วันนี้อยากจะพาไปดูงานนิทรรศการที่น่าสนใจมากเลยงานนึง ก็คือนิทรรศการ The Science Behind Pixar จัดที่ Museum of Science & Industry (MSI) ที่เมือง Chicago ค่ะ
งานนี้เป็นนิทรรศการแบบ interactive ที่ให้พวกเราได้เข้าไปชมเบื้องหลังการทำงาน กว่าจะมาเป็นผลงาน animation เรื่องดังต่างๆ ของ Pixar ไม่ว่าจะเป็น Toy Story, A bug’s Life, Monsters Inc., Finding Nemo, The Incredibles, Cars, Ratatouille, WALL-E, Up, Brave มาจนถึง Inside Out โดยจะเน้นทางด้านการนำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการสร้างผลงานเหล่านี้ ซึ่งแนวแบบนี้เค้าก็จะมีชื่อเรียกย่อๆ ว่า STEM หรือก็คือ science, technology, engineering and math ซึ่งช่วงนี้เวลาที่ จขกท. ไปอ่านบทความเกี่ยวกับกิจกรรมสำหรับเด็กๆ ก็จะเจอกิจกรรมที่เน้นให้เด็กฝึกคิดทำโดยใช้ concept ด้าน STEM นี้อยู่เรื่อยๆ ค่ะ ซึ่งก็ดูน่าสนใจมากๆ
แล้วงานนิทรรศการนี้ก็ไม่ใช่ว่ามีแต่ของตั้งๆ วางโชว์ไว้อย่างเดียวนะคะ แต่เค้าจะจัดเป็น station ย่อยๆ แต่ละ station ก็จะมีกิจกรรมให้เด็กๆ ได้จับ ได้ขยับ ได้ดูผลลัพธ์ด้วยตัวเอง เพราะเชื่อว่าการที่เด็กได้มีประสบการณ์แบบที่เรียกว่า hand-on experience แบบนี้ จะทำให้เค้าเกิดความสนใจ ได้คิดและเข้าใจได้ดีกว่าเราไปสอนเค้าเฉยๆ ค่ะ จริงๆ แล้วที่ว่ากิจกรรมนี้เน้นให้เด็กๆ ได้ดู แต่ผู้ใหญ่ก็ดูแล้วก็สนุกไปด้วยเลยนะคะ อย่างเราที่บางทีก็ลืมเรื่องวิทยาศาสตร์ที่เรียนตอนเมื่อก่อนไปแล้ว พอมาดูแล้วก็รู้สึกว่า อ๋อ คุ้นๆ ละ ใช่ๆ มันเป็นแบบนี้นี่เอง เหมือนกลับไปเป็นเด็กเรียนวิชาวิทยาศาสตร์อีกหน ฮ่าๆๆ
จะมาเที่ยวงานนิทรรศการ The Science Behind Pixar ก่อนอื่นก็ต้องไปที่ MSI ก่อนเลยค่า (รูปมัวๆ หน่อยนะคะ ถ่ายจากรถที่วิ่งจากที่ไกลๆ) ค่าเข้าตัว museum ผู้ใหญ่ $21.95 เด็ก $12.95 ซื้อบัตรออนไลน์ก็จะได้ส่วนลดนิดนึง แต่ถ้าเป็น member อยู่แล้วก็จะเข้าฟรีค่ะ ส่วนตัวงานนิทรรศการนี้ต้องจ่ายเพิ่มอีกต่างหาก เพราะเป็นนิทรรศการที่จัดขึ้นมาเป็นพิเศษแค่ช่วงระยะเวลาหนึ่งๆ ผู้ใหญ่ $14 เด็ก $11 ส่วน member ราคา $7 ค่ะ เวลาไปซื้อตั๋วก็เดินไปซื้อที่ kiosk ไม่ต้องต่อแถวนานๆ เลย แต่ตั๋วอันนี้จะเป็น