พระห้ามจับเงิน จับทอง

ก็กลายเป็นประเด็นร้อนแรงขึ้นมาอีกในเรื่องพระวินัยที่ห้ามพระจับเงินจับทอง เมื่อ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ร่อนจดหมายถึง ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดทุกจังหวัดทั่วประเทศ ขอทราบข้อมูลวัดที่มีการวางระบบเกี่ยวกับการจัดการด้านการเงินและการบัญชีของวัด ในกรณีที่พระภิกษุสงฆ์ มิต้องถือเงินสด แต่จะนำเงินเข้าบัญชีส่วนกลางของวัดทันทีเมื่อได้รับ
.
เขาก็แค่สอบถามข้อมูล ก็อุตส่าห์มีผู้ไปร้องเรียนเขา เพียงเพื่อต้องการจะจุดประเด็นให้เป็นข่าว ความจริงที่เป็นอยู่ในสังคมปัจจุบันเป็นอย่างไร เดี๋ยวทางสำนักงานพระพุทธศาสนาแต่ละจังหวัดเขาก็ให้ข้อมูลไปเอง ไม่เห็นจะต้องไปเดือดร้อนอะไรกันนักหนา
.
เราจะตอบให้ไว้ตรงนี้ก็ได้ ใครอยากรู้ความจริงก็เข้ามาอ่าน ไอ้ที่พูดถกกันไปถกกันมาอยู่ในโซเชียลทุกวันนี้ มันก็เลอะเทอะ มีแต่ไอ้ประเภทเอาสีข้างเขาถู บ้างก็เอาธรรมเมามาพูด คนที่ไม่รู้ก็พลอยไม่รู้หนักเข้าไปอีก พระธรรมวินัยยังมีอยู่ ถ้ารู้จริงมันก็ต้องพูดอย่างเดียวกัน จะพูดเป็นอย่างอื่นไม่ได้
.
ถ้าเป็นกรณีพระไม่จับเงิน พระป่าท่านก็ไม่จับเงินกันเป็นปกติอยู่แล้ว พระที่จับเงินเป็นปกติก็มีอยู่ ต้องแยกกันเป็นกรณีไป แต่การที่จะนำเงินที่เขาถวายส่วนตัวของพระแต่ละองค์ ไปเข้าบัญชีส่วนกลางของวัด คงทำไม่ได้ เว้นไว้แต่พระท่านจะยินยอมพร้อมใจให้เอง
.
กรณีเอาเงินเข้าบัญชีส่วนกลางของวัด จะเป็นได้ก็เฉพาะวัดของครูบาอาจารย์ที่ทรงมรรค ทรงผล ทรงนิพพาน อันเป็นที่เคารพนับถือของพระทุกองค์ ก็อาจพอเป็นไปได้ และเป็นได้เฉพาะกิจนิมนต์ที่ไปในนามของวัด ส่วนกิจนิมนต์อื่น ๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับทางวัด ก็ต้องแล้วแต่พระท่านจะเห็นสมควรเองว่า จะให้ทางวัดหรือไม่ เนื่องจากเป็นสิทธิอันชอบธรรมของพระแต่ละองค์ ท่านจะให้หรือไม่ให้ มันก็สิทธิ์ของท่าน
.
เพราะครูบาอาจารย์ที่ท่านทรงคุณธรรมชั้นสูง ท่านก็ไม่หิวเงิน ท่านไม่อยากได้เงินของใคร ท่านก็จะไม่มีทางไปบังคับให้พระเณรเอาเงินที่ญาติโยมถวายสำหรับให้ใช้ส่วนตัว มาเข้าบัญชีของวัดอย่างเด็ดขาด เพราะทำเช่นนั้นเท่ากับไปละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของพระเณรทั้งหลาย หากเจ้าของทรัพย์เขาไม่ยินยอม มันก็หมิ่นเหม่ที่เจ้าอาวาสจะเป็นอาบัติปาราชิกได้ เว้นไว้แต่พระเณรจะยินยอมพร้อมใจกันยกถวายให้วัดเอง ด้วยความอยากได้ทำบุญกับครูบาอาจารย์ชั้นนี้
.
