Day 5- 29/01/2018
ความเดิมตอนที่แล้วสถานที่ที่มีเรื่องราวน่าสะพรึงกลัวที่จะไปวันนี้ก็คือสุสานราชวงศ์โรมานอฟและคุกเทอเบ็ทสกอย จะคล้ายคุกอัซคาบันในเรื่องแฮรี่พอตเตอร์หรือเปล่า แล้วจะน่ากลัวเหมือนกันไหมต้องตามดูค่ะ
วันนี้เดินทางด้วยรถไฟใต้ดินไปลงที่สถานี Gorkovskaya (Го́рьковская) สาย 2 สีฟ้าและเดินผ่านสวนสาธารณะ ผ่านอาคารที่คล้ายกับโบสถ์
จากตรงนี้เราเดินตามกลิ่นแมคโดนัลด์ไปเรื่อยๆเหมือนนิทานเรื่องแฮนเซลกับเกรเทลที่เดินตามกลิ่นขนมปังไปจนถึงบ้านขนมปัง 555 จนถึงทางแยกข้ามไฟแดงไปจะเป็นสะพานเข้า Peter and Paul Fortress
Peter and Paul Fortress (Петропавловская крепость) เดิมทีป้อมปราการนี้ถูกสร้างในสมัยพระเจ้าปีเตอร์มหาราชพร้อมกับนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก บนเกาะเล็กๆทางเหนือของปากแม่น้ำเนวา เนื่องจากสงคราม The Great Northern War ของยุโรป ทำให้รัสเซียทำการขยายอาณาเขตด้านตะวันออกเฉียงเหนือของยุโรป และเพื่อป้องกันเมืองใหม่จากการโจมตีจากสวีเดนป้อมนี้จึงถูกสร้างขึ้นให้มีป้อมย่อยทั้งหกด้านและก่อด้วยกำแพงแน่นหนา สุดท้ายก็ไม่เคยได้ใช้ประโยชน์ในฐานะเป็นป้อมปราการแต่อย่างใด แต่กลับเป็นที่คุมขังนักโทษสำคัญทางการเมืองที่น่ากลัวที่สุดในอาณาจักรรัสเซีย และยังเป็นสำนักงานใหญ่ของหน่วยราชการลับ หน่วยตำรวจลับในสมัยของพระเจ้าซาร์อีกด้
สุดท้ายป้อมปราการถูกยึดโดยกลุ่ม Bolcheviksในช่วงเริ่มต้นของการปฏิวัติเดือนตุลาคม และป้อมปราการก็ถูกใช้ในการโจมตีพระราชวังฤดูหนาวในคืนวันที่ 25 ตุลาคม 1917 หลังจากการปฏิวัติครั้งใหญ่ป้อมปราการถูกเปลี่ยนเป็นพิพิธภัณฑ์ ช่วงทศวรรษที่ 1930 ได้มีการทดลองของ Gas Dynamics ที่ Ioannovskiy Ravelin (อาคารส่วนของทางเข้าป้อมปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์อวกาศและเทคโนโลยีจรวด) ซึ่งเป็นส่วนของการทดลองที่สำคัญที่สุดในเทคโนโลยีจรวดของสหภาพโซเวียต
ปัจจุบันภายใต้กำแพงอันแน่นหนาประกอบไปด้วยอาคารต่างๆหลายอาคาร แต่ที่เราได้เข้าชมก็คือ Saints Peter and Paul Cathedral โบสถ์ที่เก็บพระศพของกษัตริย์ในราชวงศ์โรมานอฟ และ Trubetskoy Bastion Prison พิพิธภัณฑ์คุกที่คุมขังนักโทษการเมือง ส่วนThe Boathouse ใช้เป็นที่ขายตั๋วเข้าชม ราคาตั๋วเข้าชม 350 รูเบิล เปิดทุกวันประมาณ 10 am ถึง 6 pm
