เราเป็นเด็กธรรมดาคนนึง บ้านไม่ได้รวยมีกันอยู่3คน พ่อแม่ลูก แม่เราเป็นแม่ค้า พ่อก็ทำงานบริษัท เรามีความสุขมากๆ จนวันนึงพ่อแอบไปมีผู้หญิงคนอื่น ตอนนั้นเราอายุประมาณ4-5ขวบได้ เราเห็นพ่อตบแม่ เเม่เราพาเราไปตามพ่อที่บ้านผู้หญิงคนนั้น พ่อผลักแม่ล้ม แม่ร้องไห้ และเรื่องที่สะเทือนใจเรามากที่สุด คือตอนที่เรา5ขวบ วันนั้นเป็นวันเกิดเรา แม่ไปรับเรากลับมาจากร.ร.เพื่อมาจัดงานวัดเกิดกัน แต่ปีนี้พ่อกลับดึก จนเราสงสัย เรากลัวมากว่าพ่อจะทิ้งเรากับแม่ เราเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า ไม่มีเสื้อผ้าพ่อ....เราพอจะเดาออก แต่ไม่พูดอะไร ทำตัวปกติเฮฮาปกติ เราได้แต่คิดว่าทำไม ทำไมต้องวันนี้ นี่วันเกิดหนูนะ ผ่านไปประมาณครึ่งเดือนพ่อกลับมาหาเราวันไหนนี่แหละมานอนด้วย ผู้หญิงคนนั้นเค้ามาตามพ่อถึงห้อง พ่อก็กลับไปกับเค้า จนเราป.1อายุ6ปี พ่อก็กลับมาดีกับแม่ เราเป็นคนที่เข้ากับคนยาก เราห่างกับพ่อแค่ปีกว่าๆเราก็คิดว่าเค้าไม่ใช่พ่อเราแล้ว ตอนนั้นใช้เวลานานนะกว่าจะจูนเข้ากันได้ ไม่ถึงครึ่งเดือนพ่อก็ทิ้งเราไปอีก...เราไม่รู้สึกอะไรแล้ว พอเราขึ้นป.3 แม่เราเริ่มมีคนเข้าหา แม่เรามีผู้ชายหลายคนเลย จนถึงขั้นพามานอนในห้องที่เรานอน และเราก็อยู่ในนั้น แม่คงคิดว่าเราหลับแล้ว พ่อไม่เคยส่งเงินมาให้เลย 2-3ปีมาหาทีนึง แต่เราจะได้ตังก็ตอนกลับบ้านย่าตอนปิดเทอมแหละ แม่ลำบากมาก จนเลี้ยงเราไม่ไหว เรากลัวการจากลาแต่เราก็ต้องย้ายร.ร.ไปบ้านย่า เราไปอยู่นั่นตอนป.5 แล้วคือเราติดเพื่อนมาก โตมาด้วยกันใช้ชีวิต นอน กินด้วยกันตั้งแต่พ่อแม่เรากับพ่อแม่เค้ายังไม่เลิกกันเลย ไปอยู่บ้านย่าเราก็แฮปปี้ อยู่กับย่า2คน จนปิดเทอม ทางญาติๆเขาก็อยากให้เราไปเรียนที่อีกจังหวัดนึง เราก็ต้องย้าย ตามที่บอกเราเป็นคนจูนเข้ากับคนอื่นยาก เราก็ไม่มีความสุข เรารู้สึกเป็นส่วนเกินในครอบครัวเขา ญาติทางพ่อที่เรามาอยู่ด้วยมีลูกคนนึงโตแล้วเรียนจะจบอยู่แล้วแหละ ตอนเด็กเราสนิทกับพี่คนนี้นะ แต่ตอนนี้ไม่แล้วอ่ะ มาอยู่นี้ไกลบ้าน เราได้เงินเดือนละพันตอนป.6เราก็ย้ายร.ร.