ซูเปอร์โพล เผยคนไทยเกินครึ่งไม่รู้"ยุทธศาสตร์ชาติ"คืออะไร ขณะที่วัยทำงานส่วนใหญ่ต้องการความมั่นคงมากกว่าความสงบในประเทศ ชี้หลายอาชีพถูกแย่งงานจากต่างด้าว
เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. นายนพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการ สำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) มูลนิธิ สถาบันวิจัยความสุขชุมชนและความเป็นผู้นำ เปิดเผยผลสำรวจ เรื่อง ประชาชน คิดอย่างไรต่อ ยุทธศาสตร์ชาติ กับ อนาคตของประชาชน และ อนาคตของประเทศไทยที่ต้องการ กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนทุกสาขาอาชีพ จำนวน 1,150 ตัวอย่าง โดยดำเนินโครงการระหว่าง วันที่ 5 - 15 มิ.ย.พบว่า
อนาคตของประชาชนกับอนาคตของประเทศไทยที่ต้องการมากที่สุด ได้แก่ ร้อยละ 29.0 ระบุว่า ประชาชนคนไทยต้องมีงานทำมั่นคง มีเงินพอค่าครองชีพ ไม่ถูกคนต่างด้าวแย่งอาชีพ รองลงมาคือร้อยละ 22.6 ระบุ บ้านเมืองสงบสุข ไม่วุ่นวาย อันดับสาม ได้แก่ ร้อยละ 17.3 ระบุ ประชาชนมีระเบียบวินัย มีการบังคับใช้กฎหมายจริงจังต่อเนื่อง
จากการสัมภาษณ์เจาะลึกกลุ่มคนไทยวัยทำงานถึงเหตุผลว่า ทำไมเรื่อง การมีงานทำมั่นคง จึงขึ้นมาเป็นอันดับแรกแซงหน้าความสงบสุขของบ้านเมือง พบว่า คนไทยส่วนใหญ่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อความไม่สงบ แต่ปัญหาคนไทยไม่มีงานทำที่มั่นคงกระทบต่อคนไทยจำนวนมาก คนตอบส่วนใหญ่ให้เหตุผลว่า ทุกวันนี้คนไทยถูกแย่งอาชีพหลายอย่างที่เคยทำอยู่อย่างมั่นคงต่อเนื่องมา บางพื้นที่แรงงานต่างด้าวผันตัวเองมาเป็นเจ้าของค้าขายจำนวนมาก เช่น อาชีพค้าขายอิสระ ขายผักขายปลา ขายผลไม้ในตลาดสด อาชีพทำอาหาร
คนไทยถูกผลักออกไปทำอาชีพอิสระไม่มั่นคง หาเช้ากินค่ำ ไม่พอค่าครองชีพหันไปขายของออนไลน์ก็ไม่มีหน่วยงานรัฐใดสนับสนุนส่งเสริม ชีวิตเป็นไปตามยถากรรม บางคนจึงไปเล่นพนัน หวังรวยทางลัด ค้ายาเสพติด ก่ออาชญากรรม หลอกลวงต้มตุ๋น ฉ้อโกง ติดคุกมีคดีติดตัว ขาดหน่วยงานรัฐดูแลชีวิตการงานของคนไทยให้มั่นคง นอกจากนี้ อาจกล่าวได้ว่า แย่แล้ว ที่ผลสำรวจพบว่า คนไทยส่วนใหญ่หรือร้อยละ 64.0 เคยได้ยินคำว่า ยุทธศาสตร์ชาติ แต่ เกินครึ่งหรือร้อยละ 54.9 ไม่รู้ว่า ยุทธศาสตร์ชาติคืออะไร และส่วนใหญ่หรือร้อยละ 90.2 ระบุ จำเป็นต้องมียุทธศาสตร์ชาติ ด้วยภาษาง่ายๆ ชาวบ้านจำได้ง่าย จะได้ช่วยกันปกป้องผลประโยชน์ชาติร่วมกันได้ดีขึ้น
ผอ.ซูเปอร์โพล กล่าวว่า ที่ผ่านมาคนจัดทำยุทธศาสตร์เขียนยุทธศาสตร์ชาติออกมาเยอะเกินไป โดยใช้ภาษาวิชาการห่างไกลตัวประชาชนและขาดกลยุทธ์ในการสื่อสารกับประชาชน ยิ่งไปกว่านั้นคนออกแบบยุทธศาสตร์มุ่งแต่ใช้อำนาจรัฐ (State Power) ทำให้เกิดการเน้นการใช้กองกำลังปฏิบัติการที่ใช้งบประมาณสูง แต่ลงทุนด้านการหาข้อมูลที่ถูกต้องแม่นยำน้อยมากในการออกแบบยุทธศาสตร์ และให้ความสำคัญน้อย เช่นกันกับอำนาจจากภาคประชาชน (Non-State Power) ทำให้ออกแบบยุทธศาสตร์ได้ไม่ดีพอ ขาดพลังจากฐานรากของประชาสังคมสนับสนุน ประเทศไทยจึงอยู่ในวังวนของปัญหาและเสียงเรียกร้องเดิมๆ ต่อไป