Saints Peter and Paul Cathedral (Петропавловский собор) เป็นโบสถ์เก่าแก่ที่สุดในนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กแรกทีเดียวตัวโบสถ์สร้างจากไม้ และถูกสร้างใหม่ด้วยหินแบบปัจจุบันในปี 1712 ทั้งยังเป็นตึกที่สูงเป็นอันดับสองในเมืองรองจากหอสัญญาณโทรทัศน์ โบสถ์แห่งนี้ความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับประวัติศาสตร์ของนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กและราชวงศ์โรมานอฟ เนื่องจากสร้างขึ้นหลังจากการสร้างนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กเพียงเดือนเดียว และเป็นที่ตั้งโลงศพของบรรดาผู้ปกครองของรัสเซียนับตั้งแต่พระเจ้าปีเตอร์มหาราชเป็นต้นมา
เมื่อผ่านประตูเข้ามาภายในป้อมปราการเดินมาตามทางเข้าก็จะเห็นตัวอาคารโบสถ์ตั้งตระหง่านส่วนบนของโบสถ์เป็นหอระฆังซึ่งมีปลายยอดแหลมครอบอยู่ ได้ยินเสียงระฆังดังกังวานเป็นระยะให้บรรยากาศโบสถ์ไสตล์ยุโรปย้อนยุคเหมือนกับตอนที่ดูหนังหรือเล่นเกมส์ที่ต้องเข้าไปในฉากอดีตของยุโรป เสียงระฆังนี้ก็ทำให้รู้สึกว่ามีมนต์ขลังและวังเวงทีเดียว
หลังจากเข้าไปในตัวโบสถ์ค่อนข้างเงียบ ทำให้เราไม่กล้าพูดคุยหรือส่งเสียง อาจจะเพราะที่นี่ก็เปรียบเสมือนสุสานมีโลงศพที่ทำจากหินอ่อนสีขาวเป็นส่วนใหญ่และมีบางโลงที่สีต่างกันบ้างวางเรียงรายอยู่
มีแผนผังและหมายเลขบอกตำแหน่งของโลงว่าเป็นของซาร์และซารีนาองค์ใด เริ่มตั้งแต่พระเจ้าปีเตอร์มหาราชผู้เป็นปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์โรมานอฟและผู้สถาปนานครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กเป็นเมืองหลวงใหม่ของอาณาจักรรัสเซีย
รวมทั้งซาร์และซารีนาแห่งจักรวรรดิรัสเซียองค์ต่อๆมาในราชวงศ์โรมานอฟ
ส่วนพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่สองกษัตริย์องค์สุดท้ายของราชวงศ์โรมานอฟแห่งรัสเซียและครอบครัวถูกแยกไว้อีกห้องหนึ่ง
คนค่อนข้างน้อย มีกลิ่นควันธูปและดอกไม้ บรรยากาศทำให้รู้สึกถึงความหดหู่ และเข้าใจในการเกิดแก่เจ็บตายของมนุษย์ ไม่ว่าจะมีฐานันดรหรืออยู่ในจุดสูงสุดอย่างไร แต่สุดท้ายทุกคนต้องจบลงที่สถานะเดียวกัน
ภายในโบสถ์มีส่วนที่เก็บเครื่องแต่งกายบางส่วนและรูปภาพของทั้งราชวงศ์โรมานอฟ
ตอนแรกตั้งใจว่าจะไม่เข้าไปดูที่คุก แต่หลังออกจากโบสถ์แล้วมีเวลาเหลืออีกทั้งตั๋วที่ซื้อมาก็รวมหมดทุกอย่างแล้วก็เลยเข้าไปดูให้ครบ ระหว่างทางมีส่วนที่จัดให้ถ่ายรูปเป็นนักโทษอีกด้วย