อีกละ มันก็พอใช้หรอก แรกๆมาเราก็สบายๆไม่ต้องอะไรมาก เรียนเลยสนับสนุน ไม่ต้องเครียดแค่ไหนแค่นั้น นานๆไปเริ่มบังคับเราทำนุ้นนี่ บังคับไปติวเข้าม.1ตอนนั้นเครียดมาก ไม่เคยมีความสุขเลย ร้องไห้บ่อยมากแต่แอบร้อง ทำอะไรก็ผิดไปหมด กดดันเรื่องการเรียน ตีกรอบชีวิตเราทุกด้าน เราเลือกเองไม่ได้เลย เนี๊ยบทุกอย่าง ชอบถามถึงพ่อแม่จัง รู้ทั้งรู้ว่าพ่อแม่เราเลิกกัน ยังจะมาซ้ำกันยุได้ วันนึงความเป็นจริงที่พ่อแม่เลิกกันย้อนมาทำร้ายเรา ทั้งที่เราไม่เคยคิดอะไร เริ่มจากญาตินี่แหละตัวดีเลย ถามเราว่า"จ๋ารู้มั้ยพ่อแม่ส่งจ๋ามาอยู่นี่ทำไม"เราก็ตอบว่าไม่ค่ะไม่รู้ ยังถามต่อนะว่าจ๋าคิดว่าไง เราก็แบบพ่อก็ทำงานแม่ก็ทำงาน เลยไม่มีเวลา คือเราจะร้องไห้แล้วตอนนั้น เรารู้ทุกอย่างรู้ตั้งแต่แรกเลย แค่เราไม่พูด อาเราก็เงียบไป จนมาถึงบ้าน เราก็ทำการบ้านอยู่ อาสรก็ยังเดินมาพูดเรื่องเดิม "อาจะบอกจ๋านะ พ่อแม่จ๋าเลิกกันแล้ว ตั้งแต่พ่อไม่อยู่กับจ๋าแล้ว แต่ไม่เป็นไรนะ จ๋ายังมีอาสรมีพี่เดียร์มีอาไผ่มีอานิ่มมีย่ามีครอบครัว"บลาๆๆๆ ตอนนั้นเราร้องไห้เลยแหละ เฮ้ย!!!จะพูดทำไมวะ ไม่โอเค ณ จุดจุดนั้น... บางครั้งเราก็เดินผ่านเพื่อจะไปเปิดประตู เฉยๆเราไม่มีที่เดินเราก็เดินอ้อมหัวไป ก็ว่าเราว่าตอนพ่อแม่อยู่ด้วยกันพ่อแม่ไม่สอนหรอ....อีกแล้ว...ทำไมต้องพูดถึงพ่อกับแม่ บางครั้งนั่งกินข้าวอยู่อาไผ่ก็เห็นเราเป็นคนเงียบยุบ้านไม่พูด ก็ชวนคุยเนาะ "ปกติเวลายุกับอานิ่มกับพ่อพูดมั้ยนิ่"..ทำไมต้องคุยเรื่องนี้...ปล่อยกูเงียบไปเถอะ "แล้วเวลาอยู่กับพ่อนี่ คุยเก่งมั้ย"เราก็ ไม่ค่อยคุยเยอะค่ะ ไม่สนิทกับพ่อ อาไผ่ก็จะพูดต่อ อ้าว!!ลูกที่ไหนไม่สนิทกับพ่อ (อันนี้อาแท้ๆนะ รู้ว่าพ่อแม่เราเลิกกันด้วย) เราก็ตอบแบบ ก็ไม่ได้อยู่ด้วยกันตั้งแต่เด็กๆแล้ว "แล้วทำไมไม่ได้ยุด้วยกันล่ะ พ่อไปไหน "ตอนนั้นน้ำตามันจะไหลขึ้นมาตรงเบ้าตาแล้วแต่ยังฮึบสู้อดทนต่อ เราก็ตอบไปว่าพ่อไปทำงานที่กรุงเทพ บลาๆ อาก็เลิกถามเรา แล้วเราก็มาเที่ยวบ้านยายตอนวันหยุดเวลาแม่มาหา(แม่ไปยุบ้านแฟนใหม่)แม่มาแม่ก็ชอบพูดถึงแฟนใหม่แม่แฟนว่าดีงั้นดีงี้ เราก็แบบจะพูดทำไม แค่นี้ยังทำร้ายกันไม่พอหรอ ที่ร.ร.