timed-entry ticket ต้องระบุเวลาที่จะเข้าชมด้วย คิดว่าเค้าอยากจะควบคุมไม่ให้คนเข้าแออัดมากเกินไปค่ะ แต่ไม่มีจำกัดระยะเวลาที่อยู่ในนั้นนะคะ จะอยู่นานเท่าไหร่ก็ได้ (จนปิดก็ได้เลย ฮ่าๆๆ) ตอนกดซื้อตั๋วเค้าเขียนว่าระยะเวลาเฉลี่ยที่คนจะดูก็ประมาณ 45 นาที แต่ก็แล้วแต่คนค่ะ เราก็เดินอ้อยอิ่งดูทุก station เข้าไปกดปุ่มแทบจะทุกปุ่ม (ล้อเล่นค่ะ ก็ไม่ถึงขนาดนั้น) ก็จะนานกว่า 45 นาที
เค้าแบ่งงานเป็นสองห้องค่ะ คือ Gallery 1 (ประตูสีเขียว) กับ Gallery 2 (ประตูสีส้ม) โดยต้องเริ่มเข้าจาก Gallery 1 ก่อน แค่เห็นทางเข้าก็ดูน่าสนุกแล้วใช่ไหมคะ พอเข้าไปเจ้าหน้าที่ก็ยิ้มกว้างให้และบอกต้อนรับเข้าสู่ The Science Behind Pixar แล้วแนะนำว่าห้องถัดไปจะมีการฉายภาพยนตร์สั้นๆ แนะนำนิทรรศการ ให้เรายืนรอหน้าห้องก่อนแป๊บนึง ในห้องที่รอนั้นก็จะมีรูปตัวละครต่างๆ ของ Pixar อยู่บนผนัง เหมือนกับมาต้อนรับเรา ฮ่าๆๆ พร้อมกับมีข้อมูลทางด้าน STEM เบื้องหลังการสร้างให้อ่านนิดๆ เหมือนเป็นอาหารเรียกน้ำย่อยค่ะ
ซักพักก็เข้าไปดูภาพยนตร์สั้นๆ เป็น staff ของทาง Pixar มาพาเดินชมแต่ละขั้นตอนการผลิตของ Pixar ค่ะ ดูแล้วประทับใจที่เห็นทุกคนตั้งใจทำหน้าที่ของตัวเอง แม้จะเป็นส่วนเล็กๆ แต่ก็มาประกอบกันจนเป็น animation ที่พวกเราชื่นชอบกันได้ เห็นความมุ่งมั่นตั้งใจ พอเจอปัญหาอะไรก็ต้องเอามาคุยมาขบคิดกันกว่าจะแก้ปัญหานั้นได้ ตอนจบเค้ามีประโยคที่พูดประมาณว่า “Technology did not make these things, people made them” ฟังแล้วชอบเลย
ภาพยนตร์จบแล้วเดินเข้าไปใน Gallery 1 ก็จะสะดุดตากับหุ่น Buzz Lightyear ตัวใหญ่เลยค่ะ โซนแรกก็จะเป็นเรื่องของ “Modeling” ไม่ใช่วงการนางแบบนะคะ ฮ่าๆๆ แต่ก่อนที่จะมาเป็นตัวละครที่โลดแล่นใน 3D นักวาดก็จะร่างแบบในกระดาษขึ้นมา หลังจากนั้นก็จะมีการปั้นตัวละครเหล่านี้ขึ้นมา เพื่อที่จะได้เห็นตัวละครได้จากหลายๆ ด้าน คนที่จะไปวาดในคอมพิวเตอร์ต่อไปก็จะได้วาดได้ จะมีตู้โชว์อยู่ตู้หนึ่งที่โชว์รูปปั้นของตัวละครหลายๆ ตัว รูปปั้น Mike ที่กำลังโบกมือทักทายอยู่นี้ก็เป็นตัวอย่างตัวหนึ่งค่ะ
ขั้นต่อไป ก็จะพล็อตรูปในคอมพิวเตอร์ เค้าก็แนะนำให้เด็กๆ เข้าใจได้ง่ายๆ ค่ะ ว่าจะมี 3 แกน ก็คือแกน x, y, z แต่ละจุดก็จะมีค่า 3 ค่า เช่น 4, 2, 12