Trubetskoy Bastion Prison กลายเป็นคุกสำหรับนักโทษการเมืองอย่างสมบูรณ์แบบในทศวรรษสุดท้ายภายใต้การปกครองของพระเจ้าซาร์แห่งรัสเซีย
ด้านหน้าพิพิธภัณฑ์เรือนจำนี้ก็มีหุ่นผู้คุมให้ถ่ายรูปกับทางเข้า ส่วนภายในเรือนจำก็มีหุ่นเจ้าหน้าที่กำลังทำงานคอยสอดส่องดูแล คุมประพฤตินักโทษตามห้อง
ภายในคุกนี้จะแบ่งเป็นห้องขนาดเท่าๆกัน เรียงไปตามทางเดินยาว บางห้องก็ปิด บางห้องเปิดให้ชมและถ่ายรูปได้ มีทางเดินให้ขึ้นชมได้สองชั้น มีห้องที่ให้นั่งดูวิดีทัศน์น่าจะเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของสถานที่แห่งนี้
บางห้องก็มีที่นอนและข้าวของเสมือนมีนักโทษอยู่จริง รวมทั้งกระจกที่ทำเป็นรูปเงาน่ากลัวชวนให้ขนลุก เพราะบรรยากาศในตึกค่อนข้างมืดทึบและเงียบมาก
ด้านหน้าแต่ละห้องก็จะมีชื่อและรูปติดไว้ว่าเคยเป็นที่คุมขังของใครบ้าง เช่นนักโทษทางการเมืองคนสำคัญที่ทำให้เกิดการปฏิวัติในรัสเซียอย่าง Leon Trotsky ผู้นำและผู้ก่อตั้งกองทัพแดง Aleksandr Ulyanov พี่ชายของ Vladimir Lenin ที่ถูกคุมขังได้ไม่นานก็ถูกประหารชีวิตด้วยการแขวนคอ ซึ่งเหตุการณ์นี้เป็นแรงผลักดันให้ Vladimir Lenin เจริญรอยตามและกลายเป็นผู้นำนักปฏิวัติมาร์กซิส คนแรกของสหภาพสาธารณรัฐสังคมนิยมโซเวียต หัวหน้าพรรคบอลเชวิก นายกรัฐมนตรีคนแรกและเป็นเจ้าของแนวคิดส่วนใหญ่ในลัทธิเลนินในเวลาต่อมา
เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นรูปแบบคุกของนักโทษการเมืองและเรื่องราวของนักโทษแต่ละคนที่ฝ่าฟันและต่อสู้เพื่อความเปลี่ยนแปลงทางสังคมที่ตัวเองยึดมั่นและเชื่อถือ แม้จะต้องแลกด้วยชีวิตและพบกับความยากลำบากต่างๆ ทำให้ได้เห็นมุมมองของโลกอีกแบบหนึ่งค่ะ
เสร็จจากพิพิธภัณฑ์เรือนจำแล้วก็เลือกที่ไม่ออกทางเดิม แต่เดินออกมาอีกประตูหนึ่งเพื่อที่จะเปลี่ยนทางกลับเผื่อได้เห็นวิวที่แตกต่างแล้วก็คุ้มค่าทีเดียว เพราะเป็นวิวของแม่น้ำเนวาซึ่งกลายเป็นน้ำแข็งไปหมดแล้ว มีบางส่วนที่ยังไม่แข็งก็มีพวกนกเป็ดน้ำ อาศัยหาอาหารอยู่
อีกทั้งมีเรือลำใหญ่ที่คล้ายกับเรือรบจอดสงบนิ่งอยู่ อีกฟากของแม่น้ำเนวาก็สามารถมองเห็นพระราชวังสีเขียวขาว The Hemitage หรือพระราชวังฤดูหนาวด้วย
