######################
สิ่งที่เพฺลิดเพฺลิน ความติดใจยิ่ง
######################
พุทธวจน
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนชายผู้กำหนัด มีจิตปฏิพัทธ์พอใจอย่างแรงกล้า มุ่งหมายอย่างแรงกล้าในหญิง ;
เขาเห็นหญิงนั้นยืนพูดจากระซิกกระซี้ร่าเริงอยู่กับชายอื่น ดูกรภิกษุทั้งหลาย พวกเธอจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน ;
ความโศก ความรำพัน ความทุกข์กาย ความทุกข์ใจและความคับแค้นใจ จะพึงเกิดขึ้นแก่ชายนั้น;
เพราะเห็นหญิงคนโน้นยืนพูดจากระซิกกระซี้ร่าเริงอยู่กับชายอื่นบ้างหรือไม่ ฯ ;
พวกภิกษุทูลว่า ต้องเป็นเช่นนั้น พระพุทธเจ้าข้า ฯ;
ข้อนั้นเพราะเหตุไร ฯ ;
พระพุทธเจ้าข้า เพราะชายคนโน้นกำหนัดนักแล้ว มีจิตปฏิพัทธ์พอใจอย่างแรงกล้า ;
มุ่งหมายอย่างแรงกล้าในหญิงคนโน้น ;
ฉะนั้น ความโศกความรำพัน ความทุกข์กาย ความทุกข์ใจและความคับแค้นใจ จึงเกิดขึ้นได้แก่เขา ;
เพราะเห็นหญิงนั้นยืนพูดจากระซิกกระซี้ร่าเริงอยู่กับชายอื่น ฯ;
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ต่อมาชายคนนั้นมีความดำริอย่างนี้ว่า เรากำหนัดนักแล้ว ;
มี จิตปฏิพัทธ์ พอใจอย่างแรงกล้า มุ่งหมายอย่างแรงกล้าในหญิงคนโน้น ;
ความโศก ความรำพัน ความทุกข์กาย ความทุกข์ใจและความคับแค้นใจ จึงเกิดขึ้นแก่เราได้;
เพราะเห็นหญิงคนโน้นยืนพูดจากระซิกกระซี้ ร่าเริงอยู่กับชายอื่น ;
อย่ากระนั้นเลย เราพึงละความกำหนัดพอใจในหญิงคนโน้นที่เรามีนั้นเสียเถิด เขาจึงละความกำหนัดพอใจในหญิงคนโน้นนั้นเสีย;
สมัยต่อมาเขาเห็นหญิงคนนั้นยืนพูดจากระซิกกระซี้ร่าเริงอยู่กับชายอื่น ดูกรภิกษุทั้งหลายพวกเธอจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน ความโศก ความรำพัน ความทุกข์กาย ความทุกข์ใจ และความคับแค้นใจ จะพึงเกิดขึ้นแก่ชายนั้น เพราะเห็นหญิงคนโน้นยืนพูดจากระซิกกระซี้ร่าเริงอยู่กับชายอื่นบ้างหรือไม่ ฯ
ข้อนั้นหามิได้ พระพุทธเจ้าข้า ฯ ;
ข้อนั้นเพราะเหตุอะไร ฯ ;
พระพุทธเจ้าข้า เพราะชายคนโน้น คลายกำหนัดในหญิงคนโน้นแล้ว ฉะนั้น ความโศก ความรำพัน ความทุกข์กาย ความทุกข์ใจ และความคับแค้นใจ จึงไม่เกิดขึ้นแก่เขาเพราะเห็นหญิงนั้นยืนพูดกระซิกกระซี้ร่าเริงอยู่กับชายอื่น ฯ
รูปที่เห็นด้วยตา, เสียงที่ฟังด้วยหู,;
กลิ่นที่ดมด้วยจมูก,;
รสที่ลิ้มด้วยลิ้น;
และโผฏฐัพพะที่สัมผัสด้วยผิวกาย;
อันเป็นสิ่งที่น่าปรารถนา น่ารักใคร่ น่าพอใจ;
มีลักษณะน่ารัก;
เป็นที่เข้าไปตั้งอาศัยอยู่แห่งความใคร่;
เป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัด.;
ภิกษุทั้งหลาย ! กามคุณมี ๕ อย่าง เหล่านี้แล.;
ภิกษุทั้งหลาย ! ชนเหล่าใด จะเป็นสมณะหรือพราหมณ์ก็ตาม
ติดอกติดใจ สยบอยู่ เมาหมกอยู่ ในกามคุณ ๕ อย่างเหล่านี้แล้ว
ไม่มองเห็นส่วนที่เป็นโทษ
ไม่เป็นผู้รู้แจ่มแจ้งในอุบายเป็นเครื่องออกไปจากทุกข์
ทำการบริโภคกามคุณทั้ง ๕ นั้นอยู่;
ชนเหล่านั้น อันคนทั้งหลายพึงเข้าใจเถิดว่า
เป็นผู้ถึงความพินาศย่อยยับ
แล้วแต่มารผู้มีบาปต้องการจะทำตามอำเภอใจอย่างใด ดังนี้.