ผู้ใหญ่อย่างเราๆ อาจรู้สึกเหมือนง่ายใช่ไหมคะ แต่สำหรับเด็ก เค้าต้องมีอะไรที่เห็นจริงและจับต้องได้ นี่เลยค่ะ
เค้าก็จะมีลูกกลมๆ ให้เราจับ แล้วเราก็โยกไปโยกมาได้ทั้งสามแกน พอเราเลื่อนลูกกลม จุดในหน้าจอก็จะเลื่อนตามด้วย และตัวเลข 3 ค่าก็จะเปลี่ยนแปลงไปด้วย เห็นแล้วรู้สึกว่าดีจริงๆ เลย มีโจทย์ง่ายๆ ให้ทำ ให้พล็อตจุด 4 จุด ได้มาเป็นรูปแผ่นสี่เหลี่ยมเอนๆ แบบในรูปนั้นแหละค่ะ ขนาดง่ายๆ แค่นี้ จขกท. นั่งพล็อตอยู่สักพักนึงเลย ฮ่าๆๆ ตอนที่เดินออกไปจาก station นี่แล้ว ก็เห็นเด็กๆ มากับผู้ปกครองก็มานั่งทำกันคนละพักใหญ่ๆ ดูเด็กๆ สนใจและมีสมาธิกันมากเลย
ถัดไป เค้าก็จะให้ดูว่ารูปทรงสามมิติต่างๆ ที่เราเห็นกันอยู่นี้ หลายๆ รูปก็สร้างขึ้นมาจากรูปร่างสองมิติง่ายๆ ซึ่งอาจจะเป็น rotated shapes ก็มีแกนหมุน (axis of rotation) ซึ่งพอเราหมุนรูปร่างสองมิติไปรอบแกนหมุนนี้ ก็จะเกิดรูปทรงสามมิติขึ้น อ่านและดูรูปอย่างเดียวเดี๋ยวจะไม่เข้าใจ มีรูปร่างกับแกนหมุนมาให้หมุนจริงๆ กับมือด้วยค่ะ
พอเราหมุน รูปในจอก็เปลี่ยนให้เราเห็นไปด้วย ตัวอย่างอย่างในรูปนี้ แต่ที่งานมีหลายรูปทรงเลยให้ลองเล่นกัน ถ้าใครทำงานทางด้านการออกแบบประมาณนี้อยู่แล้ว เห็นแล้วก็อาจจะรู้สึกเฉยๆ เพราะเป็นเรื่องพื้นฐานอยู่แล้ว แต่ จขกท. ที่ไม่ค่อยรู้ทางด้านนี้เลย เรียกได้ว่ามาดูในมุมมองของเด็กๆ เลย เห็นแล้วก็เลยตื่นเต้นไปด้วยว่านี่มันเป็นวิธีเรียนรู้ที่ทำให้เราเข้าใจได้ดีเนอะ
อีกอันนึงก็เป็น extruded shapes ก็จะมี path of extrusion ก็คือทิศที่รูปร่างสองมิติจะยืดออกมาจนกลายเป็นรูปทรงสามมิติ เค้าก็จะมีอะไรให้ดึงๆ หมุนๆ อีกแล้ว อันที่ง่ายๆ หน่อยก็คือชีสก้อนค่ะ จากรูปสามเหลี่ยมดึงขึ้นมาตรงๆ ก็กลายเป็นชีส หรืออย่างในรูป เป็นรูปสี่เหลี่ยม แต่ดึงออกมาโค้งๆ ตามแนวเส้นรอบวงกลม ก็จะกลายเป็นพวงมาลัย (ขับรถ) ไป
Virtual Modeling Work Station จุดนี้ก็ให้ลองมาสร้างตัวละครของเล่นที่เราชอบ จากรูปทรงง่ายๆ แค่เปลี่ยนความกว้าง ความยาว ความสูง เปลี่ยนพิกัด x, y, z แล้วก็หมุนๆ