อย่าลืมว่า พระท่านก็เป็นคนไทยคนหนึ่ง ย่อมมีสิทธิ์อันชอบธรรมตามที่คนไทยควรจะมี ควรทราบว่า บัญชีกลางของวัดก็มีเจ้าอาวาส กรรมการวัด หรือไวยาวัจกร เป็นผู้มีอำนาจลงนามสั่งจ่ายร่วมกัน ถ้าเจ้าอาวาสเป็นผู้มีคุณธรรม มักไม่ค่อยมีปัญหา เพราะผู้มีธรรม นอกจากท่านจะไม่คิดเอาเงินของพระเณรมาเข้าบัญชีวัดแล้ว ท่านยังต้องคอยสอดส่องดูแลให้ความช่วยเหลือพระเณรแต่ละรูป ตามสมควรแก่ความจำเป็นอีกด้วย
.
เงินที่ศรัทธาญาติโยมถวายให้พระท่านใช้ส่วนตัว พระท่านก็ไม่ได้ไปจับ ก็มอบให้โยมอุปัฏฐากวัดเก็บรักษาไว้ให้ท่าน หรือให้โยมไปเปิดบัญชีธนาคาร มอบให้ธนาคารเป็นผู้เก็บรักษาให้ท่านก็ยังได้ มันก็สิทธิ์ของท่านที่จะทำเช่นนั้นได้ ทางพระวินัยก็ไม่มีอะไรขัดข้อง ฝากโยมไว้มันก็ไม่ปลอดภัยนัก ฝากธนาคารไว้ก็เพิ่มความปลอดภัย เวลามีความจำเป็นด้วยปัจจัย ๔ อย่างใด ก็สั่งให้โยมไปเบิกถอนมาได้ ความเสียหายไม่ได้อยู่ที่การเก็บเงินอย่างไร มันอยู่ที่การได้มาอย่างไร และจะนำไปใช้ทำอะไรให้เกิดประโยชน์ ที่ไม่ขัดต่อพระวินัยต่างหาก
.
ขอเพียงพระอย่าไปจับเงิน อย่าไปยินดีในเงิน ให้ยินดีในปัจจัย ๔ อันจะพึงได้จากเงินนั้น ก็ไม่ผิดพระวินัย เพราะพระแต่ละองค์ ย่อมมีกิจจำเป็นที่ต้องใช้เงินเพื่อปัจจัย ๔ มากบ้างน้อยบ้างตามความจำเป็นของท่าน ก็ไม่ได้ไปหนักหัวกบาลเปรตตัวไหน
.
ก็อยากจะเตือนฆราวาสญาติโยมพุทธบริษัทสี่ทั้งหลาย ถ้ารักพระพุทธศาสนา อยากเห็นศาสนาพุทธอยู่คู่ประเทศไทยไปนาน ๆ จงอย่าได้พยายามคิดอ่านกระทำการแก้ไขดัดแปลงพระธรรมวินัยที่พระบรมศาสดาทรงตรัสไว้ดีแล้วนี้แต่อย่างใดเลย คือไม่พึงบัญญัติในสิ่งที่พระพุทธเจ้าไม่ทรงบัญญัติ ไม่เพิกถอนสิ่งที่พระพุทธองค์ทรงบัญญัติไว้แล้ว ให้สมาทานศึกษาอยู่ในสิกขาบทที่พระพุทธองค์ทรงบัญญัติไว้คือ เว้นข้อที่ห้าม ทำตามข้อที่ทรงอนุญาต นั่นแล ได้ชื่อว่า เป็นลูกศิษย์พระตถาคต ถือเป็นชาวพุทธแท้
.
หากแม้นผู้ใดบังอาจคิดอ่านกระทำการแก้ไขดัดแปลงพระธรรมวินัยให้วิปริตผิดเพี้ยนไปจากของเดิม มันผู้นั้นก็จักได้ชื่อว่า เป็นผู้เหยียบย่ำทำลายพระธรรมวินัยของพระผู้มีพระภาคเจ้า ถือเป็นการทำร้ายพระพุทธเจ้า เพราะพระธรรมวินัยเป็นองค์แทนพระบรมศาสดา ใครเหยียบย่ำทำลายก็ถือเป็นกรรมอันหนักถึงขั้นห้ามมรรค ผล นิพพาน และเป็นเหตุให้ตายแล้วจะได้ไปอบายในทันที ดังนั้น ถ้ายังมีสติสัมปชัญญะรู้ตัวดีอยู่ตราบใด ก็จงอย่าได้อวดอุตริหาญกล้าคิดอ่านแก้ไขดัดแปลงพระธรรมวินัยเป็นอันขาด
.