อ่านต่อที่ :
https://www.dailynews.co.th/politics/649549
“ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี” พร้อมใช้ ก.ค.2561 วางกรอบทุกภาคส่วนเดินสู่เป้าหมาย ประเทศมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน
ร่างยุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ.2560 คืบหน้า หลังเปิดรับฟังความคิดเห็นครบ 4 ภาค คาดผ่าน สนช. มีผลบังคับใช้ในเดือนก.ค.2561 วางยุทธศาสตร์หลัก 6 ด้าน โฟกัสเรื่องความมั่นคง เศรษฐกิจ มนุษย์ สังคม สิ่งแวดล้อม และการจัดการภาครัฐ เตรียมทำแผนแม่บทลงลึกแนวทางปฏิบัติเป็นกรอบพัฒนาประเทศในอีก 20 ปีข้างหน้า
นายปรเมธี วิมลศิริ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ กล่าวถึงความคืบหน้าในการดำเนินยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีว่า ปัจจุบันร่างยุทธศาสตร์ชาติดำเนินการใกล้แล้วเสร็จ อยู่ในระหว่างการพิจารณาข้อเสนอแนะจากทุกภาคส่วน ภายหลังจากที่ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน หน่วยงานภาครัฐและเอกชนต่างๆ จนครบทั้ง 4 ภาค ตลอดช่วงเดือนกุมภาพันธ์มาปรับปรุงแก้ไข เพื่อให้ได้ยุทธศาสตร์ชาติฉบับที่สมบูรณ์มากที่สุด ซึ่งจะนำเสนอต่อคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติพิจารณาในขั้นต่อไปในเดือนเมษายนนี้
เมื่อคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติพิจารณาแล้วเสร็จ จะนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรี(ครม.) ประมาณต้นเดือนพฤษภาคมนี้ หลังจากนั้นจะนำเสนอขอความเห็นชอบจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) และพร้อมประกาศใช้ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ภายในเดือนกรกฎาคม 2561
ต่อจากนั้นคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติทั้ง 6 ชุด จะไปดำเนินการจัดทำแผนแม่บท เพื่อนำมากำกับการพัฒนาตามยุทธศาสตร์ชาติต่อไป เพื่อวางกรอบการพัฒนาประเทศให้เป็นไปในแนวทางที่เหมาะสม สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงประเทศ ทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และทรัพยากรณ์มนุษย์ให้เหมาะสมต่อไป เนื่องจากปัจจัยทั้งภายในและภายนอกประเทศมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา แผนยุทธศาสตร์ชาติจะเป็นแนวทางการพัฒนาประเทศให้ปรับตัวได้สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงต่างๆ ภายใต้กรอบดำเนินการ 20 ปี เป็นการวางแผนระยะยาว เพื่อกำหนดแนวทางการพัฒนาประเทศในภาพรวมให้เหมาะสมและเท่าทันการเปลี่ยนแปลงทั้ง 6 ยุทธศาสตร์หลัก เพื่อตอบโจทย์การพัฒนาประเทศสู่ความมั่นคงมั่งคั่งและยั่งยืน
นายปรเมธี กล่าวต่อไปว่า การวางกรอบยุทธศาสตร์ชาติได้คำนึงถึงการปฏิบัติได้จริงสอดรับกับสถานการณ์ปัจจุบัน เพราะกำหนดให้มีการประเมินผลแผนงานในทุกปี และสามารถปรับปรุงแก้ไขได้ทุก 5 ปี ให้สอดรับกับเหตุการณ์ความเป็นจริงในปัจจุบัน นอกจากนี้ยังมีมาตรฐานในการวัดค่าความสำเร็จของแผนงานในแต่ละช่วงเวลา ซึ่งมีเกณฑ์มาตรฐานในการวัดค่าความสำเร็จเป็นเปอร์เซ็นต์ด้วย จึงไม่ต้องวิตกกังวลว่าเมื่อกำหนดเป็นแผนระยะยาวแล้วจะล้าสมัย หรือไม่ทันต่อเหตุการณ์
