อย่าลืมเป้าหมายแรกก่อนแข่งขันน่ะ มาได้ขนาดนี้ ก็ไกลเกินฝันแล้ว ♥️♥️

เจ็บใจที่พ่ายแพ้นัดชิง ไม่ใช่เรื่องผิด แต่อย่าลืมสิ่งสำคัญที่สุด ว่าเป้าหมายของการแข่ง AFF ครั้งนี้ ของเราคืออะไร

นี่เป็นทัวร์นาเมนต์ที่เราต้องการ "บ่มเพาะ" สายเลือดใหม่ ให้โอกาสดาวรุ่ง ขึ้นมาแทนเจเนเรชั่นเดิมๆ ที่โรยราแล้ว

นี่เป็นทัวร์นาเมนต์ที่มาซาทาดะ อิชิอิ ใช้ทดลองทีม ก่อนจะถึงรายการที่สำคัญจริงๆ อย่างเอเชียนคัพ รอบคัดเลือก

นี่เป็นทัวร์นาเมนต์ที่ใช้ทดลองแท็กติกการเล่นที่หลากหลาย ลองจับคู่คอมบิเนชั่นใหม่ๆ วางคนนี้ คนนั้น ลองเล่นด้วยกันว่าจะเวิร์กไหม

ผมเขียนไว้ตั้งแต่แรกเลยว่า KPI ของรายการนี้ สำหรับมาซาทาดะ อิชิอิ คือการ "เข้าชิง" เท่านั้น ถ้าเข้าชิงได้ด้วย Squad ชุดนี้ ถือว่าพอใจแล้ว ถ้าชนะก็เป็นโบนัส แต่ถ้าไม่ชนะ ก็ต้องยอมรับความจริงแล้วเอาไปแก้ไขต่อ

ในขณะที่เป้าหมายของเราคือการทดลอง แต่ฝั่งเวียดนาม เป้าหมายหลักคือการ "คว้าแชมป์" เท่านั้น

พวกเขายอมแลกทุกอย่าง เพื่อสร้างศรัทธาแฟนบอลขึ้นมาใหม่ ยอมทุกอย่างเพื่อคว้าแชมป์ให้ได้เสียที หลังจากร้างแชมป์ AFF มานานถึง 6 ปี

เวียดนาม "ปิดลีก" ไม่มีการแข่งขันวีลีก เพื่อเอาตัวดีที่สุดมาแข่งขันรายการนี้, เวียดนาม ส่งนักเตะไปเก็บตัวที่เกาหลีใต้ 15 วัน สร้างความคุ้นเคยภายในทีมให้มากที่สุด และ เวียดนามยอมโอนสัญชาติเอาตัวบราซิลมาเป็นกองหน้าตัวเป้า ซึ่งแน่นอนว่าจะโดนคนทั้งอาเซียนแซะ และ แขวะไปอีกนาน

พวกเขาทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างขนาดนี้ เพื่อการเป็นแชมป์เท่านั้น จะเห็นว่า จุดมุ่งหมายนั้น แตกต่างจากเรา

ถ้าหากทีมชาติไทยยอมละทิ้งทุกอย่าง เพื่อเอาแชมป์ ยอมปิดลีก ยอมใช้ตัวหน้าเดิมๆ โอกาสที่เราจะเป็นแชมป์ก็มีสูง แต่เราไม่ได้ทำแบบนั้น เราเลือกจะไปอีกเวย์หนึ่ง นั่นคือ การทดลองทีมใหม่ๆ

สร้าง Squad Depth ให้มี Pool ของนักเตะที่มากขึ้น ไม่ใช่มีแต่ตัวเดิมๆ ซ้ำไปซ้ำมา เพื่อรายการที่สำคัญมากกว่านี้เยอะ อย่างเอเชียนคัพ และ ฟุตบอลโลก

