สวัสดีค่ะ ทุกๆคน
ก่อนอื่นเราต้องแจ้งก่อนว่า ปกติแล้วเราเป็นคนไม่อ่านกระทู้พันทิปอะไรเลย ไม่เคยมีสมาชิกเลย จนวันนี้รู้สึกว่าการอ่านกระทู้มันคือกำลังใจอีกช่องทางนึงค่ะ
เราอายุ26ปี เรียนจบปริญญาโท ทำงานบริษัทเอกชน และกำลังจะแต่งงานในเดือนกรกฎาคม 2561 ชีวิตดูเพอเฟคลงตัวไปหมดเลย จนวันที่ 6 มิย 2561 เอ็กซเร่ปอดแล้วพบก้อนเนื้อที่ปอดสองข้างบริเวณขั้วปอดด้านบนลักษณะคล้ายวงรี มีขนาด 8x16 ซม. (คุณแม่เป็นคนพาไป รพ. เนื่องจากว่าเห็นเราไอแห้ง มาเดือนกว่า ดูเราโทรมและผอมลง ) พอหมอแจ้งว่าพบก้อนเนื้อ และได้เห็นภาพที่หน้าจอคอม...ตกใจมากค่ะ หยุดหายใจไปชั่วขณะ ชอคมากค่ะ ในหัวตอนนั้นเกิดคำถามมากมายว่า”อะไรอะ , ก้อนอะไร,ทำไมถึงมี??”
หมอก็นัดมาวันที่ 7 มิย 2561 เพื่อพบหมอเฉพาะทางอีกครั้ง ในวันที่พบหมอเฉพาะทาง หมอเห็นภาพเอ็กซเร่ก็ค่อนข้างตกใจและบอกว่าก้อนใหญ่มากนะ และอยู่บริเวณทางเดินหายใจ หมอได้ให้เจาะเลือดไป6หลอด เพื่อตรวจเช็คค่าของเลือด และหมอก็สอบถามว่า ครอบครัวมีใครเป็นมะเร็งหรือเนื้องอกอะไรมั้ย เราตอบว่าไม่มีค่ะ.. หมอนัดทำMRIด่วน ในวันที่ 11 มิย 2561 หลังจากทำMRI เสร็จ วันที่ 14 มิย 2561 ผลของMRIก็ออกมาว่า ก้อนนี้อยู่ในกลุ่มของ Lymphoma (มะเร็งต่อมน้ำเหลือง) และ เนื้องอกที่ต่อมไทมัส คุณหมอนัดให้พบคุณหมอที่ท่านที่เฉพาะทางด้านนี้โดยตรง ในวันที่ 15 มิย 2561 คุณหมอดูภาพจากMRIและก็แจ้งว่า มันเป็นก้อนเนื้อที่มีขนาดใหญ่ และควรรีบดำเนินการรักษา เราเลยถามคุณหมอว่า สรุปแล้ว เราเป็นมะเร็งใช่มั้ย .... คุณหมอบอกว่า “ใช่” แต่ไม่รู้ว่าเป็นมะเร็งชนิดไหน ต้องผ่าตัดเอาชิ้นเนื้อไปตรวจก่อนเพื่อดูว่าเป็นมะเร็งชนิดไหน ระยะใด และรักษายังไง!! คุณหมอจึงนัดผ่าตัดชิ้นเนื้อในวันที่ 21 มิย 2561 นี้ค่ะ ทุกอย่างดูรวดเร็วไปหมด จนเราตั้งตัวไม่ทัน เราเป็นคนตรวจสุขภาพทุกปี เอ็กซเร่ปอดทุกปี ล่าสุดเมื่อต้นธันวาคม 2560 ปอดยังปกติอยู่เลย นั่นหมายความว่า ก้อนเนื้อที่อยู่ในปอด ขนาด8x16 ซม ใช้เวลาเติบโต 6 เดือน ซึ่งเร็วมากๆ
