนเผื่อพลาด หรือกำหนดจุด cut loss – และทำให้ได้
สุดท้ายจะเป็นบทสรุปเล็กน้อย
โดยที่
ข้อ 1-3 จะเป็นเรื่องของการวิเคราะห์แบบพื้นฐาน สภาวะเศรษฐกิจและหุ้นและการ Prove วิธีการของผม โดยเฉพาะการได้ยินข่าวสารต่างๆ ว่ามันสัมพันธ์กันอย่างไร ทำไมผมดู GDP เป็นหลัก แล้วมันช่วยบอกอะไรได้บ้าง
ข้อ 4-5 พูดถึงตัวช่วยในการจับสัญญาณตลาด ซึ่งจะเป็นการวิเคราะห์ อารมณ์ รอบ หรือ วงจรของหุ้น
ข้อ 6 ความสำคัญของการวางแผนเทรด รวมถึงตัวอย่างวิธีเตรียมใจ(เงิน)ง่ายๆหากเริ่มเล่นหุ้นครับ
.....................
.....................
ในตอนสุดท้ายของบทความผมจะสรุปวิธีการได้ดังนี้ครับ
- เริ่มจากคิดก่อนว่าอยากเทรดแบบไหน (ถ้าแนวเทคนิคล้วน ก็ข้ามเรื่องที่ว่ามาทั้งหมดได้เลยครับ)
- ดูดัชนีต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศหลักๆ ว่าไปทางไหน บวกกับดูปัจจัย +/- แต่ละประเทศรวมประเทศไทยที่กระทบกับ GDP เฉพาะประเด็นใหญ่ๆ
- จากนั้นทำการเทียบอัตราส่วนทางการเงิน ตัวเลขต่างๆ พร้อมยืนยันด้วย Technical Analysis
- เสร็จแล้ว วางแผนเลือกหุ้น เตรียมตัวเตรียมใจ และเตรียมเงินให้ดี
- พอเข้าเทรด ให้จดบันทึก วัดผลตัวเอง และข้อผิดพลาด เอาข้อผิดพลาดมาแก้ไขให้หมด วนลูปไปเรื่อยๆ ผมเองก็ทำอยู่ประมาณนี้แหละครับ
หากท่านสนใจบทความเต็มขนาดยาว ขอเรียนเชิญอ่านได้ตามลิงค์ข้างล่างนี้เลยครับ
https://www.facebook.com/GornNutagorn/posts/1600139903428860
ขอบคุณมากครับ
GornNutagorn
6 ข้อ จับสัญญาณ/รับมือ ตลาดหมี VS กระทิง
ผมขอฝากบทความขนาดยาวเรื่อง
"6 ข้อ จับสัญญาณ/รับมือ แนวโน้มตลาดหมี หุ้นร่วง หุ้นตก (Bear Market) หรือตลาดกระทิง หุ้นขึ้น (Bull Market)"
ที่เขียนไว้ กับทุกท่านนะครับ โดยตรงนี้ผมจะ สรุปสิ่งที่อยู่ในบทความอย่างสั้น ตามด้านล่างครับ
บทความเต็มจะตามลิงค์นี้ครับ
https://www.facebook.com/GornNutagorn/posts/1600139903428860
วันที่ผมเริ่มเขียนบทความนี้อยู่ วันที่ 23 มิ.ย. 2561 ช่วงนี้หลายๆท่านที่เล่นหุ้น อาจกำลังกังวลใจอยู่
บทความนี้ผมจะคุยถึงวิธีการดู Trend ตลาดปัจจุบันของผม เป็นประสบการณ์ส่วนตัวที่อยากเล่าให้ฟัง ที่ผมศึกษามาค่อนข้างยาวนาน ซึ่งไม่ได้เป็นแก้ววิเศษ ที่บอกได้ว่าตอนนี้ตลาดขาขึ้นหรือขาลงอย่างชัดเจน และอาจต้องใช้ความพินิจพิจารณาค่อนข้างมากในการซึมซับ แต่จะทำให้จับและรู้สึกได้คร่าวๆได้ว่า ตอนนี้สถานการณ์ตลาดมันเป็นยังไงบ้าง ไม่ว่าจะไปทางทางตลาดหมีตลาดหุ้นร่วง (Bearish) หรือ ตลาดกระทิงตลาดหุ้นขึ้น (Bullish) นะครับ
ผมเล่นหุ้นถนัดสายพื้นฐานมากกว่าเทคนิค มุมมองที่ใช้จะเป็น มุมมองทางสถิติ มากกว่าการเงิน และ จะเล่าถึงสิ่งที่เป็น “ส่วนมาก” นะครับ ดังนั้น อยากให้ท่านผู้อ่านที่กำลังอ่านอยู่ พิจารณาอย่างถี่ถ้วนในการอ่านนะครับ ผมจะเขียนแบบซีเรียสและอาจดูอ้อมแม่น้ำ แต่อยากให้อ่านจนจบ เพราะเป็นเรื่องที่สอดคล้องกันหมดนะครับ
ทั้งหมดจะแบ่งเป็น 6 ประเด็นนะครับ
1. หุ้นโลก VS. หุ้นไทย ใครไปทางไหน ไปด้วยกันหรือเปล่า?