ดังนั้น ด้วย mindset ที่ต่างกันแต่แรก ไทยเสียเปรียบเวียดนามอยู่แล้ว คือมันไม่ได้เซอร์ไพรส์ขนาดนั้น ที่เราจะพลาดแชมป์ในครั้งนี้ มันมีโอกาสเกิดขึ้นได้

รายละเอียดของเกม เดี๋ยวเราค่อยมาเจาะลึกกันในวันพรุ่งนี้นะครับ

นัดนี้ เอาจริงๆ ความผิดพลาดอย่างรุนแรงของเรา มีอยู่เหมือนกัน แต่จังหวะที่ชัดเจนมาก คือการเสียสองใบเหลืองของวีระเทพ ป้อมพันธุ์ เพราะทำให้เราเหลือ 10 คน

10 คน ต่อ 11 คน มันเสียเปรียบมาก ยิ่งคนที่โดนไล่ออก เป็นมิดฟิลด์ตัวรับอีกต่างหาก ยิ่งทำให้เราเกิดรูโหว่ขนาดใหญ่ขึ้น

นี่เป็นบทเรียนล้ำค่าที่วีระเทพต้องจำไปตลอด ว่าอย่าให้อารมณ์ชักพาตัวเองมาสู่หายนะแบบนี้ จริงๆ เขาคือตัวเก๋าของทีม เล่นกับอิชิอิมาตลอดตั้งแต่นัดแรก เอเชียนคัพก็ไป บอลโลกรอบคัดเลือกก็เล่น ไม่น่ามาพลาดกับอะไรแบบนี้

ก็ไม่เป็นไรครับ ทุกคนได้ประสบการณ์กันไป และแน่นอนว่า เรื่องความผิดพลาดนี้ จะไม่เกิดซ้ำกับเขาอีก

เกมเลกที่สองจบลงด้วยชัยชนะของเวียดนาม 3-2 มันน่าเจ็บปวดอยู่บ้าง เพราะเราเสียคะแนน ฟีฟ่าเดย์เต็มๆ แต่จังหวะนั้น ไม่มีทางเลือก ปฏิวัติ คำไหม ต้องดันขึ้นไปแล้ว เพื่อลุ้นประตูตีเสมอ มันเป็นการกระทำที่เข้าใจได้

เอาเป็นว่า คะแนนฟีฟ่าเดย์เดี๋ยวหามาใหม่ได้ครับ ชนะศรีลังกา ในเดือนมีนาคมนี้ ก็ได้คืนเต็มๆ แล้วครับผม ไม่เป็นไร

ชัยชนะเกมนี้ของเวียดนาม ทำให้พวกเขามีความสุขมาก เพราะสร้างสถิติมากมาย โดยหนึ่งในนั้น คือการชนะไทย 2 นัดติดต่อกัน เป็นครั้งแรกตั้งแต่ก่อตั้งสมาคมฟุตบอล

เวียดนามคงจะใช้ชัยชนะนัดนี้ ในการต่อยอดสเต็ปต่อไป กับเส้นทางเอเชียนคัพ รอบคัดเลือกของพวกเขาครับ โดยโปรแกรมของไทยกับเวียดนาม จะไม่บรรจบเจอกันอีกแล้ว จนกว่าจะถึงอีก 2 ปีข้างหน้าใน AFF แล้ววันนั้นเราค่อยมาแก้มือกันใหม่ครับ

ทัวร์นาเมนต์นี้จบลงไป กับการเล่น 8 นัด อิชิอิก็น่าจะได้เข้าใจฟุตบอลอาเซียนมากขึ้น

นอกจากนั้น ก็น่าจะชัดเจนขึ้นว่าใครเล่นได้ ใครเล่นไม่ได้

ตัวผู้เล่น Rising Star ที่ใช้การได้แน่ๆ อย่าง เบน เดวิส และ โจนาธาร เข็มดี ก็คู่ควรกับทีมชุดใหญ่จริงๆ หรือบางคนที่ผลงานดีบ้าง ร้ายบ้าง อย่าง เสกสรรค์ ราตรี หรือ วิลเลียม ไวเดอเฌอ ก็ต้องพิสูจน์ตัวเองกันต่อไป