ตอนแรกคิดว่าจะไม่บอกใครเลยว่ามีก้อนเนื้อ ไม่กล้าบอกแฟน ไม่กล้าบอกเพื่อน แต่ภายในวันที่พบก้อนเนื้อที่เจอวันแรก เราได้รวบรวมสติ และเล่าให้แฟนฟัง ว่าเรามีก้อนเนื้อที่ปอดนะ ขนาดเท่านี้ๆ สิ่งที่ได้ยินกลับมาคือ “ ไม่เป็นไรนะ จะเป็นอะไรก็รักษาได้ทั้งนั้น สมัยนี้การแพทย์ดีมาก” แฟนไม่มีความตกใจหรือความเครียดออกมาให้เรารู้สึกแย่เลย ให้กำลังใจดีมากๆ จนกระทั่งรู้ว่าเป็นมะเร็งจิงๆ เราก็บอกแฟนว่าเป็นมะเร็งนะ (ในใจค่อนข้างสงสารแฟนว่าจะแต่งงานกันอยู่แล้ว) แฟนพูดกับเราว่า “เป็นมะเร็งก็รักษาได้ ถือว่าเราพบเร็วมาก อายุยังน้อย ไม่ว่าหมอจะรักษาด้วยแนวทางไหน เราจะมีเอฟเฟคกับการรักษายังไง ก็ไม่เป็นไรนะ ต่อให้เราจะไม่มีผม โทรม ยังไงก็ไม่เป็นไร ไม่ต้องกลัวว่าหลังแต่งงานเราจะไม่สวย ความสวยไม่ได้อยู่ที่ภายนอกอย่างเดียวมันอยู่ที่ข้างในของเราเอง เราอาจจะไม่ปกติแค่ช่วงนึง แต่เพื่ออยู่อีก50ปี ขอให้เราสู้ไปกับเค้า ยิ้มให้เค้า และจับมือไปด้วยกัน เรื่องงานแต่งก็ดำเนินต่อไป ตามกำหนดเดิม ในเมื่ออุปสรรคมันมีมาแล้ว เราต้องผ่านมันไปให้ได้ วันงานเรามีหน้าที่ทำตัวเองให้สวยที่สุดและยิ้มอยู่ข้างๆเค้าก็พอ“ คำพูดเหล่านี้สร้างพลังในการต่อสู้มากมาย ไม่เพียงแต่แฟนของเราอย่างเดียว คุณแม่ น้องสาว และเพื่อนๆ ต่างให้กำลังใจดีมากๆ ดูแลเราดีมาก
ในข่าวร้ายยังมีความโชคดีหลายๆเรื่องของเรามากมาย ดังนี้
1. การพบก่อนถือว่าโชคดี ถือว่าพบเร็ว
2. มีเพื่อนที่ดีมากคอยให้กำลังใจและพร้อมอยู่เคียงข้าง
3.มีแฟนที่ดีมาก ที่คอยอยู่ข้างๆและสู้ไปด้วยกัน
4.ครอบครัวที่น่ารัก
5. การดำเนินการของคุณหมอรวดเร็วมาก คุณหมอใส่ใจเรามากๆ
ยอมรับนะคะ ว่าตอนทราบแรกๆร้องไห้ในห้องน้ำคนเดียว เพราะไม่อยากให้คุณแม่เห็นเราร้องไห้ ด้วยตัวท่านเองก็เครียดอยู่แล้ว เราไม่อยากให้คนรอบข้างเราต้องมาเครียดกับเราและมาเศร้ากับเรา ทุกคนรอบข้างเรา เป็นห่วงเรามากๆ สงสารเรามากๆ ดังนั้น เราจะเอากำลังใจเหล่านี้ต่อสู้กับสิ่งที่มันเกิดขึ้นแล้ว ไม่ว่าผลชิ้นเนื้อจะออกเป็นยังไง ต้องรักษายังไง เราไม่กลัวค่ะ เรามั่นใจว่าเราหาย เราไม่ได้ต่อสู้แค่คนเดียวหรือต่อสู้ลำพัง เรามีกำลังใจล้นมาก ในการต่อสู้ครั้งนี้
เวลาใครถามว่าเราเป็นอะไร ป่วยเป็นอะไร เราก็ตอบเค้าไปว่า “เป็นมะเร็งค่ะ” หากเราอยู่กับความจริงได้ เรายอมรับมันได้ เราเชื่อว่า เราจะชนะมันค่ะ เราเชื่ออยู่อย่างนึงนะคะ ต่อให้มีการรักษาดีแค่ไหน ถ้า ใจ เราอ่อนแอ มันก็ไม่ช่วยอะไรค่ะ ถ้า ใจ เราแข็งแกร่งซะอย่าง ก้อนเนื้อ 8x16ซม ก็ต้องแพ้ค่ะ
ขอบคุณทุกคนที่อ่านกระทู้นี้นะคะ
ขอเป็นกำลังใจให้คนที่กำลังท้อ ให้สู้ๆนะคะ