ในนิทรรศการแต่ละโซนก็จะมีมุมที่เรียกว่า Pixar’s Challenge ค่ะ ก็จะเป็นโจทย์ปัญหาที่ Pixar ต้องเจอในแต่ละขั้นตอนต่างๆ แล้วก็วิธีที่เค้าค่อยๆ แก้ไข
อย่างอันนี้ก็เป็น Modeling Challenge ก็คือเวลาวาดรูปจากการลากเส้นพล็อตระหว่างแต่ละจุด ถ้าจุดห่างกันเราก็จะได้พื้นผิวที่ดูแข็งๆ ทื่อๆ ไม่สมจริง ก็ต้องมีการทำ subdivision เพื่อให้พื้นผิวดูเรียบเนียนสมจริงขึ้น จขกท. ก็ไม่เข้าใจเรื่อง subdivision เท่าไหร่หรอกนะคะ ก็รู้แค่ว่าทำให้มันดูเรียบๆ เนียนๆ ฮ่าๆๆ ใครอยากมาช่วยอธิบายเพิ่มเติมได้ก็จะยินดีมากเลยค่ะ
อ้อ ลืมเล่าไป ในรูปนี้เห็นปุ่มสี่เหลี่ยมกับสามเหลี่ยมสีขาวๆ ไหมคะ จริงๆ ด้านข้างจะมีอุปกรณ์คล้ายๆ หูโทรศัพท์ด้วย (แต่จะมืดหน่อยเลยมองไม่เห็น หรือไม่ก็ไม่ได้ติดเข้ามาในรูป) ถ้าเรายกหูฟังมาฟังแล้วก็กดปุ่มก็จะมีคำอธิบาย (ตามที่เขียนบนบอร์ด) ให้ฟังด้วย เดาว่าน่าจะทำให้เด็กๆ ที่ยังอ่านหนังสือได้ไม่คล่อง แต่ก็อยากจะรู้ว่านั่นมันอะไร มาฟังก็จะได้ฟังได้ง่ายๆ โดยที่คุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องมาอ่านให้ฟังทุกบอร์ด ส่วนในจอก็จะเป็นเรื่องราวของ Challenge & Solution ที่ Pixar ได้เจอมาค่ะ
[CR] [Review] นิทรรศการ The Science Behind Pixar : Let your imagination fly.
งานนี้เป็นนิทรรศการแบบ interactive ที่ให้พวกเราได้เข้าไปชมเบื้องหลังการทำงาน กว่าจะมาเป็นผลงาน animation เรื่องดังต่างๆ ของ Pixar ไม่ว่าจะเป็น Toy Story, A bug’s Life, Monsters Inc., Finding Nemo, The Incredibles, Cars, Ratatouille, WALL-E, Up, Brave มาจนถึง Inside Out โดยจะเน้นทางด้านการนำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการสร้างผลงานเหล่านี้ ซึ่งแนวแบบนี้เค้าก็จะมีชื่อเรียกย่อๆ ว่า STEM หรือก็คือ science, technology, engineering and math ซึ่งช่วงนี้เวลาที่ จขกท. ไปอ่านบทความเกี่ยวกับกิจกรรมสำหรับเด็กๆ ก็จะเจอกิจกรรมที่เน้นให้เด็กฝึกคิดทำโดยใช้ concept ด้าน STEM นี้อยู่เรื่อยๆ ค่ะ ซึ่งก็ดูน่าสนใจมากๆ
