อาเซียนคัพ ปี 2550 ผมเรียนมหาลัยปี 4 ที่ราม ตอนนั้นผมเพิ่งจีบแฟนที่เรียนจุฬาติดใหม่ๆได้ ชวนกันไปดูบอลทีมชาติไทยเจอสิงคโปร์ที่สนามศุภชลาศัย ตอนนั้นตั๋วผีขึ้นไปหลักพันกว่า ผมลงทุนจ่ายเองซื้อ 2 ใบหมดไป 3 พันบาทเพื่อไปดูกับแฟนให้ได้ (ก่อนแข่งก็ซื้อเสื้อเหลืองที่มาบุญครองใส่ด้วย เพราะตอนนั้นเขารณรงค์ให้ใส่เสื้อเหลืองเข้าสนาม) จำได้ว่าบรรยากาศดีมากๆ คนแน่นสนามเต็มไปหมด สุดท้ายผลแข่งขัน ไทยโดนสิงคโปร์ตีเสมอ 1-1 สกอร์รวมแพ้ 2-3 ได้แค่รองแชมป์แบบน่าเจ็บใจ (แต่ก็แอบดีใจเล็กๆ เพราะตอนนกหวีดดังแฟนกอดผมแบบเศร้าๆผมก็ต้องกอดปลอบเธอ ฮ่าๆ)
อาเซียนคัพ ปี 2551 เป็นปีที่ผมเริ่มทำงานปีแรก คราวนี้ไทยเจอเวียดนามนัดชิงเตะที่ราชมัง กระแสทีมชาติไทยดีมากๆ เพราะตอนนั้นไทยคือเต็ง 1 มองมุมไหนเวียดนามก็ไม่น่าจะสู้ได้ เพราะรอบแบ่งกลุ่มที่ภูเก็ตไทยชนะเวียดนามมาสบายๆ 2-0 มาแล้ว คราวนี้ผมโชคดีได้ตั๋วราคาปกติมา 2 ใบเพราะรุ่นพี่ที่ทำงานเขาหามาได้ ผมไปดูกับแฟนแล้วก็รุ่นพี่ที่ทำงานอีก 3 คนไปดูด้วยกัน ผลสุดท้ายไทยแพ้เวียดนามคาบ้าน 1-2 แบบไม่น่าแพ้ (ลูกยิงมุ้ยดันโดนจับล้ำหน้าซึ่งมันไม่น่าล้ำ) นัด 2 ไปเล่นที่ฮานอย ไทยโดนเวียดนามตีเสมอนาทีสุดท้าย ชวดแชมป์เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน
อาเซียนคัพ ปี 2553 เป็นปีที่ผมโชคดีมากเพราะผมถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 2 !!! ทำให้ผมลาหยุดปลายปีแล้วไปดูทีมชาติไทยเตะที่ต่างประเทศครั้งแรกได้!! ผมซื้อตั๋วเครื่องบินไปอินโดนีเซียและโชคดีที่ได้รู้จักพี่ๆเชียร์ไทยพาวเวอร์ ทุกคนใจดีช่วยกันหาตั๋วบอลไทยให้ผมได้ แมตซ์เจออินโดนีเซียนัดสุดท้ายรอบแบ่งกลุ่ม ไทยมีไฟส์บังคับต้องชนะอินโดเท่านั้นถึงจะเข้ารอบ สุดท้ายไทยแพ้อินโด 1-2 ตกรอบแรกแบบน่าเจ็บปวดจริงๆ (ผมยังจำภาพที่แฟนบอลอินโดยกมือเยาะเย้ยมาทางกองเชียร์ไทย โบกมือบ๊ายบายและชูนิ้วกลางมาด้วย เจ็บปวดใจจนถึงทุกวันนี้)
อาเซียนคัพ ปี 2555 เป็นปีที่ผมได้แต่งงานกับแฟนแล้ว มีครอบครัวด้วยกันเป็นทางการแต่ทีมชาติไทยก็ยังไม่ได้ชูถ้วยทองอาเซียนซักที และก็โดนสิงคโปร์เจ้าเก่าบุกมาคว้าแชมป์ต่อหน้าผมที่สนามศุภชลาศัยอีกครั้ง คราวนี้ผมไม่เสียใจเท่าปี 2550 เพราะไทยชนะ 1-0 เพียงแต่สกอร์รวมไทยแพ้ไปแค่นั้นและโชคดีที่ผมได้เห็นผมนักเตะคนนึงที่ชื่อว่าชนาธิปเป็นครั้งแรกกับตา ผมจำได้ลุงคนข้างๆที่ดูบอลกับผมบอกเลยว่า นักเตะคนนี้จะทำให้ทีมชาติไทยกับมาเป็นแชมป์ในอีก 2 ปีข้างหน้า!!!