คาดไม่ถึงว่าจะเป็นมะเร็ง.....ในเมื่อเป็นแล้ว สู้เท่านั้นค่ะ
ก่อนอื่นเราต้องแจ้งก่อนว่า ปกติแล้วเราเป็นคนไม่อ่านกระทู้พันทิปอะไรเลย ไม่เคยมีสมาชิกเลย จนวันนี้รู้สึกว่าการอ่านกระทู้มันคือกำลังใจอีกช่องทางนึงค่ะ
เราอายุ26ปี เรียนจบปริญญาโท ทำงานบริษัทเอกชน และกำลังจะแต่งงานในเดือนกรกฎาคม 2561 ชีวิตดูเพอเฟคลงตัวไปหมดเลย จนวันที่ 6 มิย 2561 เอ็กซเร่ปอดแล้วพบก้อนเนื้อที่ปอดสองข้างบริเวณขั้วปอดด้านบนลักษณะคล้ายวงรี มีขนาด 8x16 ซม. (คุณแม่เป็นคนพาไป รพ. เนื่องจากว่าเห็นเราไอแห้ง มาเดือนกว่า ดูเราโทรมและผอมลง ) พอหมอแจ้งว่าพบก้อนเนื้อ และได้เห็นภาพที่หน้าจอคอม...ตกใจมากค่ะ หยุดหายใจไปชั่วขณะ ชอคมากค่ะ ในหัวตอนนั้นเกิดคำถามมากมายว่า”อะไรอะ , ก้อนอะไร,ทำไมถึงมี??”
หมอก็นัดมาวันที่ 7 มิย 2561 เพื่อพบหมอเฉพาะทางอีกครั้ง ในวันที่พบหมอเฉพาะทาง หมอเห็นภาพเอ็กซเร่ก็ค่อนข้างตกใจและบอกว่าก้อนใหญ่มากนะ และอยู่บริเวณทางเดินหายใจ หมอได้ให้เจาะเลือดไป6หลอด เพื่อตรวจเช็คค่าของเลือด และหมอก็สอบถามว่า ครอบครัวมีใครเป็นมะเร็งหรือเนื้องอกอะไรมั้ย เราตอบว่าไม่มีค่ะ.. หมอนัดทำMRIด่วน ในวันที่ 11 มิย 2561 หลังจากทำMRI เสร็จ วันที่ 14 มิย 2561 ผลของMRIก็ออกมาว่า ก้อนนี้อยู่ในกลุ่มของ Lymphoma (มะเร็งต่อมน้ำเหลือง) และ เนื้องอกที่ต่อมไทมัส คุณหมอนัดให้พบคุณหมอที่ท่านที่เฉพาะทางด้านนี้โดยตรง ในวันที่ 15 มิย 2561 คุณหมอดูภาพจากMRIและก็แจ้งว่า มันเป็นก้อนเนื้อที่มีขนาดใหญ่ และควรรีบดำเนินการรักษา เราเลยถามคุณหมอว่า สรุปแล้ว เราเป็นมะเร็งใช่มั้ย .... คุณหมอบอกว่า “ใช่” แต่ไม่รู้ว่าเป็นมะเร็งชนิดไหน ต้องผ่าตัดเอาชิ้นเนื้อไปตรวจก่อนเพื่อดูว่าเป็นมะเร็งชนิดไหน ระยะใด และรักษายังไง!! คุณหมอจึงนัดผ่าตัดชิ้นเนื้อในวันที่ 21 มิย 2561 นี้ค่ะ ทุกอย่างดูรวดเร็วไปหมด จนเราตั้งตัวไม่ทัน เราเป็นคนตรวจสุขภาพทุกปี เอ็กซเร่ปอดทุกปี ล่าสุดเมื่อต้นธันวาคม 2560 ปอดยังปกติอยู่เลย นั่นหมายความว่า ก้อนเนื้อที่อยู่ในปอด ขนาด8x16 ซม ใช้เวลาเติบโต 6 เดือน ซึ่งเร็วมากๆ