เราเดินเลียบไปเรื่อยๆในทิศทางที่จะไปสถานีรถไฟเดิมที่นั่งมาก็ได้พบกับปืนใหญ่หน้าอาคารซึ่งคิดว่าน่าจะเป็นสถานที่ราชการ คล้ายกับบ้านเราที่มีปืนใหญ่แบบเก่าๆตั้งโชว์อยู่แถวกระทรวงกลาโหม เลยถ่ายรูปมาสักหน่อย
ขากลับเป็นช่วงบ่ายจึงมีเด็กๆมาเล่นหิมะกันในสวนสาธารณะใกล้สถานีรถไฟ ทั้งที่อากาศหนาว แล้วหิมะก็โปรยลงมาหน่อยๆด้วย ดูน่ารักดี
ช่วงเย็นกลับมาช้อปปิ้งและกินข้าวที่ห้าง Galeria อีกเช่นเคย จริงๆแล้วค่อนข้างติดใจอาหารจีนจานร้อนที่ศูนย์อาหารของที่นี่ มีรสชาติให้เลือกหลากหลาย ทั้งก๋วยเตี๋ยวผัด ข้าวผัด เลือกน้ำซอสตามระดับความเผ็ด เลือกเนื้อสัตว์ที่จะใส่ได้ นอกจากจานหลักยังมีพวกซุปแบบต่างๆด้วย เมนูก็เป็นภาษาอังกฤษ เลือกอิ่มอร่อยได้ทุกมื้อ
วันนี้มีภารกิจออกตามหาซุปเปอร์มาร์เก็ต เมื่อวันก่อนขาเดินกลับจากโบสถ์ St. Isaac เหมือนจะเห็น ซุปเปอร์มาร์เก็ตอยู่ฝั่งตรงข้ามเกือบถึงโบสถ์หยดเลือด ระหว่างทางก็แวะซื้อไก่ทอด KFC ที่มีคนบอกกันว่าอร่อย แล้วก็ไม่ผิดหวังชิกเก้นวิงส์รสเข้มข้น รสชาติเข้าเนื้ออร่อยกว่าของบ้านเราแน่นอน
วันนี้กลับเข้าที่พักพร้อมวิวยามค่ำคืนของนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก
[CR] Travel Diary to Russia - การผจญภัยในนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก Adventures in Saint Petersburg Ep.2
Day 5- 29/01/2018
ความเดิมตอนที่แล้วสถานที่ที่มีเรื่องราวน่าสะพรึงกลัวที่จะไปวันนี้ก็คือสุสานราชวงศ์โรมานอฟและคุกเทอเบ็ทสกอย จะคล้ายคุกอัซคาบันในเรื่องแฮรี่พอตเตอร์หรือเปล่า แล้วจะน่ากลัวเหมือนกันไหมต้องตามดูค่ะ
วันนี้เดินทางด้วยรถไฟใต้ดินไปลงที่สถานี Gorkovskaya (Го́рьковская) สาย 2 สีฟ้าและเดินผ่านสวนสาธารณะ ผ่านอาคารที่คล้ายกับโบสถ์
จากตรงนี้เราเดินตามกลิ่นแมคโดนัลด์ไปเรื่อยๆเหมือนนิทานเรื่องแฮนเซลกับเกรเทลที่เดินตามกลิ่นขนมปังไปจนถึงบ้านขนมปัง 555 จนถึงทางแยกข้ามไฟแดงไปจะเป็นสะพานเข้า Peter and Paul Fortress
Peter and Paul Fortress (Петропавловская крепость) เดิมทีป้อมปราการนี้ถูกสร้างในสมัยพระเจ้าปีเตอร์มหาราชพร้อมกับนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก บนเกาะเล็กๆทางเหนือของปากแม่น้ำเนวา เนื่องจากสงคราม The Great Northern War ของยุโรป ทำให้รัสเซียทำการขยายอาณาเขตด้านตะวันออกเฉียงเหนือของยุโรป และเพื่อป้องกันเมืองใหม่จากการโจมตีจากสวีเดนป้อมนี้จึงถูกสร้างขึ้นให้มีป้อมย่อยทั้งหกด้านและก่อด้วยกำแพงแน่นหนา สุดท้ายก็ไม่เคยได้ใช้ประโยชน์ในฐานะเป็นป้อมปราการแต่อย่างใด แต่กลับเป็นที่คุมขังนักโทษสำคัญทางการเมืองที่น่ากลัวที่สุดในอาณาจักรรัสเซีย และยังเป็นสำนักงานใหญ่ของหน่วยราชการลับ หน่วยตำรวจลับในสมัยของพระเจ้าซาร์อีกด้