ภิกษุทั้งหลาย ! เปรียบได้ดังเนื้อป่าที่ติดบ่วง นอนจมอยู่ในกองบ่วง
ในลักษณะที่ใครๆ พึงเข้าใจได้ว่ามันจะถึงซึ่งความพินาศย่อยยับ
เป็นไปตามความประสงค์ของพรานทุกประการ,
เมื่อพรานมาถึงเข้า มันจะหนีไปไหนไม่พ้นเลย ดังนี้,
ฉันใดก็ฉันนั้น.
ภิกษุทั้งหลาย ! ส่วนชนเหล่าใด จะเป็นสมณะหรือพราหมณ์ก็ตาม
ไม่ติดใจ ไม่สยบอยู่ ไม่เมาหมกอยู่ ในกามคุณ ๕ เหล่านี้แล้ว
มองเห็นส่วนที่เป็นโทษอยู่
เป็นผู้รู้แจ่มแจ้งในอุบายเป็นเครื่องออกไปจากทุกข์
บริโภคกามคุณทั้ง ๕ นั้นอยู่;
ชนเหล่านั้น อันคนทั้งหลายพึงเข้าใจได้อย่างนี้ว่า
เป็นผู้ไม่ถึงความพินาศย่อยยับ
ไปตามความประสงค์ของมารผู้มีบาปแต่อย่างใด ดังนี้.
ภิกษุทั้งหลาย ! ปรียบเหมือนเนื้อป่าตัวที่ไม่ติดบ่วง
แม้นอนจมอยู่บนกองบ่วง
มันก็เป็นสัตว์ที่ใครๆ พึงเข้าใจได้ว่า
เป็นสัตว์ที่ไม่ถึงความพินาศย่อยยับไปตามความประสงค์ของพรานแต่อย่างใด,
เมื่อพรานมาถึงเข้า มันจะหลีกหนีไปได้ตามที่ต้องการ ดังนี้,
ฉันใดก็ฉันนั้น.
ยารักษาโรค ธรรมรักษาใจ ผู้ใดไม่มีสิ่งที่เพฺลิดเพฺลิน ความติดใจยิ่ง ผู้นั้นก็ไม่มีทุกข์
สิ่งที่เพฺลิดเพฺลิน ความติดใจยิ่ง
######################
พุทธวจน
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนชายผู้กำหนัด มีจิตปฏิพัทธ์พอใจอย่างแรงกล้า มุ่งหมายอย่างแรงกล้าในหญิง ;
เขาเห็นหญิงนั้นยืนพูดจากระซิกกระซี้ร่าเริงอยู่กับชายอื่น ดูกรภิกษุทั้งหลาย พวกเธอจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน ;
ความโศก ความรำพัน ความทุกข์กาย ความทุกข์ใจและความคับแค้นใจ จะพึงเกิดขึ้นแก่ชายนั้น;
เพราะเห็นหญิงคนโน้นยืนพูดจากระซิกกระซี้ร่าเริงอยู่กับชายอื่นบ้างหรือไม่ ฯ ;
พวกภิกษุทูลว่า ต้องเป็นเช่นนั้น พระพุทธเจ้าข้า ฯ;
ข้อนั้นเพราะเหตุไร ฯ ;
พระพุทธเจ้าข้า เพราะชายคนโน้นกำหนัดนักแล้ว มีจิตปฏิพัทธ์พอใจอย่างแรงกล้า ;
มุ่งหมายอย่างแรงกล้าในหญิงคนโน้น ;
ฉะนั้น ความโศกความรำพัน ความทุกข์กาย ความทุกข์ใจและความคับแค้นใจ จึงเกิดขึ้นได้แก่เขา ;
เพราะเห็นหญิงนั้นยืนพูดจากระซิกกระซี้ร่าเริงอยู่กับชายอื่น ฯ;
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ต่อมาชายคนนั้นมีความดำริอย่างนี้ว่า เรากำหนัดนักแล้ว ;
มี จิตปฏิพัทธ์ พอใจอย่างแรงกล้า มุ่งหมายอย่างแรงกล้าในหญิงคนโน้น ;
ความโศก ความรำพัน ความทุกข์กาย ความทุกข์ใจและความคับแค้นใจ จึงเกิดขึ้นแก่เราได้;
เพราะเห็นหญิงคนโน้นยืนพูดจากระซิกกระซี้ ร่าเริงอยู่กับชายอื่น ;
อย่ากระนั้นเลย เราพึงละความกำหนัดพอใจในหญิงคนโน้นที่เรามีนั้นเสียเถิด เขาจึงละความกำหนัดพอใจในหญิงคนโน้นนั้นเสีย;
