SAPSAN พาเดินทางมาถึงยังเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก เวลา 13:20 ออกจากรถไฟก็เดินต้วมเตี้ยมตามผู้คนออกไปอีกเช่นเคย เพราะมีการปิดซ่อมสถานีทำให้ต้องเดินออกทางแคบๆด้านข้าง โผล่มาที่ถนนก็เห็นโรงแรมที่จองอยู่ฝั่งตรงข้าม 5 คืนในเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก เราพักกันที่ Best Western Plus Centre ที่เลือกโรงแรมนี้เพราะใกล้สถานีที่สุด จะได้ไม่ต้องลากกระเป๋าไกลๆ ทั้งขามาและขากลับ ตอนจองที่พักจาก Booking.com ก็เซฟรูปด้านหน้าของโรงแรมเอาไว้ จำจุดสังเกตคือร้านอาหารฝรั่งเศสชื่อ Du Nord อยู่ด้านหน้าโรงแรม
ภาพจาก booking.com
เข้าเช็คอินที่โรงแรม เราเลือกห้องที่หันหน้าออกถนน จะได้เห็นวิวสถานีฝั่งตรงข้าม ราคาห้องพักทั้ง 5 คืนอยู่ที่ ประมาณ 8,5xx บาท และเพิ่มค่าทำ register ที่พักอีกคนละ 220รูเบิล เป็น 8,7xx บาท หลังจากที่ทางโรงแรมเตรียมเอกสารและให้เราเซ็นชื่อเรียบร้อย เราก็ขอสำเนาไว้คนละหนึ่งฉบับ ทางโรงแรมแจ้งให้มารับเอกสารได้ในวันรุ่งขึ้น
ออกเดินสำรวจเมือง Explore the city
เนื่องจากมาถึงเวลาบ่าย วันนี้เลยตั้งใจไปสถานที่เที่ยวที่อยู่ในระยะที่สามารเดินไปได้ ที่แรกคือโบสถ์หยดเลือดที่ใครๆเรียกกัน เราออกเดินจากโรงแรมที่พัก ตามแผนที่ใน google ไปเรื่อยๆ เป็นทางตรงยาวบนถนนเนฟสกี้แล้วเลี้ยวขวา โบสถ์จะอยู่เลียบคลอง
ชื่อเต็มก็คือ Church of the Savior on Spilled Blood (Церковь Спаса на Крови) น่าเสียดายที่ตอนนี้อยู่ระหว่างปิดซ่อมแซมบางส่วน ทำให้ไม่สามารถเห็นความงามและลวดลายภายนอกได้ชัดเจนนัก ผู้คนที่มาที่นี่ก็ค่อนข้างบางตาไม่เยอะมาก
ตามประวัติโบสถ์นี้ถูกสร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าอเล็กซานเดอร์ที่ 3 เพื่ออุทิศเป็นที่ระลึกถึงพระเจ้าอเล็กซานเดอร์ที่ 2 ผู้เป็นพระราชบิดาซึ่งถูกลอบปลงพระชนม์โดยกลุ่มผู้ก่อการร้าย People's Will ในปี 1881 ใช้เวลาก่อสร้างยาวนานตั้งแต่ปี 1883 ถึงปี 1907
เป็นสถาปัตยกรรมสไตล์รัสเซียนในสมัยศตวรรษที่ 16-17 ซึ่งตั้งใจให้คล้ายกับมหาวิหารเซนต์เบซิลในมอสโก แตกต่างจากสถาปัตยกรรมอื่นๆในเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กที่เป็นแบบบารอค และนีโอคลาสสิค
ภายหลังได้รับการบูรณะและตกแต่งภายในด้วยกระเบื้องโมเสคเป็นภาพต่างๆภายในโบสถ์รวมพื้นที่มากกว่า 7500 ตารางเมตร จึงเปิดให้เข้าชมในปี1997 รวมใช้เวลาบูรณะทั้งหมดถึง 27ปี