แล้วงานนิทรรศการนี้ก็ไม่ใช่ว่ามีแต่ของตั้งๆ วางโชว์ไว้อย่างเดียวนะคะ แต่เค้าจะจัดเป็น station ย่อยๆ แต่ละ station ก็จะมีกิจกรรมให้เด็กๆ ได้จับ ได้ขยับ ได้ดูผลลัพธ์ด้วยตัวเอง เพราะเชื่อว่าการที่เด็กได้มีประสบการณ์แบบที่เรียกว่า hand-on experience แบบนี้ จะทำให้เค้าเกิดความสนใจ ได้คิดและเข้าใจได้ดีกว่าเราไปสอนเค้าเฉยๆ ค่ะ จริงๆ แล้วที่ว่ากิจกรรมนี้เน้นให้เด็กๆ ได้ดู แต่ผู้ใหญ่ก็ดูแล้วก็สนุกไปด้วยเลยนะคะ อย่างเราที่บางทีก็ลืมเรื่องวิทยาศาสตร์ที่เรียนตอนเมื่อก่อนไปแล้ว พอมาดูแล้วก็รู้สึกว่า อ๋อ คุ้นๆ ละ ใช่ๆ มันเป็นแบบนี้นี่เอง เหมือนกลับไปเป็นเด็กเรียนวิชาวิทยาศาสตร์อีกหน ฮ่าๆๆ
จะมาเที่ยวงานนิทรรศการ The Science Behind Pixar ก่อนอื่นก็ต้องไปที่ MSI ก่อนเลยค่า (รูปมัวๆ หน่อยนะคะ ถ่ายจากรถที่วิ่งจากที่ไกลๆ) ค่าเข้าตัว museum ผู้ใหญ่ $21.95 เด็ก $12.95 ซื้อบัตรออนไลน์ก็จะได้ส่วนลดนิดนึง แต่ถ้าเป็น member อยู่แล้วก็จะเข้าฟรีค่ะ ส่วนตัวงานนิทรรศการนี้ต้องจ่ายเพิ่มอีกต่างหาก เพราะเป็นนิทรรศการที่จัดขึ้นมาเป็นพิเศษแค่ช่วงระยะเวลาหนึ่งๆ ผู้ใหญ่ $14 เด็ก $11 ส่วน member ราคา $7 ค่ะ เวลาไปซื้อตั๋วก็เดินไปซื้อที่ kiosk ไม่ต้องต่อแถวนานๆ เลย แต่ตั๋วอันนี้จะเป็น timed-entry ticket ต้องระบุเวลาที่จะเข้าชมด้วย คิดว่าเค้าอยากจะควบคุมไม่ให้คนเข้าแออัดมากเกินไปค่ะ แต่ไม่มีจำกัดระยะเวลาที่อยู่ในนั้นนะคะ จะอยู่นานเท่าไหร่ก็ได้ (จนปิดก็ได้เลย ฮ่าๆๆ) ตอนกดซื้อตั๋วเค้าเขียนว่าระยะเวลาเฉลี่ยที่คนจะดูก็ประมาณ 45 นาที แต่ก็แล้วแต่คนค่ะ เราก็เดินอ้อยอิ่งดูทุก station เข้าไปกดปุ่มแทบจะทุกปุ่ม (ล้อเล่นค่ะ ก็ไม่ถึงขนาดนั้น) ก็จะนานกว่า 45 นาที
เค้าแบ่งงานเป็นสองห้องค่ะ คือ Gallery 1 (ประตูสีเขียว) กับ Gallery 2 (ประตูสีส้ม) โดยต้องเริ่มเข้าจาก Gallery 1 ก่อน แค่เห็นทางเข้าก็ดูน่าสนุกแล้วใช่ไหมคะ พอเข้าไปเจ้าหน้าที่ก็ยิ้มกว้างให้และบอกต้อนรับเข้าสู่ The Science Behind Pixar แล้วแนะนำว่าห้องถัดไปจะมีการฉายภาพยนตร์สั้นๆ แนะนำนิทรรศการ ให้เรายืนรอหน้าห้องก่อนแป๊บนึง ในห้องที่รอนั้นก็จะมีรูปตัวละครต่างๆ ของ Pixar อยู่บนผนัง เหมือนกับมาต้อนรับเรา ฮ่าๆๆ พร้อมกับมีข้อมูลทางด้าน STEM เบื้องหลังการสร้างให้อ่านนิดๆ เหมือนเป็นอาหารเรียกน้ำย่อยค่ะ
