โดยปกติ options จะมี 2 ชนิด คือ call กับ put options
โดย options จะมีความสัมพันธ์กับ futures ตามสมการ

futures = call - put

เครื่องหมาย + คือ การ long
เครื่องหมาย - คือ การ short

เช่น ถ้าจะ long futures จะสามารถทำ long call และ short put ที่ strike เดียวกัน แทนได้
ถ้าจะ short futures จะสามารถทำ short call และ long put ที่ strike เดียวกัน แทนได้

synthetic options เกิดจากการนำสมการนี้มาย้ายข้างไปมา จะได้ดังนี้
call = put + futures
put = call - futures

ถ้าจะ long call จะสามารถทำ long put และ long futures แทนได้
ถ้าจะ short call จะสามารถทำ short put และ short futures แทนได้

ถ้าจะ long put จะสามารถทำ long call และ short futures แทนได้
ถ้าจะ short put จะสามารถทำ short call และ long futures แทนได้

ซึ่งการทำแบบนี้เรียกการทำ synthetic options

โดยการคำนวณราคา premium คิดจากสมการ
Syn Call = Put + (Futures - Strike)
Syn Put = Call - (Futures - Strike)

จะเห็นว่า ราคา call, put และ futures จะสัมพันธ์กันตามสมการนี้เสมอ
ดังนี้ ถ้าราคา bid, offer ในตลาด มีราคาที่ผิดจากสมการนี้มากๆ
จะมีคนเข้ามาทำการ abitrage เพื่อเก็บกำไรจากราคาที่ผิดปกตินี้

ประโยชน์ของ synthetic options มีหลายอย่าง
เช่น บางครั้ง ราคา bid/offer ของบางฝั่งอาจดีกว่า
เราก็ไปซื้อขายฝั่งนั้นแทน
หรือบางที volume บางฝั่งมีมากกว่าอีกฝั่ง
ถ้าต้องการ volume มากๆ ก็ต้องไปซื้อขายฝั่งนั้นแทน
แล้วค่อยไปจับคู่กับ futures เพื่อทำ synthetic call, put
แทนการซื้อขาย call, put ตรงๆ

ข้อเสีย คือ จะเสียค่า commission มากขึ้นกว่าซื้อขายตรงๆ