อาเซียนคัพสมัยต่อๆมาผมไม่ได้มาดูที่สนามอีกแล้ว เพราะลาออกจากที่ทำงานย้ายบ้านมาอยู่ต่างจังหวัด มาดูทีมชาติไทยส่วนใหญ่เป็นเกมส์อุ่นเครื่องซะมากกว่า
ซึ่งที่ผมจะบอกทุกคนว่า ผมเองก็เสียใจและผิดหวังไม่แพ้กับพวกคุณทุกคนที่เห็นทีมชาติไทยแพ้ได้แค่รองแชมป์ แต่นี่มันไม่ใช่ครั้งแรกที่ทีมชาติไทยเราเป็น ถ้าคุณทันเหตุการณ์เดียวที่ผมเล่า แฟนบอลไทยผิดหวังกันมากกว่านี้อีก เพราะยุคนั้นเราเพิ่งมีลีกอาชีพกันจริงๆจังๆเอง กระแสแฟนบอลไทยหมดศรัทธาทีมชาติไปเยอะ แต่ไปศรัทธาลงที่สโมสรแทนเพราะพวกเราเชื่อว่า ถ้าสโมสรดีผลงานทีมชาติก็จะดีไปด้วย แน่นอนว่ามันไม่ดีพอที่ไทยจะไปบอลโลกแน่ๆล่ะ แต่มันก็ทำให้ฟุตบอลไทยพัฒนาก้าวกระโดดกว่าเดิมเยอะ
ผมเป็นกำลังใจให้คนที่เกี่ยวข้องกับทีมชาติไทยยุคปัจจุบัน เอาบทเรียนที่ได้รองแชมป์ปีนี้เก็บไว้พัฒนาต่อทีมชาติต่อ ใครดีก็เล่นต่อ ใครไม่ดีก็ปล่อยเขาให้อยู่กับสโมสรพัฒน่ตัวเองให้ดีต่อไป เพราะทุกคนเมื่อเลิกเล่นเขาก็คือตำนานนักเตะไทยเสมอ (ผมเคยเจอพิพัฒน์ ต้นกัลยา ยังขอบคุณที่เขายิงสิงคโปร์นัดชิง 2 นัดได้ แม้จะไม่ได้แชมป์ก็ตามในปีนั้น)
ป.ล.ผมขอล่ะอย่าเตะราชมังอีกเลยจนกว่ารถไฟฟ้าจะเปิดใช้ เมื่อวานรุ่นน้องที่ทำงานผมไปดู เล่าว่าเดินทางลำบากจริง บอลแพ้ยังไม่เสียอารมณ์เดินทางกลับบ้าน ฮ่าๆๆ
ผมเชื่อว่าทุกคนเจ็บช้ำทีมชาติไทยเมื่อคืน แต่สุดท้ายมันก็ต้องผ่านไปได้
อาเซียนคัพ ปี 2551 เป็นปีที่ผมเริ่มทำงานปีแรก คราวนี้ไทยเจอเวียดนามนัดชิงเตะที่ราชมัง กระแสทีมชาติไทยดีมากๆ เพราะตอนนั้นไทยคือเต็ง 1 มองมุมไหนเวียดนามก็ไม่น่าจะสู้ได้ เพราะรอบแบ่งกลุ่มที่ภูเก็ตไทยชนะเวียดนามมาสบายๆ 2-0 มาแล้ว คราวนี้ผมโชคดีได้ตั๋วราคาปกติมา 2 ใบเพราะรุ่นพี่ที่ทำงานเขาหามาได้ ผมไปดูกับแฟนแล้วก็รุ่นพี่ที่ทำงานอีก 3 คนไปดูด้วยกัน ผลสุดท้ายไทยแพ้เวียดนามคาบ้าน 1-2 แบบไม่น่าแพ้ (ลูกยิงมุ้ยดันโดนจับล้ำหน้าซึ่งมันไม่น่าล้ำ) นัด 2 ไปเล่นที่ฮานอย ไทยโดนเวียดนามตีเสมอนาทีสุดท้าย ชวดแชมป์เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน
