ช็อค...อึ้ง....จุก....เจ็บ..... ฯลฯ
หลากหลายอาการที่เกิดขึ้นกับอารมณ์ของแฟนๆฟุตบอลทีมชาติเยอรมันทั้งในประเทศไทย และ ทั่วทุกมุมของโลก
หลังได้เห็นทีมอินทรีเหล็กที่มีตำแหน่งแชมป์โลกแปะอยู่บนตรากลางหน้าอก
ต้องพบกับความปราชัยตั้งแต่ในเกมแรกของฟุตบอลโลกรัสเซีย 2018
ด้วยฝีเท้าของพลพรรคนักเตะทีมชาติเม็กซิโก ..
พลิกล็อคหรือ ?
สำหรับผมว่าไม่ใช่..
32 ทีมในฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย ย่อมมีฝีมือ และ ความแกร่งกล้าพอตัว เป็นทีเด็ดอยู่ในฝีเท้า
ที่จะมีวันดีๆในการเอาชนะทีมไหนก็ได้ ถ้าโชคอำนวย และ ทิศทางในเกมเข้าทางแผนการเล่นของตน
โดยเฉพาะกับ " เม็กซิโก "
ที่เป็นทีมเจ้าประจำในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายมาอย่างยาวนาน และ สร้างผลงานที่น่ายำเกรงมาไม่น้อย
ดังนั้นคำว่า..... " พลิกล็อค " ในชัยชนะเหนือเยอรมันในเกมเมื่อคืนนี้ ผมจึงไม่เห็นด้วย
เม็กซิโกเตรียมแผนการเล่นที่จะใช้รับมือเยอรมันมาอย่างดีเยี่ยม บวกกับนักเตะในทีมมีความกระหายที่จะเล่นเพื่อชัยชนะแบบไร้ความเกรงกลัวคู่แข่ง
จึงสามารถสร้างผลงานที่ยอดเยี่ยม สมควรค่าแก่ชัยชนะที่ได้รับมานั้นแบบไร้ข้อกังขา..
สำหรับเยอรมันนั้น..
บุนเดสเทรนเนอร์เลิฟ สต๊าฟ์ทีมงาน และ เหล่านักเตะสมาชิคในทีม
ต้องรีบแปรเปลี่ยนความพ่ายแพ้ในเกมนี้
ให้เป็นบทเรียน สร้างพลัง สร้างทีมสปิริตขึ้นมาให้ได้โดยเร็ว ก่อนการลงสนามในเกมนัดต่อๆไป
ต้องเอาความเสียดายเสียใจที่ได้รับ มาเป็นจุดเปลี่ยนให้ทีมเล็งเห็นถึงข้อด้อยรอยโหว่ที่ทีมมีซุกซ่อนอยู่
และ หาวิธีการผสานข้อด้อยนั้น ให้กลับมาเป็นความแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิมให้จงได้..
ในหน้าตำนานประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลกของทีมเยอรมันนั้น เคยพบพานกับความพ่ายแพ้ในวันแย่ๆมาแล้วหลายครั้ง..
อย่างเช่นในรอบแรกของฟุตบอลโลก 1954 ทีมของ เซปป์ แฮร์แบร์เกอร์ ก็เคยปราชัยต่อฮังการีมาก่อน 3 - 8
ก่อนที่แฮร์แบร์เกอร์จะใช้ประโยชน์จากการจัดทีมวางในกลุ่มแบบแปลกๆของฟีฟ่าในวันเวลานั้น
พาทีมกลับมาล้างแค้น " แมจิค แม็คย่าร์ " ฮังการีได้ในนัดชิงชนะเลิศ 3 - 2
คว้าแชมป์โลกครั้งแรกมาครองได้ ในเกมที่เรียกขานกันต่อมาว่า ..... " ปาฏิหาริย์แห่งเบิร์น " ...
หรืออย่างฟุตบอลโลกปี 1974 รอบแรก เยอรมันตะวันตกก็พ่ายแพ้ให้แก่พี่น้องต่างลัทธิการเมืองเยอรมันตะวันออกไป 0 - 1
ซึ่งหลังจากเกมนั้น ฟร้านซ์ เบ็คเคนบาวเออร์ ก็เป็นตัวแทนนักเตะทั้งทีมเข้าไปคุยกับ เฮลมุต เชิน บุนเดสเทรนเนอร์ครึ่งค่อนคืน
ก่อนที่จะเป็นจุดเปลี่ยนให้ทีมสร้างพลังสปิริตกลับมาคว้าแชมป์โลกสมัยที่สองได้ในท้ายที่สุด..