ภายในตัวโบสถ์ไม่ใหญ่มากแต่ล้วนมีภาพที่ทำจากโมเสคแทบทุกด้าน
ค่าเข้าชมคนละ 250 รูเบิล เปิดทุกวันเวลา 10.30 am ถึง 6 pm แต่เข้าชมได้ถึง 5.30 pm ยกเว้นวันพุธปิดให้เข้าชม
ด้านหน้าโบสถ์มีของที่ระลึกขาย ตอนแรกตั้งใจว่าจะซื้อหมวกรัสเซียที่นี่ เพราะมีขายเยอะแบบ และหลายร้านมาก แต่พอถามราคาเท่านั้น ก็ไม่กล้าถามร้านไหนอีกเลย คนขายบอกราคา 8,000 รูเบิล ช็อคมาก
ส่วนตามถนนหนทางในนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก มีตึกไสตล์ยุโรปที่มีรูปร่างแปลกตาอยู่หลายตึกทีเดียว ตามมุมสูงของตึกก็มีรูปปั้นผู้หญิง ผู้ชาย และเด็กในชุดคล้ายชาวกรีกโบราณ ร้านค้าต่างๆ ก็อยู่ในห้องมิดชิด ถ้าไม่มีป้ายด้านหน้าหรือกระจกใสก็แทบจะหาทางเข้าไม่เจอ อย่างเช่นพวกซุปเปอร์มาร์เก็ต เราใช้เวลาหามาสามวันกว่าจะเจอ คือเดินผ่านทุกวันแต่ไม่รู้ว่าเป็นซุปเปอร์มาร์เก็ต
กองทัพต้องเดินด้วยท้อง energy come from food
ชมความงามของสถาปัตยกรรมและตื่นตาตื่นใจกับนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก กันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ท้องก็เริ่มหิว และเป้าหมายของวันนี้คือคาเฟ่น่ารักของเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กที่ไม่ว่านักท่องเที่ยวหรือคนรัสเซียเองก็ต้องมา
Cafe Singer แห่งนี้ตั้งอยู่บนชั้นสองในตึก Singer House (Дом компании «Зингер») สำนักงานเก่าของบริษัทซิงเกอร์สาขารัสเซีย บริษัทเดียวกับที่ขายจักรเย็บผ้า ที่บรรดาแม่บ้านสมัยก่อนต้องซื้อเก็บไว้ที่บ้านนั่นแหละ (สมัยก่อนเป็นของยอดฮิตมาก ที่แม้แต่บ้านเรายังมี 555) ความตั้งใจของผู้บริหารบริษัทซิงเกอร์อยากจะสร้างตึกสูงระฟ้าให้เหมือนกับในมหานครนิวยอร์ค แต่ติดที่กฎหมายของนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กห้ามสร้างสิ่งก่อสร้างที่มีความสูงมากกว่าพระราชวังฤดูหนาว ทางออกที่เลิศที่สุดก็คือสร้างตึกหกชั้น ที่จำกัดความสูงเพียง 23.5 เมตรครอบด้วยหอคอยโดมกระจกใสปลายยอดโดมเป็นลูกโลกที่ทำจากกระจกใสเช่นกัน
ถ้าหากต้องการนั่งที่ริมกระจกที่สามารถมองเห็นวิววิหารคาซานฝั่งตรงข้าม ต้องจองหรือรอจนกว่าลูกค้าโต๊ะนั้นๆจะลุกนะคะ แต่ด้วยความหิวทำให้เรารอไม่ไหว นั่งโต๊ะถัดมาก็ได้ วันนี้จะลองอาหารจานเด็ดของรัสเซียก็คือ beef stroganoff และอีกจานเป็นแซลมอนย่างกับข้าว ไม่ว่าจะด้วยความหิวหรือปริมาณน้อยของอาหารก็ไม่ทราบได้ แต่รู้สึกว่าอร่อยมากกินเกลี้ยงจานเลยทีเดียว