เกี่ยวกับเรื่องของพระวินัย ข้อที่ห้ามพระจับเงินจับทองนั้น พระพุทธองค์ทรงบัญญัติไว้ดีแล้ว ไม่จำเป็นต้องให้เปรตตัวไหนไปแก้ไขดัดแปลงหรือเพิ่มเติมสิ่งใด ๆให้รกรุงรัง พวกหนอนแทะกระดาษจิตสกปรกทั้งหลาย อย่ามาอวดรู้อวดฉลาด ครูบาอาจารย์ล้วนพระอรหันต์ ไม่ว่าจะกี่พระองค์ นับตั้งแต่พ่อแม่ครูอาจารย์ใหญ่ หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่น หลวงปู่พรหม หลวงปู่อ่อน หลวงปู่ชอบ หลวงปู่หลุย หลวงปู่แหวน หลวงปู่ขาว หลวงปู่ฝั้น จนถึงหลวงปู่มหาบัว ต่างก็ประพฤติปฏิบัติพาดำเนินมาอย่างนี้เป็นปฏิปทาอันหมดจดงดงามมาช้านานแล้ว ก็มิได้มีสิ่งใดเป็นอุปสรรคขวางกั้นต่อมรรค ผล นิพพาน
.
ที่พระป่าท่านประพฤติปฏิบัติกันอยู่ทุกวันนี้ ก็เป็นปฏิปทาฝ่ายพระธุดงคกรรมฐาน ที่ผ่านขบวนการทดสอบสืบทอดกันมาเป็นเวลากว่า ๒๕๐๐ ปี นี้แล้ว ยังไม่มีอะไรขาดตกบกพร่อง ผู้ที่ทรงมรรค ทรงผล ทรงนิพพาน ก็ยังมีให้เห็นเป็นสักขีพยานแห่งความปฏิบัติดีปฏิบัติชอบตรงตามพระธรรมวินัย ก็ยังมีให้เห็นอยู่อย่างมากมาย ถ้าใครปฏิบัติผิดพลาดคลาดเคลื่อนไปจากหลักธรรมหลักวินัย ก็ไม่มีทางที่จะได้บรรลุ มรรค ผล นิพพาน เอากันตรงนี้
.
ในปัจจุบัน สด ๆ ร้อน ๆ ก็มีพ่อแม่ครูอาจารย์หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน ก็เป็นพระอรหันต์องค์เอกแห่งยุค ทั้งอัฏฐิของท่านก็กลายเป็นพระธาตุ ประดิษฐานอยู่ ณ วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี ปฏิปทาอันหมดจดงดงามขององค์ท่าน ก็เป็นปฏิปทาที่พระเณรถือปฏิบัติ เป็นแบบอย่างที่ถูกต้องดีงามตรงตามพระธรรมวินัยอยู่แล้ว
.
ท่านมีคุณูปการต่อโลกอย่างมากมาย ก็ด้วยข้อวัตรปฏิปทาแบบเดียวกันนี้ พระธรรมวินัยก็อันเดียวกัน ทองคำ ๑๓ ตัน กับเงินกว่า ๑๐ ล้านดอลล่าร์ ได้เข้าไปสถิตอยู่ในคลังหลวง ก็สำเร็จลงได้ด้วยพระธรรมวินัยอันเดียวกันนี้ พระธรรมวินัยยังคงเส้นคงวาอยู่เหมือนเดิม มิได้ขาดตกบกพร่องที่ตรงไหน จึงไม่จำเป็นต้องให้คนมีกิเลสสกปรกมาแก้ไขดัดแปลงพระธรรมวินัยให้ผิดเพี้ยนไปจากเดิม ให้เป็นมลทินแปดเปื้อนพระพุทธศาสนา
.
ที่เป็นปัญหาในวงสังคมของพระสงฆ์ทุกวันนี้ เป็นปัญหาเรื่องการปฏิบัติของพระสงฆ์ ที่วิปลาสคลาดเคลื่อนไปจากพระธรรมวินัยเองต่างหาก ไม่ใช่ปัญหาของพระธรรมวินัย อย่าว่าแต่พระสงฆ์ แม้ฆราวาสญาติโยมที่บอกว่า เป็นชาวพุทธ นับถือศาสนาพุทธ แต่จะหาผู้ที่ปฏิบัติตามคำสอนของศาสนาพุทธได้อย่างแท้จริง ก็หายากเต็มทน จนแทบจะหาไม่มี แต่ฆราวาสที่ตั้งตัวเป็นผู้เชี่ยวชาญรอบรู้เรื่องพระธรรมวินัย กลับมีเยอะแยะนัก จนแทบจะเดินชนกันตายวันละหลาย ๆ ศพ
.