ในฟุตบอลโลกปี 1982 ที่ทีมลงเล่นนัดแรกของทัวร์นาเม๊นต์ด้วยการปราชัยอย่างล็อคถล่มให้แก่ แอลจีเรีย 1 - 2
ลูกทีมของ จุ๊ปป์ แดร์วาลด์ ก็ร้อยรวมพลังกระตุ้นฟอร์ม
จนเข้าที่เข้าทางในนัดต่อๆมาก่อนที่จะไปถึงตำแหน่งรองแชมป์โลกในท้ายที่สุด..
เช่นเดียวกับในฟุตบอลโลก 1986 ที่ทีมแพ้ เดนมาร์ก ในรอบแบ่งกลุ่ม 0 - 2
แต่พลพรรคอินทรีเหล็กก็เอาความพ่ายแพ้มาแปรเปลี่ยนเป็นผลดี ที่คู่แข่งขันชี้ให้เห็นถึงข้อด้อยในทีม
จนสามารถก้าวไปต่อจนถึงตำแหน่งรองแชมป์โลกในปีนั้น..
ขอเพียง ยอมรับในความพ่ายแพ้ แล้วหันมาเจาะค้นหาเหตที่ส่งผลต่อความพ่ายแพ้นั้นให้ได้โดยเร็ว
แล้วหลอมรวมพลังของทีมให้เกิดขึ้นมาอีกครั้ง เพื่อก้าวเดินทางต่อไปอย่างแข็งแกร่งในทัวร์นาเม้นต์
แล้วในท้ายที่สุด..
เมื่อเวลาทำให้ทุกสิ่งอย่างในปัจจุบันกลายเป็นอดีต
เมื่อมองย้อนกลับมา คุณจะดีใจกับการพ่ายแพ้ และ บทเรียนที่ได้รับในวันนี้ !!!
เยอรมันกับความปราชัย........มันไม่ใช่ครั้งแรกซะเมื่อไหร่ !!!
หลากหลายอาการที่เกิดขึ้นกับอารมณ์ของแฟนๆฟุตบอลทีมชาติเยอรมันทั้งในประเทศไทย และ ทั่วทุกมุมของโลก
หลังได้เห็นทีมอินทรีเหล็กที่มีตำแหน่งแชมป์โลกแปะอยู่บนตรากลางหน้าอก
ต้องพบกับความปราชัยตั้งแต่ในเกมแรกของฟุตบอลโลกรัสเซีย 2018
ด้วยฝีเท้าของพลพรรคนักเตะทีมชาติเม็กซิโก ..
พลิกล็อคหรือ ?
สำหรับผมว่าไม่ใช่..
32 ทีมในฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย ย่อมมีฝีมือ และ ความแกร่งกล้าพอตัว เป็นทีเด็ดอยู่ในฝีเท้า
ที่จะมีวันดีๆในการเอาชนะทีมไหนก็ได้ ถ้าโชคอำนวย และ ทิศทางในเกมเข้าทางแผนการเล่นของตน
โดยเฉพาะกับ " เม็กซิโก "
ที่เป็นทีมเจ้าประจำในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายมาอย่างยาวนาน และ สร้างผลงานที่น่ายำเกรงมาไม่น้อย
ดังนั้นคำว่า..... " พลิกล็อค " ในชัยชนะเหนือเยอรมันในเกมเมื่อคืนนี้ ผมจึงไม่เห็นด้วย
เม็กซิโกเตรียมแผนการเล่นที่จะใช้รับมือเยอรมันมาอย่างดีเยี่ยม บวกกับนักเตะในทีมมีความกระหายที่จะเล่นเพื่อชัยชนะแบบไร้ความเกรงกลัวคู่แข่ง
จึงสามารถสร้างผลงานที่ยอดเยี่ยม สมควรค่าแก่ชัยชนะที่ได้รับมานั้นแบบไร้ข้อกังขา..
สำหรับเยอรมันนั้น..