จากนั้นก็ไปสำรวจที่ช้อปปิ้งกัน ที่ห้าง Galeria ใกล้สถานีรถไฟ แค่ตรงข้ามที่พักเอง ขอบอกว่าเข้าห้างนี้ทุกวัน ช้อปกระจาย ทั้งเสื้อผ้า รองเท้า น้ำหอม เครื่องสำอางค์ มีครบครัน ในราคาไม่แพง เพราะว่าค่าเงินบาทตอนนี้สูงกว่า 555
เดินกลับเข้าที่พักที่นี่วันแรกก็เจอดีเลยค่ะ ขณะที่เรากำลังเลี้ยวและผลักประตูโรงแรมที่หนาหนักเข้าไปนั้น มีคนเดินตามหลังมาแบบประชิดคุณสามีเราเข้าใจว่าผู้ชายคนนั้นพักโรงแรมเดียวกันเลยดันประตูค้างไว้ไม่ปล่อยในครั้งแรกจนผู้ชายคนนั้นเดินตามเข้ามา แต่เค้าคงไม่รู้ว่าประตูที่นี่กระแทกแรงมาก พอผู้ชายคนนั้นเข้ามาได้ประตูชั้นแรกจึงกระแทกเสียงดังในขณะที่เราเปิดประตูชั้นที่สองเข้าไปแล้วทำให้ยามที่นั่งแอบอยู่หลังป้ายโรงแรมลุกขึ้นมาดู ผู้ชายคนนั้นก็เลยแกล้งตะโกนโหวกเหวกและเดินออกไป ขนาดว่าโรงแรมนี้อยู่ติดริมถนนเพียงแค่ทางเข้าดูทึบเท่านั้น ยังมีเรื่องให้ต้องระวังตัวเพิ่มขึ้นเลย เพราะตามรีวิวบอกว่าทีนี่เจอล้วงกระเป๋ากันเยอะ
[CR] Travel Diary to Russia - การผจญภัยในนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก Adventures in Saint Petersburg Ep.1
SAPSAN พาเดินทางมาถึงยังเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก เวลา 13:20 ออกจากรถไฟก็เดินต้วมเตี้ยมตามผู้คนออกไปอีกเช่นเคย เพราะมีการปิดซ่อมสถานีทำให้ต้องเดินออกทางแคบๆด้านข้าง โผล่มาที่ถนนก็เห็นโรงแรมที่จองอยู่ฝั่งตรงข้าม 5 คืนในเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก เราพักกันที่ Best Western Plus Centre ที่เลือกโรงแรมนี้เพราะใกล้สถานีที่สุด จะได้ไม่ต้องลากกระเป๋าไกลๆ ทั้งขามาและขากลับ ตอนจองที่พักจาก Booking.com ก็เซฟรูปด้านหน้าของโรงแรมเอาไว้ จำจุดสังเกตคือร้านอาหารฝรั่งเศสชื่อ Du Nord อยู่ด้านหน้าโรงแรม
ภาพจาก booking.com
เข้าเช็คอินที่โรงแรม เราเลือกห้องที่หันหน้าออกถนน จะได้เห็นวิวสถานีฝั่งตรงข้าม ราคาห้องพักทั้ง 5 คืนอยู่ที่ ประมาณ 8,5xx บาท และเพิ่มค่าทำ register ที่พักอีกคนละ 220รูเบิล เป็น 8,7xx บาท หลังจากที่ทางโรงแรมเตรียมเอกสารและให้เราเซ็นชื่อเรียบร้อย เราก็ขอสำเนาไว้คนละหนึ่งฉบับ ทางโรงแรมแจ้งให้มารับเอกสารได้ในวันรุ่งขึ้น
ออกเดินสำรวจเมือง Explore the city