สมัยต่อมาเขาเห็นหญิงคนนั้นยืนพูดจากระซิกกระซี้ร่าเริงอยู่กับชายอื่น ดูกรภิกษุทั้งหลายพวกเธอจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน ความโศก ความรำพัน ความทุกข์กาย ความทุกข์ใจ และความคับแค้นใจ จะพึงเกิดขึ้นแก่ชายนั้น เพราะเห็นหญิงคนโน้นยืนพูดจากระซิกกระซี้ร่าเริงอยู่กับชายอื่นบ้างหรือไม่ ฯ
ข้อนั้นหามิได้ พระพุทธเจ้าข้า ฯ ;
ข้อนั้นเพราะเหตุอะไร ฯ ;
พระพุทธเจ้าข้า เพราะชายคนโน้น คลายกำหนัดในหญิงคนโน้นแล้ว ฉะนั้น ความโศก ความรำพัน ความทุกข์กาย ความทุกข์ใจ และความคับแค้นใจ จึงไม่เกิดขึ้นแก่เขาเพราะเห็นหญิงนั้นยืนพูดกระซิกกระซี้ร่าเริงอยู่กับชายอื่น ฯ
รูปที่เห็นด้วยตา, เสียงที่ฟังด้วยหู,;
กลิ่นที่ดมด้วยจมูก,;
รสที่ลิ้มด้วยลิ้น;
และโผฏฐัพพะที่สัมผัสด้วยผิวกาย;
อันเป็นสิ่งที่น่าปรารถนา น่ารักใคร่ น่าพอใจ;
มีลักษณะน่ารัก;
เป็นที่เข้าไปตั้งอาศัยอยู่แห่งความใคร่;
เป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัด.;
ภิกษุทั้งหลาย ! กามคุณมี ๕ อย่าง เหล่านี้แล.;
ภิกษุทั้งหลาย ! ชนเหล่าใด จะเป็นสมณะหรือพราหมณ์ก็ตาม
ติดอกติดใจ สยบอยู่ เมาหมกอยู่ ในกามคุณ ๕ อย่างเหล่านี้แล้ว
ไม่มองเห็นส่วนที่เป็นโทษ
ไม่เป็นผู้รู้แจ่มแจ้งในอุบายเป็นเครื่องออกไปจากทุกข์
ทำการบริโภคกามคุณทั้ง ๕ นั้นอยู่;
ชนเหล่านั้น อันคนทั้งหลายพึงเข้าใจเถิดว่า
เป็นผู้ถึงความพินาศย่อยยับ
แล้วแต่มารผู้มีบาปต้องการจะทำตามอำเภอใจอย่างใด ดังนี้.
ภิกษุทั้งหลาย ! เปรียบได้ดังเนื้อป่าที่ติดบ่วง นอนจมอยู่ในกองบ่วง
ในลักษณะที่ใครๆ พึงเข้าใจได้ว่ามันจะถึงซึ่งความพินาศย่อยยับ
เป็นไปตามความประสงค์ของพรานทุกประการ,
เมื่อพรานมาถึงเข้า มันจะหนีไปไหนไม่พ้นเลย ดังนี้,
ฉันใดก็ฉันนั้น.
ภิกษุทั้งหลาย ! ส่วนชนเหล่าใด จะเป็นสมณะหรือพราหมณ์ก็ตาม
ไม่ติดใจ ไม่สยบอยู่ ไม่เมาหมกอยู่ ในกามคุณ ๕ เหล่านี้แล้ว
มองเห็นส่วนที่เป็นโทษอยู่
เป็นผู้รู้แจ่มแจ้งในอุบายเป็นเครื่องออกไปจากทุกข์
บริโภคกามคุณทั้ง ๕ นั้นอยู่;
ชนเหล่านั้น อันคนทั้งหลายพึงเข้าใจได้อย่างนี้ว่า
เป็นผู้ไม่ถึงความพินาศย่อยยับ
ไปตามความประสงค์ของมารผู้มีบาปแต่อย่างใด ดังนี้.
ภิกษุทั้งหลาย ! ปรียบเหมือนเนื้อป่าตัวที่ไม่ติดบ่วง
แม้นอนจมอยู่บนกองบ่วง
มันก็เป็นสัตว์ที่ใครๆ พึงเข้าใจได้ว่า
เป็นสัตว์ที่ไม่ถึงความพินาศย่อยยับไปตามความประสงค์ของพรานแต่อย่างใด,
เมื่อพรานมาถึงเข้า มันจะหลีกหนีไปได้ตามที่ต้องการ ดังนี้,
ฉันใดก็ฉันนั้น.