อาเซียนคัพ ปี 2553 เป็นปีที่ผมโชคดีมากเพราะผมถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 2 !!! ทำให้ผมลาหยุดปลายปีแล้วไปดูทีมชาติไทยเตะที่ต่างประเทศครั้งแรกได้!! ผมซื้อตั๋วเครื่องบินไปอินโดนีเซียและโชคดีที่ได้รู้จักพี่ๆเชียร์ไทยพาวเวอร์ ทุกคนใจดีช่วยกันหาตั๋วบอลไทยให้ผมได้ แมตซ์เจออินโดนีเซียนัดสุดท้ายรอบแบ่งกลุ่ม ไทยมีไฟส์บังคับต้องชนะอินโดเท่านั้นถึงจะเข้ารอบ สุดท้ายไทยแพ้อินโด 1-2 ตกรอบแรกแบบน่าเจ็บปวดจริงๆ (ผมยังจำภาพที่แฟนบอลอินโดยกมือเยาะเย้ยมาทางกองเชียร์ไทย โบกมือบ๊ายบายและชูนิ้วกลางมาด้วย เจ็บปวดใจจนถึงทุกวันนี้)
อาเซียนคัพ ปี 2555 เป็นปีที่ผมได้แต่งงานกับแฟนแล้ว มีครอบครัวด้วยกันเป็นทางการแต่ทีมชาติไทยก็ยังไม่ได้ชูถ้วยทองอาเซียนซักที และก็โดนสิงคโปร์เจ้าเก่าบุกมาคว้าแชมป์ต่อหน้าผมที่สนามศุภชลาศัยอีกครั้ง คราวนี้ผมไม่เสียใจเท่าปี 2550 เพราะไทยชนะ 1-0 เพียงแต่สกอร์รวมไทยแพ้ไปแค่นั้นและโชคดีที่ผมได้เห็นผมนักเตะคนนึงที่ชื่อว่าชนาธิปเป็นครั้งแรกกับตา ผมจำได้ลุงคนข้างๆที่ดูบอลกับผมบอกเลยว่า นักเตะคนนี้จะทำให้ทีมชาติไทยกับมาเป็นแชมป์ในอีก 2 ปีข้างหน้า!!!
อาเซียนคัพสมัยต่อๆมาผมไม่ได้มาดูที่สนามอีกแล้ว เพราะลาออกจากที่ทำงานย้ายบ้านมาอยู่ต่างจังหวัด มาดูทีมชาติไทยส่วนใหญ่เป็นเกมส์อุ่นเครื่องซะมากกว่า
ซึ่งที่ผมจะบอกทุกคนว่า ผมเองก็เสียใจและผิดหวังไม่แพ้กับพวกคุณทุกคนที่เห็นทีมชาติไทยแพ้ได้แค่รองแชมป์ แต่นี่มันไม่ใช่ครั้งแรกที่ทีมชาติไทยเราเป็น ถ้าคุณทันเหตุการณ์เดียวที่ผมเล่า แฟนบอลไทยผิดหวังกันมากกว่านี้อีก เพราะยุคนั้นเราเพิ่งมีลีกอาชีพกันจริงๆจังๆเอง กระแสแฟนบอลไทยหมดศรัทธาทีมชาติไปเยอะ แต่ไปศรัทธาลงที่สโมสรแทนเพราะพวกเราเชื่อว่า ถ้าสโมสรดีผลงานทีมชาติก็จะดีไปด้วย แน่นอนว่ามันไม่ดีพอที่ไทยจะไปบอลโลกแน่ๆล่ะ แต่มันก็ทำให้ฟุตบอลไทยพัฒนาก้าวกระโดดกว่าเดิมเยอะ
ผมเป็นกำลังใจให้คนที่เกี่ยวข้องกับทีมชาติไทยยุคปัจจุบัน เอาบทเรียนที่ได้รองแชมป์ปีนี้เก็บไว้พัฒนาต่อทีมชาติต่อ ใครดีก็เล่นต่อ ใครไม่ดีก็ปล่อยเขาให้อยู่กับสโมสรพัฒน่ตัวเองให้ดีต่อไป เพราะทุกคนเมื่อเลิกเล่นเขาก็คือตำนานนักเตะไทยเสมอ (ผมเคยเจอพิพัฒน์ ต้นกัลยา ยังขอบคุณที่เขายิงสิงคโปร์นัดชิง 2 นัดได้ แม้จะไม่ได้แชมป์ก็ตามในปีนั้น)
ป.ล.ผมขอล่ะอย่าเตะราชมังอีกเลยจนกว่ารถไฟฟ้าจะเปิดใช้ เมื่อวานรุ่นน้องที่ทำงานผมไปดู เล่าว่าเดินทางลำบากจริง บอลแพ้ยังไม่เสียอารมณ์เดินทางกลับบ้าน ฮ่าๆๆ