ตอนแรกคิดว่าจะไม่บอกใครเลยว่ามีก้อนเนื้อ ไม่กล้าบอกแฟน ไม่กล้าบอกเพื่อน แต่ภายในวันที่พบก้อนเนื้อที่เจอวันแรก เราได้รวบรวมสติ และเล่าให้แฟนฟัง ว่าเรามีก้อนเนื้อที่ปอดนะ ขนาดเท่านี้ๆ สิ่งที่ได้ยินกลับมาคือ “ ไม่เป็นไรนะ จะเป็นอะไรก็รักษาได้ทั้งนั้น สมัยนี้การแพทย์ดีมาก” แฟนไม่มีความตกใจหรือความเครียดออกมาให้เรารู้สึกแย่เลย ให้กำลังใจดีมากๆ จนกระทั่งรู้ว่าเป็นมะเร็งจิงๆ เราก็บอกแฟนว่าเป็นมะเร็งนะ (ในใจค่อนข้างสงสารแฟนว่าจะแต่งงานกันอยู่แล้ว) แฟนพูดกับเราว่า “เป็นมะเร็งก็รักษาได้ ถือว่าเราพบเร็วมาก อายุยังน้อย ไม่ว่าหมอจะรักษาด้วยแนวทางไหน เราจะมีเอฟเฟคกับการรักษายังไง ก็ไม่เป็นไรนะ ต่อให้เราจะไม่มีผม โทรม ยังไงก็ไม่เป็นไร ไม่ต้องกลัวว่าหลังแต่งงานเราจะไม่สวย ความสวยไม่ได้อยู่ที่ภายนอกอย่างเดียวมันอยู่ที่ข้างในของเราเอง เราอาจจะไม่ปกติแค่ช่วงนึง แต่เพื่ออยู่อีก50ปี ขอให้เราสู้ไปกับเค้า ยิ้มให้เค้า และจับมือไปด้วยกัน เรื่องงานแต่งก็ดำเนินต่อไป ตามกำหนดเดิม ในเมื่ออุปสรรคมันมีมาแล้ว เราต้องผ่านมันไปให้ได้ วันงานเรามีหน้าที่ทำตัวเองให้สวยที่สุดและยิ้มอยู่ข้างๆเค้าก็พอ“ คำพูดเหล่านี้สร้างพลังในการต่อสู้มากมาย ไม่เพียงแต่แฟนของเราอย่างเดียว คุณแม่ น้องสาว และเพื่อนๆ ต่างให้กำลังใจดีมากๆ ดูแลเราดีมาก
ในข่าวร้ายยังมีความโชคดีหลายๆเรื่องของเรามากมาย ดังนี้
1. การพบก่อนถือว่าโชคดี ถือว่าพบเร็ว
2. มีเพื่อนที่ดีมากคอยให้กำลังใจและพร้อมอยู่เคียงข้าง
3.มีแฟนที่ดีมาก ที่คอยอยู่ข้างๆและสู้ไปด้วยกัน
4.ครอบครัวที่น่ารัก
5. การดำเนินการของคุณหมอรวดเร็วมาก คุณหมอใส่ใจเรามากๆ
ยอมรับนะคะ ว่าตอนทราบแรกๆร้องไห้ในห้องน้ำคนเดียว เพราะไม่อยากให้คุณแม่เห็นเราร้องไห้ ด้วยตัวท่านเองก็เครียดอยู่แล้ว เราไม่อยากให้คนรอบข้างเราต้องมาเครียดกับเราและมาเศร้ากับเรา ทุกคนรอบข้างเรา เป็นห่วงเรามากๆ สงสารเรามากๆ ดังนั้น เราจะเอากำลังใจเหล่านี้ต่อสู้กับสิ่งที่มันเกิดขึ้นแล้ว ไม่ว่าผลชิ้นเนื้อจะออกเป็นยังไง ต้องรักษายังไง เราไม่กลัวค่ะ เรามั่นใจว่าเราหาย เราไม่ได้ต่อสู้แค่คนเดียวหรือต่อสู้ลำพัง เรามีกำลังใจล้นมาก ในการต่อสู้ครั้งนี้
เวลาใครถามว่าเราเป็นอะไร ป่วยเป็นอะไร เราก็ตอบเค้าไปว่า “เป็นมะเร็งค่ะ” หากเราอยู่กับความจริงได้ เรายอมรับมันได้ เราเชื่อว่า เราจะชนะมันค่ะ เราเชื่ออยู่อย่างนึงนะคะ ต่อให้มีการรักษาดีแค่ไหน ถ้า ใจ เราอ่อนแอ มันก็ไม่ช่วยอะไรค่ะ ถ้า ใจ เราแข็งแกร่งซะอย่าง ก้อนเนื้อ 8x16ซม ก็ต้องแพ้ค่ะ
ขอบคุณทุกคนที่อ่านกระทู้นี้นะคะ
ขอเป็นกำลังใจให้คนที่กำลังท้อ ให้สู้ๆนะคะ