เนื่องจากมาถึงเวลาบ่าย วันนี้เลยตั้งใจไปสถานที่เที่ยวที่อยู่ในระยะที่สามารเดินไปได้ ที่แรกคือโบสถ์หยดเลือดที่ใครๆเรียกกัน เราออกเดินจากโรงแรมที่พัก ตามแผนที่ใน google ไปเรื่อยๆ เป็นทางตรงยาวบนถนนเนฟสกี้แล้วเลี้ยวขวา โบสถ์จะอยู่เลียบคลอง
ชื่อเต็มก็คือ Church of the Savior on Spilled Blood (Церковь Спаса на Крови) น่าเสียดายที่ตอนนี้อยู่ระหว่างปิดซ่อมแซมบางส่วน ทำให้ไม่สามารถเห็นความงามและลวดลายภายนอกได้ชัดเจนนัก ผู้คนที่มาที่นี่ก็ค่อนข้างบางตาไม่เยอะมาก
ตามประวัติโบสถ์นี้ถูกสร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าอเล็กซานเดอร์ที่ 3 เพื่ออุทิศเป็นที่ระลึกถึงพระเจ้าอเล็กซานเดอร์ที่ 2 ผู้เป็นพระราชบิดาซึ่งถูกลอบปลงพระชนม์โดยกลุ่มผู้ก่อการร้าย People's Will ในปี 1881 ใช้เวลาก่อสร้างยาวนานตั้งแต่ปี 1883 ถึงปี 1907
เป็นสถาปัตยกรรมสไตล์รัสเซียนในสมัยศตวรรษที่ 16-17 ซึ่งตั้งใจให้คล้ายกับมหาวิหารเซนต์เบซิลในมอสโก แตกต่างจากสถาปัตยกรรมอื่นๆในเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กที่เป็นแบบบารอค และนีโอคลาสสิค
ภายหลังได้รับการบูรณะและตกแต่งภายในด้วยกระเบื้องโมเสคเป็นภาพต่างๆภายในโบสถ์รวมพื้นที่มากกว่า 7500 ตารางเมตร จึงเปิดให้เข้าชมในปี1997 รวมใช้เวลาบูรณะทั้งหมดถึง 27ปี
ภายในตัวโบสถ์ไม่ใหญ่มากแต่ล้วนมีภาพที่ทำจากโมเสคแทบทุกด้าน
ค่าเข้าชมคนละ 250 รูเบิล เปิดทุกวันเวลา 10.30 am ถึง 6 pm แต่เข้าชมได้ถึง 5.30 pm ยกเว้นวันพุธปิดให้เข้าชม
ด้านหน้าโบสถ์มีของที่ระลึกขาย ตอนแรกตั้งใจว่าจะซื้อหมวกรัสเซียที่นี่ เพราะมีขายเยอะแบบ และหลายร้านมาก แต่พอถามราคาเท่านั้น ก็ไม่กล้าถามร้านไหนอีกเลย คนขายบอกราคา 8,000 รูเบิล ช็อคมาก
ส่วนตามถนนหนทางในนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก มีตึกไสตล์ยุโรปที่มีรูปร่างแปลกตาอยู่หลายตึกทีเดียว ตามมุมสูงของตึกก็มีรูปปั้นผู้หญิง ผู้ชาย และเด็กในชุดคล้ายชาวกรีกโบราณ ร้านค้าต่างๆ ก็อยู่ในห้องมิดชิด ถ้าไม่มีป้ายด้านหน้าหรือกระจกใสก็แทบจะหาทางเข้าไม่เจอ อย่างเช่นพวกซุปเปอร์มาร์เก็ต เราใช้เวลาหามาสามวันกว่าจะเจอ คือเดินผ่านทุกวันแต่ไม่รู้ว่าเป็นซุปเปอร์มาร์เก็ต
กองทัพต้องเดินด้วยท้อง energy come from food