สุดท้ายป้อมปราการถูกยึดโดยกลุ่ม Bolcheviksในช่วงเริ่มต้นของการปฏิวัติเดือนตุลาคม และป้อมปราการก็ถูกใช้ในการโจมตีพระราชวังฤดูหนาวในคืนวันที่ 25 ตุลาคม 1917 หลังจากการปฏิวัติครั้งใหญ่ป้อมปราการถูกเปลี่ยนเป็นพิพิธภัณฑ์ ช่วงทศวรรษที่ 1930 ได้มีการทดลองของ Gas Dynamics ที่ Ioannovskiy Ravelin (อาคารส่วนของทางเข้าป้อมปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์อวกาศและเทคโนโลยีจรวด) ซึ่งเป็นส่วนของการทดลองที่สำคัญที่สุดในเทคโนโลยีจรวดของสหภาพโซเวียต
ปัจจุบันภายใต้กำแพงอันแน่นหนาประกอบไปด้วยอาคารต่างๆหลายอาคาร แต่ที่เราได้เข้าชมก็คือ Saints Peter and Paul Cathedral โบสถ์ที่เก็บพระศพของกษัตริย์ในราชวงศ์โรมานอฟ และ Trubetskoy Bastion Prison พิพิธภัณฑ์คุกที่คุมขังนักโทษการเมือง ส่วนThe Boathouse ใช้เป็นที่ขายตั๋วเข้าชม ราคาตั๋วเข้าชม 350 รูเบิล เปิดทุกวันประมาณ 10 am ถึง 6 pm
Saints Peter and Paul Cathedral (Петропавловский собор) เป็นโบสถ์เก่าแก่ที่สุดในนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กแรกทีเดียวตัวโบสถ์สร้างจากไม้ และถูกสร้างใหม่ด้วยหินแบบปัจจุบันในปี 1712 ทั้งยังเป็นตึกที่สูงเป็นอันดับสองในเมืองรองจากหอสัญญาณโทรทัศน์ โบสถ์แห่งนี้ความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับประวัติศาสตร์ของนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กและราชวงศ์โรมานอฟ เนื่องจากสร้างขึ้นหลังจากการสร้างนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กเพียงเดือนเดียว และเป็นที่ตั้งโลงศพของบรรดาผู้ปกครองของรัสเซียนับตั้งแต่พระเจ้าปีเตอร์มหาราชเป็นต้นมา
เมื่อผ่านประตูเข้ามาภายในป้อมปราการเดินมาตามทางเข้าก็จะเห็นตัวอาคารโบสถ์ตั้งตระหง่านส่วนบนของโบสถ์เป็นหอระฆังซึ่งมีปลายยอดแหลมครอบอยู่ ได้ยินเสียงระฆังดังกังวานเป็นระยะให้บรรยากาศโบสถ์ไสตล์ยุโรปย้อนยุคเหมือนกับตอนที่ดูหนังหรือเล่นเกมส์ที่ต้องเข้าไปในฉากอดีตของยุโรป เสียงระฆังนี้ก็ทำให้รู้สึกว่ามีมนต์ขลังและวังเวงทีเดียว