เนื้อหารายละเอียดของยุทธศาสตร์ทั้ง 6 ด้าน ประกอบด้วย ยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคงสร้างสามัคคีสร้างงานสร้างอาชีพ ยุทธศาสตร์ด้านการเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันประเทศ ยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ ที่เน้นสร้างคนพัฒนาจิตใจ ปัญญา และกาย ยุทธศาสตร์ด้านการสร้างความเสมอภาคลดความเหลื่อมล้ำทุกด้าน ยุทธศาสตร์ด้านการสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พัฒนาสิ่งแวดล้อมทั้งทางบก น้ำ และอากาศ และยุทธศาสตร์ด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ เน้นบริการภาครัฐกระชับฉับไวปลอดทุจริต
https://www.khaosod.co.th/economics/news_888378
ก็เพิ่งเริ่มมีคำว่ายุทธศาสตร์ชาติกันในสมัยนี้ยุคลุงตู่นี่เองนะคะ
แล้วที่ผ่านมานี่ เขาใช้ยุทธศาสตร์แค่หาเสียงเลือกตั้งเฉพาะกิจค่ะ
เพียงขอให้ได้เข้ามาเป็นรัฐบาล
ที่เห็นนโยบายล้มเหลวอย่างจำนำข้าวนั่นแหละค่ะ
ประชาชนก็ค่อยๆเรียนรู้ไปเอง นักการเมืองยังไม่เข้าใจยุทธศาสตร์ชาติเลย พูดเพ้อเจ้อกันทุกวัน
และที่คนไทยตกงาน ให้ต่างด้าวเข้ามายึดอาชีพก็เพราะเลือกงานสบายๆ
อ่านโพลแล้วก็อย่าเกี่ยงงานกันเลยนะคะ
📝~มาลาริน~ไม่แปลกใจเลยค่ะ....โพลบอกคนไทยเกินครึ่งไม่รู้จัก "ยุทธศาสตร์ชาติ" เพราะไม่เคยมีมาเลยในสมัยรัฐบาลเลือกตั้ง
ซูเปอร์โพล เผยคนไทยเกินครึ่งไม่รู้"ยุทธศาสตร์ชาติ"คืออะไร ขณะที่วัยทำงานส่วนใหญ่ต้องการความมั่นคงมากกว่าความสงบในประเทศ ชี้หลายอาชีพถูกแย่งงานจากต่างด้าว
เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. นายนพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการ สำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) มูลนิธิ สถาบันวิจัยความสุขชุมชนและความเป็นผู้นำ เปิดเผยผลสำรวจ เรื่อง ประชาชน คิดอย่างไรต่อ ยุทธศาสตร์ชาติ กับ อนาคตของประชาชน และ อนาคตของประเทศไทยที่ต้องการ กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนทุกสาขาอาชีพ จำนวน 1,150 ตัวอย่าง โดยดำเนินโครงการระหว่าง วันที่ 5 - 15 มิ.ย.พบว่า
อนาคตของประชาชนกับอนาคตของประเทศไทยที่ต้องการมากที่สุด ได้แก่ ร้อยละ 29.0 ระบุว่า ประชาชนคนไทยต้องมีงานทำมั่นคง มีเงินพอค่าครองชีพ ไม่ถูกคนต่างด้าวแย่งอาชีพ รองลงมาคือร้อยละ 22.6 ระบุ บ้านเมืองสงบสุข ไม่วุ่นวาย อันดับสาม ได้แก่ ร้อยละ 17.3 ระบุ ประชาชนมีระเบียบวินัย มีการบังคับใช้กฎหมายจริงจังต่อเนื่อง
จากการสัมภาษณ์เจาะลึกกลุ่มคนไทยวัยทำงานถึงเหตุผลว่า ทำไมเรื่อง การมีงานทำมั่นคง จึงขึ้นมาเป็นอันดับแรกแซงหน้าความสงบสุขของบ้านเมือง พบว่า คนไทยส่วนใหญ่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อความไม่สงบ แต่ปัญหาคนไทยไม่มีงานทำที่มั่นคงกระทบต่อคนไทยจำนวนมาก คนตอบส่วนใหญ่ให้เหตุผลว่า ทุกวันนี้คนไทยถูกแย่งอาชีพหลายอย่างที่เคยทำอยู่อย่างมั่นคงต่อเนื่องมา บางพื้นที่แรงงานต่างด้าวผันตัวเองมาเป็นเจ้าของค้าขายจำนวนมาก เช่น อาชีพค้าขายอิสระ ขายผักขายปลา ขายผลไม้ในตลาดสด อาชีพทำอาหาร