ชมความงามของสถาปัตยกรรมและตื่นตาตื่นใจกับนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก กันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ท้องก็เริ่มหิว และเป้าหมายของวันนี้คือคาเฟ่น่ารักของเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กที่ไม่ว่านักท่องเที่ยวหรือคนรัสเซียเองก็ต้องมา
Cafe Singer แห่งนี้ตั้งอยู่บนชั้นสองในตึก Singer House (Дом компании «Зингер») สำนักงานเก่าของบริษัทซิงเกอร์สาขารัสเซีย บริษัทเดียวกับที่ขายจักรเย็บผ้า ที่บรรดาแม่บ้านสมัยก่อนต้องซื้อเก็บไว้ที่บ้านนั่นแหละ (สมัยก่อนเป็นของยอดฮิตมาก ที่แม้แต่บ้านเรายังมี 555) ความตั้งใจของผู้บริหารบริษัทซิงเกอร์อยากจะสร้างตึกสูงระฟ้าให้เหมือนกับในมหานครนิวยอร์ค แต่ติดที่กฎหมายของนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กห้ามสร้างสิ่งก่อสร้างที่มีความสูงมากกว่าพระราชวังฤดูหนาว ทางออกที่เลิศที่สุดก็คือสร้างตึกหกชั้น ที่จำกัดความสูงเพียง 23.5 เมตรครอบด้วยหอคอยโดมกระจกใสปลายยอดโดมเป็นลูกโลกที่ทำจากกระจกใสเช่นกัน
ถ้าหากต้องการนั่งที่ริมกระจกที่สามารถมองเห็นวิววิหารคาซานฝั่งตรงข้าม ต้องจองหรือรอจนกว่าลูกค้าโต๊ะนั้นๆจะลุกนะคะ แต่ด้วยความหิวทำให้เรารอไม่ไหว นั่งโต๊ะถัดมาก็ได้ วันนี้จะลองอาหารจานเด็ดของรัสเซียก็คือ beef stroganoff และอีกจานเป็นแซลมอนย่างกับข้าว ไม่ว่าจะด้วยความหิวหรือปริมาณน้อยของอาหารก็ไม่ทราบได้ แต่รู้สึกว่าอร่อยมากกินเกลี้ยงจานเลยทีเดียว
จากนั้นก็ไปสำรวจที่ช้อปปิ้งกัน ที่ห้าง Galeria ใกล้สถานีรถไฟ แค่ตรงข้ามที่พักเอง ขอบอกว่าเข้าห้างนี้ทุกวัน ช้อปกระจาย ทั้งเสื้อผ้า รองเท้า น้ำหอม เครื่องสำอางค์ มีครบครัน ในราคาไม่แพง เพราะว่าค่าเงินบาทตอนนี้สูงกว่า 555
เดินกลับเข้าที่พักที่นี่วันแรกก็เจอดีเลยค่ะ ขณะที่เรากำลังเลี้ยวและผลักประตูโรงแรมที่หนาหนักเข้าไปนั้น มีคนเดินตามหลังมาแบบประชิดคุณสามีเราเข้าใจว่าผู้ชายคนนั้นพักโรงแรมเดียวกันเลยดันประตูค้างไว้ไม่ปล่อยในครั้งแรกจนผู้ชายคนนั้นเดินตามเข้ามา แต่เค้าคงไม่รู้ว่าประตูที่นี่กระแทกแรงมาก พอผู้ชายคนนั้นเข้ามาได้ประตูชั้นแรกจึงกระแทกเสียงดังในขณะที่เราเปิดประตูชั้นที่สองเข้าไปแล้วทำให้ยามที่นั่งแอบอยู่หลังป้ายโรงแรมลุกขึ้นมาดู ผู้ชายคนนั้นก็เลยแกล้งตะโกนโหวกเหวกและเดินออกไป ขนาดว่าโรงแรมนี้อยู่ติดริมถนนเพียงแค่ทางเข้าดูทึบเท่านั้น ยังมีเรื่องให้ต้องระวังตัวเพิ่มขึ้นเลย เพราะตามรีวิวบอกว่าทีนี่เจอล้วงกระเป๋ากันเยอะ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น