ซักพักก็เข้าไปดูภาพยนตร์สั้นๆ เป็น staff ของทาง Pixar มาพาเดินชมแต่ละขั้นตอนการผลิตของ Pixar ค่ะ ดูแล้วประทับใจที่เห็นทุกคนตั้งใจทำหน้าที่ของตัวเอง แม้จะเป็นส่วนเล็กๆ แต่ก็มาประกอบกันจนเป็น animation ที่พวกเราชื่นชอบกันได้ เห็นความมุ่งมั่นตั้งใจ พอเจอปัญหาอะไรก็ต้องเอามาคุยมาขบคิดกันกว่าจะแก้ปัญหานั้นได้ ตอนจบเค้ามีประโยคที่พูดประมาณว่า “Technology did not make these things, people made them” ฟังแล้วชอบเลย
ภาพยนตร์จบแล้วเดินเข้าไปใน Gallery 1 ก็จะสะดุดตากับหุ่น Buzz Lightyear ตัวใหญ่เลยค่ะ โซนแรกก็จะเป็นเรื่องของ “Modeling” ไม่ใช่วงการนางแบบนะคะ ฮ่าๆๆ แต่ก่อนที่จะมาเป็นตัวละครที่โลดแล่นใน 3D นักวาดก็จะร่างแบบในกระดาษขึ้นมา หลังจากนั้นก็จะมีการปั้นตัวละครเหล่านี้ขึ้นมา เพื่อที่จะได้เห็นตัวละครได้จากหลายๆ ด้าน คนที่จะไปวาดในคอมพิวเตอร์ต่อไปก็จะได้วาดได้ จะมีตู้โชว์อยู่ตู้หนึ่งที่โชว์รูปปั้นของตัวละครหลายๆ ตัว รูปปั้น Mike ที่กำลังโบกมือทักทายอยู่นี้ก็เป็นตัวอย่างตัวหนึ่งค่ะ
ขั้นต่อไป ก็จะพล็อตรูปในคอมพิวเตอร์ เค้าก็แนะนำให้เด็กๆ เข้าใจได้ง่ายๆ ค่ะ ว่าจะมี 3 แกน ก็คือแกน x, y, z แต่ละจุดก็จะมีค่า 3 ค่า เช่น 4, 2, 12
ผู้ใหญ่อย่างเราๆ อาจรู้สึกเหมือนง่ายใช่ไหมคะ แต่สำหรับเด็ก เค้าต้องมีอะไรที่เห็นจริงและจับต้องได้ นี่เลยค่ะ
เค้าก็จะมีลูกกลมๆ ให้เราจับ แล้วเราก็โยกไปโยกมาได้ทั้งสามแกน พอเราเลื่อนลูกกลม จุดในหน้าจอก็จะเลื่อนตามด้วย และตัวเลข 3 ค่าก็จะเปลี่ยนแปลงไปด้วย เห็นแล้วรู้สึกว่าดีจริงๆ เลย มีโจทย์ง่ายๆ ให้ทำ ให้พล็อตจุด 4 จุด ได้มาเป็นรูปแผ่นสี่เหลี่ยมเอนๆ แบบในรูปนั้นแหละค่ะ ขนาดง่ายๆ แค่นี้ จขกท. นั่งพล็อตอยู่สักพักนึงเลย ฮ่าๆๆ ตอนที่เดินออกไปจาก station นี่แล้ว ก็เห็นเด็กๆ มากับผู้ปกครองก็มานั่งทำกันคนละพักใหญ่ๆ ดูเด็กๆ สนใจและมีสมาธิกันมากเลย
ถัดไป เค้าก็จะให้ดูว่ารูปทรงสามมิติต่างๆ ที่เราเห็นกันอยู่นี้ หลายๆ รูปก็สร้างขึ้นมาจากรูปร่างสองมิติง่ายๆ ซึ่งอาจจะเป็น rotated shapes ก็มีแกนหมุน (axis of rotation) ซึ่งพอเราหมุนรูปร่างสองมิติไปรอบแกนหมุนนี้ ก็จะเกิดรูปทรงสามมิติขึ้น อ่านและดูรูปอย่างเดียวเดี๋ยวจะไม่เข้าใจ มีรูปร่างกับแกนหมุนมาให้หมุนจริงๆ กับมือด้วยค่ะ