คนไทยถูกผลักออกไปทำอาชีพอิสระไม่มั่นคง หาเช้ากินค่ำ ไม่พอค่าครองชีพหันไปขายของออนไลน์ก็ไม่มีหน่วยงานรัฐใดสนับสนุนส่งเสริม ชีวิตเป็นไปตามยถากรรม บางคนจึงไปเล่นพนัน หวังรวยทางลัด ค้ายาเสพติด ก่ออาชญากรรม หลอกลวงต้มตุ๋น ฉ้อโกง ติดคุกมีคดีติดตัว ขาดหน่วยงานรัฐดูแลชีวิตการงานของคนไทยให้มั่นคง นอกจากนี้ อาจกล่าวได้ว่า แย่แล้ว ที่ผลสำรวจพบว่า คนไทยส่วนใหญ่หรือร้อยละ 64.0 เคยได้ยินคำว่า ยุทธศาสตร์ชาติ แต่ เกินครึ่งหรือร้อยละ 54.9 ไม่รู้ว่า ยุทธศาสตร์ชาติคืออะไร และส่วนใหญ่หรือร้อยละ 90.2 ระบุ จำเป็นต้องมียุทธศาสตร์ชาติ ด้วยภาษาง่ายๆ ชาวบ้านจำได้ง่าย จะได้ช่วยกันปกป้องผลประโยชน์ชาติร่วมกันได้ดีขึ้น
ผอ.ซูเปอร์โพล กล่าวว่า ที่ผ่านมาคนจัดทำยุทธศาสตร์เขียนยุทธศาสตร์ชาติออกมาเยอะเกินไป โดยใช้ภาษาวิชาการห่างไกลตัวประชาชนและขาดกลยุทธ์ในการสื่อสารกับประชาชน ยิ่งไปกว่านั้นคนออกแบบยุทธศาสตร์มุ่งแต่ใช้อำนาจรัฐ (State Power) ทำให้เกิดการเน้นการใช้กองกำลังปฏิบัติการที่ใช้งบประมาณสูง แต่ลงทุนด้านการหาข้อมูลที่ถูกต้องแม่นยำน้อยมากในการออกแบบยุทธศาสตร์ และให้ความสำคัญน้อย เช่นกันกับอำนาจจากภาคประชาชน (Non-State Power) ทำให้ออกแบบยุทธศาสตร์ได้ไม่ดีพอ ขาดพลังจากฐานรากของประชาสังคมสนับสนุน ประเทศไทยจึงอยู่ในวังวนของปัญหาและเสียงเรียกร้องเดิมๆ ต่อไป
อ่านต่อที่ : https://www.dailynews.co.th/politics/649549
“ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี” พร้อมใช้ ก.ค.2561 วางกรอบทุกภาคส่วนเดินสู่เป้าหมาย ประเทศมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน
ร่างยุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ.2560 คืบหน้า หลังเปิดรับฟังความคิดเห็นครบ 4 ภาค คาดผ่าน สนช. มีผลบังคับใช้ในเดือนก.ค.2561 วางยุทธศาสตร์หลัก 6 ด้าน โฟกัสเรื่องความมั่นคง เศรษฐกิจ มนุษย์ สังคม สิ่งแวดล้อม และการจัดการภาครัฐ เตรียมทำแผนแม่บทลงลึกแนวทางปฏิบัติเป็นกรอบพัฒนาประเทศในอีก 20 ปีข้างหน้า
นายปรเมธี วิมลศิริ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ กล่าวถึงความคืบหน้าในการดำเนินยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีว่า ปัจจุบันร่างยุทธศาสตร์ชาติดำเนินการใกล้แล้วเสร็จ อยู่ในระหว่างการพิจารณาข้อเสนอแนะจากทุกภาคส่วน ภายหลังจากที่ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน หน่วยงานภาครัฐและเอกชนต่างๆ จนครบทั้ง 4 ภาค ตลอดช่วงเดือนกุมภาพันธ์มาปรับปรุงแก้ไข เพื่อให้ได้ยุทธศาสตร์ชาติฉบับที่สมบูรณ์มากที่สุด ซึ่งจะนำเสนอต่อคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติพิจารณาในขั้นต่อไปในเดือนเมษายนนี้