2. มองพื้นฐานตลาดหุ้น ด้วย GDP แยกแยะข่าวดีข่าวร้ายให้ออก
3. ดูค่า PE Ratio (price to earnings ratio) หรืออัตราส่วนอื่นๆของดัชนีรวมหุ้น
4. สำหรับท่านที่เป็นสายพื้นฐาน อย่างน้อยอยากให้รู้จัก Technical Analysis สัก 2-3 ตัวครับ
5. ขอแนะนำ Pring Turner’s 6 stages of business cycle วงจรเศรษฐกิจ / หุ้น / พันธบัตร / สินค้าโภคภัณฑ์
6. รับมือตลาดหุ้น – มีแผนการเทรดที่ชัดเจน – วางแผนเผื่อพลาด หรือกำหนดจุด cut loss – และทำให้ได้
สุดท้ายจะเป็นบทสรุปเล็กน้อย
โดยที่
ข้อ 1-3 จะเป็นเรื่องของการวิเคราะห์แบบพื้นฐาน สภาวะเศรษฐกิจและหุ้นและการ Prove วิธีการของผม โดยเฉพาะการได้ยินข่าวสารต่างๆ ว่ามันสัมพันธ์กันอย่างไร ทำไมผมดู GDP เป็นหลัก แล้วมันช่วยบอกอะไรได้บ้าง
ข้อ 4-5 พูดถึงตัวช่วยในการจับสัญญาณตลาด ซึ่งจะเป็นการวิเคราะห์ อารมณ์ รอบ หรือ วงจรของหุ้น
ข้อ 6 ความสำคัญของการวางแผนเทรด รวมถึงตัวอย่างวิธีเตรียมใจ(เงิน)ง่ายๆหากเริ่มเล่นหุ้นครับ
.....................
.....................
ในตอนสุดท้ายของบทความผมจะสรุปวิธีการได้ดังนี้ครับ
- เริ่มจากคิดก่อนว่าอยากเทรดแบบไหน (ถ้าแนวเทคนิคล้วน ก็ข้ามเรื่องที่ว่ามาทั้งหมดได้เลยครับ)
- ดูดัชนีต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศหลักๆ ว่าไปทางไหน บวกกับดูปัจจัย +/- แต่ละประเทศรวมประเทศไทยที่กระทบกับ GDP เฉพาะประเด็นใหญ่ๆ
- จากนั้นทำการเทียบอัตราส่วนทางการเงิน ตัวเลขต่างๆ พร้อมยืนยันด้วย Technical Analysis
- เสร็จแล้ว วางแผนเลือกหุ้น เตรียมตัวเตรียมใจ และเตรียมเงินให้ดี
- พอเข้าเทรด ให้จดบันทึก วัดผลตัวเอง และข้อผิดพลาด เอาข้อผิดพลาดมาแก้ไขให้หมด วนลูปไปเรื่อยๆ ผมเองก็ทำอยู่ประมาณนี้แหละครับ
หากท่านสนใจบทความเต็มขนาดยาว ขอเรียนเชิญอ่านได้ตามลิงค์ข้างล่างนี้เลยครับ
https://www.facebook.com/GornNutagorn/posts/1600139903428860
ขอบคุณมากครับ
GornNutagorn