และเราก็มีโอกาสได้เห็น ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา ว่าเลเวลอัพขนาดไหน หลังกลับมาจากเบลเยี่ยม ได้เห็นสุภโชคที่เพิ่งหายเจ็บว่ายังตะบันลูกไฟได้อยู่

ได้เห็นพาตริก กุสตาฟส์สัน ว่าสามารถเป็นชอยส์ทางเลือก กองหน้าตัวเป้าอีกคนของทีมช้างศึกได้

ผมไม่คิดว่าความพ่ายแพ้ครั้งนี้ น่าเจ็บใจ เพราะเรามีโอกาสเป็นแชมป์ได้ ตอนสถานการณ์ขึ้นนำ 2-1 ความได้เปรียบอยู่ในมือเรา แต่สุดท้ายมันก็หลุดลอยออกไป

ถ้าเทียบความเจ็บปวดแล้ว การชนะสิงคโปร์ 3-1 แต่ไม่เข้ารอบฟุตบอลโลก เจ็บปวดกว่าเยอะ

เกมนั้นผมนอนไม่หลับ แถมนักเตะก็ร้องไห้กันหลายคน มันเศร้าขนาดนั้น แต่เกมนี้ มันเจ็บใจ แต่ไม่ได้เศร้าลึกถึงวิญญาณขนาดนัดสิงคโปร์

สุดท้าย ผมแค่อยากบอกว่า เกมฟุตบอลมีแพ้ มีชนะ ครั้งนี้เวียดนามเขาเตรียมตัวมาดี ใช้แท็กติก กลยุทธ์ทุกอย่าง และมีโชคหลายครั้งด้วย

เราต้องยอมรับความพ่ายแพ้อย่างมีสปิริตครับ

จริงๆ ผมว่าพ่ายแพ้ครั้งนี้ ทำให้เราได้เติบโตขึ้นนะ นักเตะหลายๆ คน จะเข้าใจความเจ็บปวด ดังนั้นจะตั้งใจเล่นให้ดีมากๆ ในอนาคต เพื่อที่จะไม่ต้องเสียใจแบบนี้อีก

ที่สำคัญเราได้แชมป์ AFF มา 7 ครั้งแล้ว และครั้งที่ 8 จะมาถึงแน่นอน เพียงแต่ไม่ใช่หนนี้เท่านั้นเองครับ

ขอบคุณสำหรับความพยายามของทีมช้างศึก ทุกคนทำได้ดีมากแล้ว เศร้าให้พอหนึ่งวัน แล้วมูฟออนต่อทันที เพื่อเอเชียนคัพ รอบคัดเลือก เดือนมีนาคมนี้ครับผม

รู้ไหมครับ หลังจากพิธีมอบถ้วยแชมป์สิ้นสุดลงที่ราชมังฯ เขาเปิดเพลงอะไรในสนาม

คำตอบคือเพลง ฤดูที่แตกต่าง ของบอยด์ โกสิยพงษ์ครับ จงใจเลือกดีจริงๆ

เสียงเพลงดังขึ้นมาที่ลำโพงว่า "อดทนเวลาที่ฝนพรำ อย่างน้อยก็ทำให้เราได้เห็นถึงความแตกต่าง"

"เมื่อวันเวลาที่ฝนจางหาย ฟ้าก็คงสว่างและทำให้เ

ราได้เข้าใจ"

"ว่ามันคุ้มค่าแค่ไหนที่เฝ้ารอ"

ถ้าเคยเจ็บใจ และเสียใจมาก่อน เมื่อถึงวันที่ประสบความสำเร็จแล้ว จะมีความสุขกับมันอย่างมหาศาลอย่างแน่นอนครับ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่