ก็ชอบพูดถึงครอบครัว ว่าต้องมีพ่อแม่ลูก ต้องรักกันดี เรานี่เบะปาก ครูชอบบอกว่าเด็กที่พ่อแม่เลิกกันส่วนใหญ่จะเกเรขาดความอบอุ่นเรียนไม่ดีส่วนใหญ่ไม่ประสบความสำเร็จ แล้วก็ใฝ่หาความรักตลอดๆ เราก็รู้สึกว่า เราจะไม่เป็นแบบคนกลุ่มนั้นเราจะได้ดีกว่าคนที่คิดว่าเด็กพ่อแม่เลิกกันต้องไม่ประสบความสำเร็จ ในใบกรอกข้อมูลนักเรียน(ปกติเวลาเข้าม.1เค้าจะให้กรอกกัน) ช่องสถานะพ่อแม่เป็นช่องที่เราเจ็บปวดมาก แต่ละใบเราจะไม่ซ้ำกันเลย พ่อแม่เราไม่ได้หย่ากัน เราติ๊กตรงไหนได้มั่ง บางแผ่นติ๊กตรงแยกกันอยู่ ใบไหนไม่มีมีแต่หย่าร้างก็จะติ๊กตรงอยู่ด้วยกัน ที่อยู่พ่อแม่เราก็จะไม่เหมือนกันบางแผ่นที่บ้านย่าบ้านยายบ้านปจบ. ที่ร.ร.เป็นสถานที่ตอกย้ำความเจ็บปวดได้ดีเยี่ยมเลย เวลาเห็นครอบครัวอื่นเค้ายุพร้อมหน้ากันก็จะรู้สึก อิจฉาอยู่ลึกๆ แต่ก็มีความยินดีกับเขา เวลายุร.ร.ก็ร่าเริงเฮฮา ทำให้คนอื่นอารมณ์ดี แต่ยุบ้านทุกข์เครียด กดดันทุกอย่าง ต้องมาคิดว่าทำอย่างนี้จะโดนด่ามั้ย จนบางครั้งหนักจนร้องไห้แต่ก็เหมือนเดิม ร้องไม่มีเสียง ปิดปากตัวเองกัดผ้า มือกำผ้า จะได้ไม่มีเสียง บางครั้งคิดเลยว่าถ้าย้อนเวลากลับไปได้ จะไปตั้งแต่พ่อแม่ยังไม่เจอกัน จะไปบอกให้แม่อย่ากินเหล้าแล้วเมาจนมีอะไรกับพ่อ อย่าพยายามมีหนูตั้ง10กว่าปี อย่าให้หนูเกิดมา หนูไม่อยากเกิดมาแบกรับความรู้สึกนี้ พ่อแม่เลิกกันแล้วทำไมหนูต้องเป็นคนที่ทรมาณสุดด้วย ถ้ามีหนูแล้วดูแลหนูไม่ได้ก็ไม่ต้องมี........... อยากให้คนที่กำลังจะเลิกกันอ่านนะ การที่พ่อแม่ถามว่าโอเคมั้ยเสียใจมั้ย ถ้าลูกคุณตอบว่าโอเคเสียใจนิดหน่อยหรือไม่เสียใจหนูเข้าใจ ลูกคุณโกหก จริงๆเค้ากำลังเจ็บปวดมากสุดในชีวิต เค้ากำลังหลอกตัวเองว่าโอเครับได้นะ ถึงคุณจะพยายามให้ความรักมากขึ้นเป็นร้อยเท่า คุณไม่มีวันลบล้างมันได้หรอก ..... ตอนนี้ฉันไม่ศรัทธาในคำว่า"รักลูกนะ"ของพ่อแม่แล้ว ฉันไม่อยากได้ยินเวลาฟังแล้วมันเจ็บเป็นพันเท่าของความรู้สึกเดิม ได้แต่คิดว่าถ้ารักหนูทำไมต้องทำร้ายหนูแบบนี้..................
พ่อแม่เลิกกันคนที่เจ็บสุดคือลูก อยากให้สามีภรรยาที่จะเลิกกันได้อ่าน