หลังจากเข้าไปในตัวโบสถ์ค่อนข้างเงียบ ทำให้เราไม่กล้าพูดคุยหรือส่งเสียง อาจจะเพราะที่นี่ก็เปรียบเสมือนสุสานมีโลงศพที่ทำจากหินอ่อนสีขาวเป็นส่วนใหญ่และมีบางโลงที่สีต่างกันบ้างวางเรียงรายอยู่
มีแผนผังและหมายเลขบอกตำแหน่งของโลงว่าเป็นของซาร์และซารีนาองค์ใด เริ่มตั้งแต่พระเจ้าปีเตอร์มหาราชผู้เป็นปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์โรมานอฟและผู้สถาปนานครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กเป็นเมืองหลวงใหม่ของอาณาจักรรัสเซีย
รวมทั้งซาร์และซารีนาแห่งจักรวรรดิรัสเซียองค์ต่อๆมาในราชวงศ์โรมานอฟ
ส่วนพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่สองกษัตริย์องค์สุดท้ายของราชวงศ์โรมานอฟแห่งรัสเซียและครอบครัวถูกแยกไว้อีกห้องหนึ่ง
คนค่อนข้างน้อย มีกลิ่นควันธูปและดอกไม้ บรรยากาศทำให้รู้สึกถึงความหดหู่ และเข้าใจในการเกิดแก่เจ็บตายของมนุษย์ ไม่ว่าจะมีฐานันดรหรืออยู่ในจุดสูงสุดอย่างไร แต่สุดท้ายทุกคนต้องจบลงที่สถานะเดียวกัน
ภายในโบสถ์มีส่วนที่เก็บเครื่องแต่งกายบางส่วนและรูปภาพของทั้งราชวงศ์โรมานอฟ
ตอนแรกตั้งใจว่าจะไม่เข้าไปดูที่คุก แต่หลังออกจากโบสถ์แล้วมีเวลาเหลืออีกทั้งตั๋วที่ซื้อมาก็รวมหมดทุกอย่างแล้วก็เลยเข้าไปดูให้ครบ ระหว่างทางมีส่วนที่จัดให้ถ่ายรูปเป็นนักโทษอีกด้วย
Trubetskoy Bastion Prison กลายเป็นคุกสำหรับนักโทษการเมืองอย่างสมบูรณ์แบบในทศวรรษสุดท้ายภายใต้การปกครองของพระเจ้าซาร์แห่งรัสเซีย
ด้านหน้าพิพิธภัณฑ์เรือนจำนี้ก็มีหุ่นผู้คุมให้ถ่ายรูปกับทางเข้า ส่วนภายในเรือนจำก็มีหุ่นเจ้าหน้าที่กำลังทำงานคอยสอดส่องดูแล คุมประพฤตินักโทษตามห้อง
ภายในคุกนี้จะแบ่งเป็นห้องขนาดเท่าๆกัน เรียงไปตามทางเดินยาว บางห้องก็ปิด บางห้องเปิดให้ชมและถ่ายรูปได้ มีทางเดินให้ขึ้นชมได้สองชั้น มีห้องที่ให้นั่งดูวิดีทัศน์น่าจะเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของสถานที่แห่งนี้
บางห้องก็มีที่นอนและข้าวของเสมือนมีนักโทษอยู่จริง รวมทั้งกระจกที่ทำเป็นรูปเงาน่ากลัวชวนให้ขนลุก เพราะบรรยากาศในตึกค่อนข้างมืดทึบและเงียบมาก