เมื่อคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติพิจารณาแล้วเสร็จ จะนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรี(ครม.) ประมาณต้นเดือนพฤษภาคมนี้ หลังจากนั้นจะนำเสนอขอความเห็นชอบจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) และพร้อมประกาศใช้ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ภายในเดือนกรกฎาคม 2561
ต่อจากนั้นคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติทั้ง 6 ชุด จะไปดำเนินการจัดทำแผนแม่บท เพื่อนำมากำกับการพัฒนาตามยุทธศาสตร์ชาติต่อไป เพื่อวางกรอบการพัฒนาประเทศให้เป็นไปในแนวทางที่เหมาะสม สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงประเทศ ทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และทรัพยากรณ์มนุษย์ให้เหมาะสมต่อไป เนื่องจากปัจจัยทั้งภายในและภายนอกประเทศมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา แผนยุทธศาสตร์ชาติจะเป็นแนวทางการพัฒนาประเทศให้ปรับตัวได้สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงต่างๆ ภายใต้กรอบดำเนินการ 20 ปี เป็นการวางแผนระยะยาว เพื่อกำหนดแนวทางการพัฒนาประเทศในภาพรวมให้เหมาะสมและเท่าทันการเปลี่ยนแปลงทั้ง 6 ยุทธศาสตร์หลัก เพื่อตอบโจทย์การพัฒนาประเทศสู่ความมั่นคงมั่งคั่งและยั่งยืน
นายปรเมธี กล่าวต่อไปว่า การวางกรอบยุทธศาสตร์ชาติได้คำนึงถึงการปฏิบัติได้จริงสอดรับกับสถานการณ์ปัจจุบัน เพราะกำหนดให้มีการประเมินผลแผนงานในทุกปี และสามารถปรับปรุงแก้ไขได้ทุก 5 ปี ให้สอดรับกับเหตุการณ์ความเป็นจริงในปัจจุบัน นอกจากนี้ยังมีมาตรฐานในการวัดค่าความสำเร็จของแผนงานในแต่ละช่วงเวลา ซึ่งมีเกณฑ์มาตรฐานในการวัดค่าความสำเร็จเป็นเปอร์เซ็นต์ด้วย จึงไม่ต้องวิตกกังวลว่าเมื่อกำหนดเป็นแผนระยะยาวแล้วจะล้าสมัย หรือไม่ทันต่อเหตุการณ์
เนื้อหารายละเอียดของยุทธศาสตร์ทั้ง 6 ด้าน ประกอบด้วย ยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคงสร้างสามัคคีสร้างงานสร้างอาชีพ ยุทธศาสตร์ด้านการเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันประเทศ ยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ ที่เน้นสร้างคนพัฒนาจิตใจ ปัญญา และกาย ยุทธศาสตร์ด้านการสร้างความเสมอภาคลดความเหลื่อมล้ำทุกด้าน ยุทธศาสตร์ด้านการสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พัฒนาสิ่งแวดล้อมทั้งทางบก น้ำ และอากาศ และยุทธศาสตร์ด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ เน้นบริการภาครัฐกระชับฉับไวปลอดทุจริต
https://www.khaosod.co.th/economics/news_888378
ก็เพิ่งเริ่มมีคำว่ายุทธศาสตร์ชาติกันในสมัยนี้ยุคลุงตู่นี่เองนะคะ
แล้วที่ผ่านมานี่ เขาใช้ยุทธศาสตร์แค่หาเสียงเลือกตั้งเฉพาะกิจค่ะ
เพียงขอให้ได้เข้ามาเป็นรัฐบาล
ที่เห็นนโยบายล้มเหลวอย่างจำนำข้าวนั่นแหละค่ะ
ประชาชนก็ค่อยๆเรียนรู้ไปเอง นักการเมืองยังไม่เข้าใจยุทธศาสตร์ชาติเลย พูดเพ้อเจ้อกันทุกวัน
และที่คนไทยตกงาน ให้ต่างด้าวเข้ามายึดอาชีพก็เพราะเลือกงานสบายๆ
อ่านโพลแล้วก็อย่าเกี่ยงงานกันเลยนะคะ