พอเราหมุน รูปในจอก็เปลี่ยนให้เราเห็นไปด้วย ตัวอย่างอย่างในรูปนี้ แต่ที่งานมีหลายรูปทรงเลยให้ลองเล่นกัน ถ้าใครทำงานทางด้านการออกแบบประมาณนี้อยู่แล้ว เห็นแล้วก็อาจจะรู้สึกเฉยๆ เพราะเป็นเรื่องพื้นฐานอยู่แล้ว แต่ จขกท. ที่ไม่ค่อยรู้ทางด้านนี้เลย เรียกได้ว่ามาดูในมุมมองของเด็กๆ เลย เห็นแล้วก็เลยตื่นเต้นไปด้วยว่านี่มันเป็นวิธีเรียนรู้ที่ทำให้เราเข้าใจได้ดีเนอะ
อีกอันนึงก็เป็น extruded shapes ก็จะมี path of extrusion ก็คือทิศที่รูปร่างสองมิติจะยืดออกมาจนกลายเป็นรูปทรงสามมิติ เค้าก็จะมีอะไรให้ดึงๆ หมุนๆ อีกแล้ว อันที่ง่ายๆ หน่อยก็คือชีสก้อนค่ะ จากรูปสามเหลี่ยมดึงขึ้นมาตรงๆ ก็กลายเป็นชีส หรืออย่างในรูป เป็นรูปสี่เหลี่ยม แต่ดึงออกมาโค้งๆ ตามแนวเส้นรอบวงกลม ก็จะกลายเป็นพวงมาลัย (ขับรถ) ไป
Virtual Modeling Work Station จุดนี้ก็ให้ลองมาสร้างตัวละครของเล่นที่เราชอบ จากรูปทรงง่ายๆ แค่เปลี่ยนความกว้าง ความยาว ความสูง เปลี่ยนพิกัด x, y, z แล้วก็หมุนๆ
ในนิทรรศการแต่ละโซนก็จะมีมุมที่เรียกว่า Pixar’s Challenge ค่ะ ก็จะเป็นโจทย์ปัญหาที่ Pixar ต้องเจอในแต่ละขั้นตอนต่างๆ แล้วก็วิธีที่เค้าค่อยๆ แก้ไข
อย่างอันนี้ก็เป็น Modeling Challenge ก็คือเวลาวาดรูปจากการลากเส้นพล็อตระหว่างแต่ละจุด ถ้าจุดห่างกันเราก็จะได้พื้นผิวที่ดูแข็งๆ ทื่อๆ ไม่สมจริง ก็ต้องมีการทำ subdivision เพื่อให้พื้นผิวดูเรียบเนียนสมจริงขึ้น จขกท. ก็ไม่เข้าใจเรื่อง subdivision เท่าไหร่หรอกนะคะ ก็รู้แค่ว่าทำให้มันดูเรียบๆ เนียนๆ ฮ่าๆๆ ใครอยากมาช่วยอธิบายเพิ่มเติมได้ก็จะยินดีมากเลยค่ะ
อ้อ ลืมเล่าไป ในรูปนี้เห็นปุ่มสี่เหลี่ยมกับสามเหลี่ยมสีขาวๆ ไหมคะ จริงๆ ด้านข้างจะมีอุปกรณ์คล้ายๆ หูโทรศัพท์ด้วย (แต่จะมืดหน่อยเลยมองไม่เห็น หรือไม่ก็ไม่ได้ติดเข้ามาในรูป) ถ้าเรายกหูฟังมาฟังแล้วก็กดปุ่มก็จะมีคำอธิบาย (ตามที่เขียนบนบอร์ด) ให้ฟังด้วย เดาว่าน่าจะทำให้เด็กๆ ที่ยังอ่านหนังสือได้ไม่คล่อง แต่ก็อยากจะรู้ว่านั่นมันอะไร มาฟังก็จะได้ฟังได้ง่ายๆ โดยที่คุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องมาอ่านให้ฟังทุกบอร์ด ส่วนในจอก็จะเป็นเรื่องราวของ Challenge & Solution ที่ Pixar ได้เจอมาค่ะ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น