คนนั้นก็จะปฏิรูปวงการสงฆ์อย่างนั้น คนโน้นก็บอกว่าจะต้องทำอย่างนี้ เถียงกันไปเถียงกันมา เหยียบหัวพระสงฆ์ ข้ามหัวพระสงฆ์ ราวกับเห็นท่านเป็นหัวหลักหัวตอ พอบอกให้มันไปบวชพระ บวชชี ลองปฏิบัติกันจริง ๆ จัง ๆ ดูบ้าง ตามทฤษฎีของตัวเองที่เห่าหอนกันอยู่ทุกวันนี่นะ สักพรรษา สองพรรษา หรือหลาย ๆ พรรษาก็ได้ เท่านั้นแหละ แต่ละตัวแม่ม..วิ่งหนีหางจุกตูด ขี้เยี่ยวแตกไหลทะลักไปตลอดทาง ไม่เห็นมี ไอ้หรืออีหน้าไหน กล้าโผล่หัวเข้ามาบวช แล้วทำตามที่ตัวเองมันเห่าหอนแม้แต่สักตัวเดียว
.
ทุกวันนี้กำลังเกิดวิกฤติศาสนทายาท พวกรู้กันบ้างไหม? หาผู้ที่จะบวชเพื่อสืบทอดพระพุทธศาสนาอย่างจริง ๆ จัง ๆ แทบจะหาไม่มีกันแล้ว พอบอกว่าจะไปบวช แม่ม..ก็ต่อรองกันล่ะ จะเอา ๑๐ วันบ้าง ๑๕ วันบ้าง ๓๐ วันบ้าง ไอ้บางพวกก็จัดบวชกันทีหนึ่งเป็นฝูง ๆ หารับประทานกับการบวชเข้าไปอีก บวชพอให้ได้ชื่อว่าบวช บวชแล้วก็สึกกันออกไป แทบจะไม่มีผู้อยู่สืบทอดพระพุทธศาสนา ใครที่อยากได้พระดี เก่งจริงก็เข้ามาบวช ทำตัวเองให้เป็นพระดีอย่างที่ต้องการ นั่นแหละ จะเป็นคุณูปการต่อพระพุทธศาสนา ดีกว่าที่จะคอยไปเห่าไปกัดพระสงฆ์ที่ท่านก็เป็นอยู่ด้วยความลำบากยากแค้น
.
ถ้าเข้ามาบวชเองไม่ได้ ก็ควรคอยเป็นกำลังใจให้การอุปถัมภ์บำรุงพระสงฆ์ด้วยปัจจัย ๔ ให้ท่านได้ปฏิบัติศาสนกิจบำเพ็ญสมณธรรมในเพศสมณะได้สะดวกตามสมควรแก่อัตภาพ อย่ามัวแต่คอยจ้องจับผิดพระสงฆ์องคเจ้าอยู่เลย อีกไม่นานพระสงฆ์ที่มีอยู่ ก็พากันละสังขารตายจากกันไปหมดแล้ว ถ้าพวกคุณไม่ปลูกฝังคนรุ่นใหม่ ให้เข้ามาบวชด้วยศรัทธาในพระธรรมคำสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้า มุ่งหวังบำเพ็ญเพียรเพื่อความดับทุกข์ มีแต่ส่งเสริมให้บวชกันพอเป็นพิธี จัดอุปสมบททีละเป็นฝูง ๆ หารับประทานกับการบวชอยู่เช่นนี้ อีกไม่นานหรอก พวกคุณจะไม่มีพระสงฆ์ให้กราบไหว้
.
ไม่ต้องไปโทษว่า ศาสนาอื่นจะมาทำลายพระพุทธศาสนาหรอก พวกคุณที่เป็นชาวพุทธแต่ชื่อ นี่แหละ จะเหยียบย่ำทำลายพระพุทธศาสนาเสียเองอย่างยับเยิน ด้วยความไม่ใส่ใจที่จะประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมวินัยของพระบรมศาสดา มิหนำซ้ำ ยังจะอวดเก่งมาปฏิรูปคณะสงฆ์ แก้ไขดัดแปลงพระธรรมวินัยให้เป็นไปตามใจตัวเองอีกต่างหาก
.
