(22 เม.ย.) นายจตุรงค์ จงอาษา นักวิชาการอิสระด้านพระพุทธศาสนา กล่าวว่า  จากข้อมูลการวิจัยเกี่ยวกับ พระตุ๊ด เณรแต๋ว พบว่า จะพบพฤติกรรมพระตุ๊ด เณรแต๋ว ได้ร้อยละ 10 จากจำนวนประชากรพระ เณร ทั้งหมด เช่น พระ 100,000 รูป จะมีพระตุ๊ด เณรแต๋ว 10,000 รูป เป็นต้น ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้น เกิดจากกระบวนการบวชกาเริ่มตั้งแต่ ครอบครัว เนื่องจาก ชาวพุทธ ไม่รู้ข้อมูลพระธรรมวินัย เมื่อรู้ว่า ลูกเป็นตุ๊ด เป็นแต๋ว ก็ไม่ควรส่งมาบวชในพระพุทธศาสนา กระบวนการที่ 2 เจ้าอาวาส และพระอุปัชฌาย์ เมื่อเห็นว่า เป็นตุ๊ด แต๋วชัดเจน ก็ไม่ควรที่จะให้บวช ส่วนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อย่างเช่น สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) และมหาเถรสมาคม(มส.) ยังไม่ได้ให้ความรู้เกี่ยวกับ พระธรรมวินัยห้ามไม่ให้ตุ๊ด แต๋ว บวชในพระพุทธศาสนาว่า มีอย่างไร เพื่อทำความเข้าใจกับสังคม โดยเฉพาะชาวพุทธซึ่งยังไม่เข้าใจในเรื่องนี้ดีพอ

“ผมไม่ได้บอกว่า ตุ๊ด แต๋ว ไม่ดี เราต้องนำความจริงมาพูดกัน เพราะปัจจุบันนี้ มีพระมหาเถระที่เป็นแบบนี้ แล้วปฏิบัติดีปฏิบัติชอบก็ยังมีอยู่อีกมาก แต่การแก้ปัญหาของคณะสงฆ์ในหลายกรณีเกี่ยวกับพระสงฆ์ทั้ง พระตุ๊ด เณรแต๋ว พระอลัชชี คือ การเงียบ ไม่ใช่แนวทางที่ถูกต้อง แต่ควรนำพระธรรมวินัยมาตัดสินโทษผู้กระทำผิดให้ชัดเจน รวมทั้งชี้แจงให้ประชาชนได้เข้าใจว่า สาเหตุใดถึงเป็นเช่นนี้ อีกทั้งแก้ไขปัญหาให้ตรงจุดทั้งระบบ หากปล่อยไปเช่นนี้ ปัญหาก็จะเป็นอยางนี้ไม่จบสิ้น เมื่อมีกรณีนาตาลีแล้ว เดี๋ยวก็มีกรณีพระตุ๊ด เณรแต๋วรูปอื่นๆมาโพสต์อีก อย่างไรก็ตาม ผมเชื่อว่า การให้ความรู้เกี่ยวกับ พระธรรมวินัย ต่อประชาชนเป็นเรื่องที่สำคัญ โดยเฉพาะเรื่องการบวช หากชาวพุทธเข้าใจ ก็จะส่งคนดีมาบวช ไม่ใช่ส่งคนที่มีปัญหาเข้ามาบวช พระพุทธศาสนาก็จะไม่เกิดปัญหาเช่นทุกวันนี้” นักวิชาการอิสระ กล่าว

   เดลินิวส์

พระที่เคยเป็นตุ๊ดมาก่อน ถ้าบวชแล้วตั้งใจปฏิบัติจริงน่าจะปรับพฤติกรรมการปรุงแต่งไปทางหญิงได้หมดนะครับ อาจจะมีพฤติกรรมโอนโยนพูดจาอ่อนหวานบ้าง แม้แต่พระที่เป็นชายแท้บางรูปยังเทศน์พูดจาได้หวานจับใจญาติโยม กริยามารยาทสำรวมอ่อนโยนญาติโยมชื่นชม