บุนเดสเทรนเนอร์เลิฟ สต๊าฟ์ทีมงาน และ เหล่านักเตะสมาชิคในทีม
ต้องรีบแปรเปลี่ยนความพ่ายแพ้ในเกมนี้
ให้เป็นบทเรียน สร้างพลัง สร้างทีมสปิริตขึ้นมาให้ได้โดยเร็ว ก่อนการลงสนามในเกมนัดต่อๆไป
ต้องเอาความเสียดายเสียใจที่ได้รับ มาเป็นจุดเปลี่ยนให้ทีมเล็งเห็นถึงข้อด้อยรอยโหว่ที่ทีมมีซุกซ่อนอยู่
และ หาวิธีการผสานข้อด้อยนั้น ให้กลับมาเป็นความแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิมให้จงได้..
ในหน้าตำนานประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลกของทีมเยอรมันนั้น เคยพบพานกับความพ่ายแพ้ในวันแย่ๆมาแล้วหลายครั้ง..
อย่างเช่นในรอบแรกของฟุตบอลโลก 1954 ทีมของ เซปป์ แฮร์แบร์เกอร์ ก็เคยปราชัยต่อฮังการีมาก่อน 3 - 8
ก่อนที่แฮร์แบร์เกอร์จะใช้ประโยชน์จากการจัดทีมวางในกลุ่มแบบแปลกๆของฟีฟ่าในวันเวลานั้น
พาทีมกลับมาล้างแค้น " แมจิค แม็คย่าร์ " ฮังการีได้ในนัดชิงชนะเลิศ 3 - 2
คว้าแชมป์โลกครั้งแรกมาครองได้ ในเกมที่เรียกขานกันต่อมาว่า ..... " ปาฏิหาริย์แห่งเบิร์น " ...
หรืออย่างฟุตบอลโลกปี 1974 รอบแรก เยอรมันตะวันตกก็พ่ายแพ้ให้แก่พี่น้องต่างลัทธิการเมืองเยอรมันตะวันออกไป 0 - 1
ซึ่งหลังจากเกมนั้น ฟร้านซ์ เบ็คเคนบาวเออร์ ก็เป็นตัวแทนนักเตะทั้งทีมเข้าไปคุยกับ เฮลมุต เชิน บุนเดสเทรนเนอร์ครึ่งค่อนคืน
ก่อนที่จะเป็นจุดเปลี่ยนให้ทีมสร้างพลังสปิริตกลับมาคว้าแชมป์โลกสมัยที่สองได้ในท้ายที่สุด..
ในฟุตบอลโลกปี 1982 ที่ทีมลงเล่นนัดแรกของทัวร์นาเม๊นต์ด้วยการปราชัยอย่างล็อคถล่มให้แก่ แอลจีเรีย 1 - 2
ลูกทีมของ จุ๊ปป์ แดร์วาลด์ ก็ร้อยรวมพลังกระตุ้นฟอร์ม
จนเข้าที่เข้าทางในนัดต่อๆมาก่อนที่จะไปถึงตำแหน่งรองแชมป์โลกในท้ายที่สุด..
เช่นเดียวกับในฟุตบอลโลก 1986 ที่ทีมแพ้ เดนมาร์ก ในรอบแบ่งกลุ่ม 0 - 2
แต่พลพรรคอินทรีเหล็กก็เอาความพ่ายแพ้มาแปรเปลี่ยนเป็นผลดี ที่คู่แข่งขันชี้ให้เห็นถึงข้อด้อยในทีม
จนสามารถก้าวไปต่อจนถึงตำแหน่งรองแชมป์โลกในปีนั้น..
ขอเพียง ยอมรับในความพ่ายแพ้ แล้วหันมาเจาะค้นหาเหตที่ส่งผลต่อความพ่ายแพ้นั้นให้ได้โดยเร็ว
แล้วหลอมรวมพลังของทีมให้เกิดขึ้นมาอีกครั้ง เพื่อก้าวเดินทางต่อไปอย่างแข็งแกร่งในทัวร์นาเม้นต์
แล้วในท้ายที่สุด..
เมื่อเวลาทำให้ทุกสิ่งอย่างในปัจจุบันกลายเป็นอดีต
เมื่อมองย้อนกลับมา คุณจะดีใจกับการพ่ายแพ้ และ บทเรียนที่ได้รับในวันนี้ !!!