เป็นฆราวาสก็ให้อยู่ตามประสาฆราวาส กระทำตัวเป็นพุทธบริษัทที่ดี หากจะมีข้อเสนอแนะอันใดที่เกี่ยวข้องกับพระธรรมวินัยของสงฆ์ จงถวายความเคารพแด่สงฆ์ ให้เสนอข้อคิดเห็นกราบทูลต่อสมเด็จพระสังฆราช พระองค์เป็นประมุขสงฆ์ ให้พระองค์ได้ประชุมสงฆ์เพื่อพิจารณาเห็นชอบเสียก่อนว่า การที่เสนอมานั้นไม่ขัดข้องต่อพระธรรมวินัย สมควรกระทำได้โดยแท้ จึงจะเป็นการดีการชอบ
.
ไม่ใช่คิดอยากจะให้พระสงฆ์ทำอย่างไร ก็ไปออกกฎหมายสั่งการกันเอาเอง สั่งให้พระต้องทำอย่างนั้น ต้องทำอย่างโน้น การออกกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับพระสงฆ์ มันก็ต้องเป็นผู้ที่มีความรอบรู้ในพระธรรมวินัยอย่างลึกซึ้ง ไม่ใช่แค่รู้ตามตำราแบบงู ๆ ปลา ๆ ควรได้ปฏิบัติตามพระธรรมวินัยมาก่อน ไม่ใช่ให้ไอ้เบื๊อกที่ไหน บวชก็ไม่เคยบวช กลางคืนนอนกอดเมีย ตอนเช้าโผล่หัวขึ้นมา ก็จะมาปฏิรูปคณะสงฆ์ โคตรแม่ม.. เห็นพระธรรมวินัยเป็นของไม่มีราคาขนาดนั้นเชียวหรือ?
.
ชาวพุทธจงทราบไว้ว่า การออกกฎหมายใด ๆ ก็ตาม ที่จะมาเกี่ยวข้องกับพระธรรมวินัย ต้องเป็นไปเพื่อความคุ้มครองพระธรรมวินัยให้มั่นคงแข็งแรงเท่านั้น จะออกกฎหมายให้ขัดหรือแย้งต่อพระธรรมวินัย มิได้เด็ดขาด ถ้าไม่อยากให้พระพุทธศาสนาเสื่อมสูญอันตรธานหายซากไปจากประเทศไทย จงจำความข้อนี้ไว้ให้ดี ๆ แล้วคอยระมัดระวังป้องกัน อย่าให้ไอ้หรืออีหน้าไหนมาก้าวล่วงเป็นอันขาด
.
เพราะอาจมีกลุ่มคนผู้ไม่หวังดีที่คิดร้ายต่อพระพุทธศาสนา อาจฉวยโอกาสใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือในการทำลายล้างพระพุทธศาสนาให้ย่อยยับไปได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แนวความคิดที่จะโอนทรัพย์สินของพระพุทธศาสนาที่เป็นศาสนสมบัติกลาง ทรัพย์สินของวัด ทรัพย์สินส่วนตัวของพระ ไปไว้ในสำนักงานที่เรียกว่า สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระพุทธศาสนา แนวความคิดเช่นนี้ ขัดต่อพระธรรมวินัยอย่างร้ายแรง ถ้าลงได้ทำเมื่อไร แผ่นดินสงฆ์จะลุกเป็นไฟอย่างแน่นอน
.
สมัยที่องค์หลวงตายังอยู่ ก็เคยพาพระป่าเข้าเมืองมาคัดค้านกันครั้งหนึ่งแล้ว ที่เรียกว่า พรบ.สงฆ์ ฉบับมหาคณิสสร หรือ ที่องค์หลวงตาเรียกว่า ฉบับมหาโจรปล้นศาสนา คงยังพอจำกันได้ ถ้ามายุคนี้สมัยนี้ยังจะมีคนไปปลุกผีเปรต พรบ.สงฆ์ฉบับนี้ ให้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีก พระป่าก็คงต้องรวมพลังกันลุกขึ้นขับไล่เปรตฝูงนี้ ให้มันสิ้นซากไปอีกครั้งหนึ่งอย่างแน่นอน
.
มาดูกัน! เรื่องพระวินัยที่ห้ามพระจับเงินจับทอง ที่เป็นปัญหาที่นักปราชญ์หนอนแทะกระดาษ ถกกันจนเลอะเทอะ ในสิกขาบทที่ ๘ แห่งอาบัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์ วรรคที่ ๒ ว่า
.
"อนึ่ง ภิกษุใด รับก็ดี ให้รับก็ดี ซึ่งทองเงิน หรือยินดีทองเงินอันเขาเก็บไว้ให้ก็ดี เป็นนิสสัคคิยปาจิตตีย์.”
.
นี่เรียกว่า มูลบัญ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่