ด้านหน้าแต่ละห้องก็จะมีชื่อและรูปติดไว้ว่าเคยเป็นที่คุมขังของใครบ้าง เช่นนักโทษทางการเมืองคนสำคัญที่ทำให้เกิดการปฏิวัติในรัสเซียอย่าง Leon Trotsky ผู้นำและผู้ก่อตั้งกองทัพแดง Aleksandr Ulyanov พี่ชายของ Vladimir Lenin ที่ถูกคุมขังได้ไม่นานก็ถูกประหารชีวิตด้วยการแขวนคอ ซึ่งเหตุการณ์นี้เป็นแรงผลักดันให้ Vladimir Lenin เจริญรอยตามและกลายเป็นผู้นำนักปฏิวัติมาร์กซิส คนแรกของสหภาพสาธารณรัฐสังคมนิยมโซเวียต หัวหน้าพรรคบอลเชวิก นายกรัฐมนตรีคนแรกและเป็นเจ้าของแนวคิดส่วนใหญ่ในลัทธิเลนินในเวลาต่อมา
เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นรูปแบบคุกของนักโทษการเมืองและเรื่องราวของนักโทษแต่ละคนที่ฝ่าฟันและต่อสู้เพื่อความเปลี่ยนแปลงทางสังคมที่ตัวเองยึดมั่นและเชื่อถือ แม้จะต้องแลกด้วยชีวิตและพบกับความยากลำบากต่างๆ ทำให้ได้เห็นมุมมองของโลกอีกแบบหนึ่งค่ะ
เสร็จจากพิพิธภัณฑ์เรือนจำแล้วก็เลือกที่ไม่ออกทางเดิม แต่เดินออกมาอีกประตูหนึ่งเพื่อที่จะเปลี่ยนทางกลับเผื่อได้เห็นวิวที่แตกต่างแล้วก็คุ้มค่าทีเดียว เพราะเป็นวิวของแม่น้ำเนวาซึ่งกลายเป็นน้ำแข็งไปหมดแล้ว มีบางส่วนที่ยังไม่แข็งก็มีพวกนกเป็ดน้ำ อาศัยหาอาหารอยู่
อีกทั้งมีเรือลำใหญ่ที่คล้ายกับเรือรบจอดสงบนิ่งอยู่ อีกฟากของแม่น้ำเนวาก็สามารถมองเห็นพระราชวังสีเขียวขาว The Hemitage หรือพระราชวังฤดูหนาวด้วย
เราเดินเลียบไปเรื่อยๆในทิศทางที่จะไปสถานีรถไฟเดิมที่นั่งมาก็ได้พบกับปืนใหญ่หน้าอาคารซึ่งคิดว่าน่าจะเป็นสถานที่ราชการ คล้ายกับบ้านเราที่มีปืนใหญ่แบบเก่าๆตั้งโชว์อยู่แถวกระทรวงกลาโหม เลยถ่ายรูปมาสักหน่อย
ขากลับเป็นช่วงบ่ายจึงมีเด็กๆมาเล่นหิมะกันในสวนสาธารณะใกล้สถานีรถไฟ ทั้งที่อากาศหนาว แล้วหิมะก็โปรยลงมาหน่อยๆด้วย ดูน่ารักดี
ช่วงเย็นกลับมาช้อปปิ้งและกินข้าวที่ห้าง Galeria อีกเช่นเคย จริงๆแล้วค่อนข้างติดใจอาหารจีนจานร้อนที่ศูนย์อาหารของที่นี่ มีรสชาติให้เลือกหลากหลาย ทั้งก๋วยเตี๋ยวผัด ข้าวผัด เลือกน้ำซอสตามระดับความเผ็ด เลือกเนื้อสัตว์ที่จะใส่ได้ นอกจากจานหลักยังมีพวกซุปแบบต่างๆด้วย เมนูก็เป็นภาษาอังกฤษ เลือกอิ่มอร่อยได้ทุกมื้อ
วันนี้มีภารกิจออกตามหาซุปเปอร์มาร์เก็ต เมื่อวันก่อนขาเดินกลับจากโบสถ์ St. Isaac เหมือนจะเห็น ซุปเปอร์มาร์เก็ตอยู่ฝั่งตรงข้ามเกือบถึงโบสถ์หยดเลือด ระหว่างทางก็แวะซื้อไก่ทอด KFC ที่มีคนบอกกันว่าอร่อย แล้วก็ไม่ผิดหวังชิกเก้นวิงส์รสเข้มข้น รสชาติเข้าเนื้ออร่อยกว่าของบ้านเราแน่นอน
วันนี้กลับเข้าที่พักพร้อมวิวยามค่ำคืนของนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น