- ของดคำตอบเลือก 2 อย่างนะครับ เพราะถ้าทำได้ทั้ง 2 อย่าง เป็นคำตอบที่ดีที่สุดอยู่แล้ว (ถ้าทำได้) แต่ตอนนี้ภาพความจริงตามข่าวสารต่างๆ สะท้อนมาว่ายังทำไม่ได้ และมีทีท่าว่า ช่องว่างระหว่างรายได้จะมีมากขึ้น จนกล่าวกันทั่วไปว่า รวยกระจุก จนกระจาย
ข้อมูลเพิ่มเติม
- หนี้ครัวเรือนสูงขึ้น
- แนวโน้มการว่างงานสูงขึ้น
- แนวโน้มสังคมสูงอายุใกล้มากขึ้น
- โครงการลงทุน EEC จะช่วยด้าน GDP แต่จะกระจายรายได้สู่ระดับล่างสุดที่กระจายตัวอยู่ทั่วไปทั้งประเทศได้หรือ? เหนือ ใต้ ออก ตก และ อีสาน
- แนวโน้มตลาดโลกที่ต่างพยายามสู้กับภาวะผันผวนของการค้า มีทั้งวิกฤตินานาประเทศ + แนวโน้มการแข่งของสงครามการค้าที่ก่อมากจากอเมริกา
- ค่าครองชีพ ต้นทุนแรงงาน แนวโน้มการนำหุ่นกลมาใช้แทนแรงงานมากขึ้น ต้นทุนการศีกษา เช่น ค่าเทอมเด็ก ที่มีแต่สูงขึ้น และเพิ่มออฟชั่นมามากขึ้นเรื่อยๆ ต้นทุนปัจจัย 4 โดยเฉพาะที่ดิน ตั้งแต่ปรับราคากลางพรวดเดียวเมื่อหลายปีก่อน แม้กระทั่งราคาท้องไร่นา ยันสีลม สาธร ราคาค่ารักษาพยาบาล ราคาอาหาร ราคามอเตอไซต์ 1-3 หมื่น ก็เริ่มลดลงหายไป และเพิ่มเป็น 5-7หมื่น จนถึง ระดับแสน ด้วยฟังชั่นและกลยุทธการตลาดที่เพิ่มขึ้น ค่าบริการบัตรกดเงินสด ที่ทุกแบงค์พยายามให้คนทำในราคาสูงขึ้นด้วยออปชั่นมากขึ้น ทั้งๆที่หลายคนไม่ต้องการเพิ่มออปชั่น และอ้างเหตุว่า บัตรพื้นฐานหมดยังไม่ส่งมา
- ตลาดหุ้นตก ฝรั่งทะยอยขายหุ้นมาเรื่อย และยังไม่หยุดขาย ราคาหุ้นมีการสวิงมากกว่าปกติ และมีจำนวนหุ้นที่มีพฤติกรรมนี้จำนวนมากขึ้น
- รัฐเลือกสร้าง GDP ก่อน และ หวังมาเกลี่ยการกระจายรายได้ จะเป็นไปได้ไหม เพราะท่านก็ถึงจุดใกล้เลือกตั้ง แบบนี้ เท่ากับทิ้งปัญหานี้ไว้ไหม? (เข้าใจและเห็นด้วยว่า EEC ต้องเดินไป ไม่งั้นจะไปหา Mega Project มาจากไหนในยามนี้) หรือเป็นเพียงการสร้างฐานของพรรคการเมืองใหม่ให้เกิดที่ฝั่งตะวันออก เดิม 2สีก็เหนื่อยมาก 3สี ไม่รู้จะเป็นอย่างไร
- อื่นๆ เช่น การลงทุนของไทยในต่างประเทศ สภาพการเมืองภายในประเทศ ปัจจัยที่เอื้อกับการทุจริตของระบบรัฐ ปัจจัยที่เอื้อต่อการลงทุน เช่น Infrastructure เทคโนโลยีใหม่ๆที่มารองรับ ภาวะการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ย ค่าเงินบาท
....ขอมุมมองทุกท่านด้วยครับ ทุกมุมมองที่สร้างสรรค์ด้วยตรรกะเหตุและผลล้วนมีประโยชน์อย่างยิ่ง ขอขอบพระคุณล่วงหน้า
ระหว่าง ตัวเลข GDP ดีขึ้น กับ การกระจายรายได้+ลดค่าครองชีพ คุณอยากเลือกแบบไหน คิดว่าตรงไหนสำคัญกว่ากัน
ข้อมูลเพิ่มเติม
- หนี้ครัวเรือนสูงขึ้น
- แนวโน้มการว่างงานสูงขึ้น
- แนวโน้มสังคมสูงอายุใกล้มากขึ้น
- โครงการลงทุน EEC จะช่วยด้าน GDP แต่จะกระจายรายได้สู่ระดับล่างสุดที่กระจายตัวอยู่ทั่วไปทั้งประเทศได้หรือ? เหนือ ใต้ ออก ตก และ อีสาน
- แนวโน้มตลาดโลกที่ต่างพยายามสู้กับภาวะผันผวนของการค้า มีทั้งวิกฤตินานาประเทศ + แนวโน้มการแข่งของสงครามการค้าที่ก่อมากจากอเมริกา
- ค่าครองชีพ ต้นทุนแรงงาน แนวโน้มการนำหุ่นกลมาใช้แทนแรงงานมากขึ้น ต้นทุนการศีกษา เช่น ค่าเทอมเด็ก ที่มีแต่สูงขึ้น และเพิ่มออฟชั่นมามากขึ้นเรื่อยๆ ต้นทุนปัจจัย 4 โดยเฉพาะที่ดิน ตั้งแต่ปรับราคากลางพรวดเดียวเมื่อหลายปีก่อน แม้กระทั่งราคาท้องไร่นา ยันสีลม สาธร ราคาค่ารักษาพยาบาล ราคาอาหาร ราคามอเตอไซต์ 1-3 หมื่น ก็เริ่มลดลงหายไป และเพิ่มเป็น 5-7หมื่น จนถึง ระดับแสน ด้วยฟังชั่นและกลยุทธการตลาดที่เพิ่มขึ้น ค่าบริการบัตรกดเงินสด ที่ทุกแบงค์พยายามให้คนทำในราคาสูงขึ้นด้วยออปชั่นมากขึ้น ทั้งๆที่หลายคนไม่ต้องการเพิ่มออปชั่น และอ้างเหตุว่า บัตรพื้นฐานหมดยังไม่ส่งมา
- ตลาดหุ้นตก ฝรั่งทะยอยขายหุ้นมาเรื่อย และยังไม่หยุดขาย ราคาหุ้นมีการสวิงมากกว่าปกติ และมีจำนวนหุ้นที่มีพฤติกรรมนี้จำนวนมากขึ้น
- รัฐเลือกสร้าง GDP ก่อน และ หวังมาเกลี่ยการกระจายรายได้ จะเป็นไปได้ไหม เพราะท่านก็ถึงจุดใกล้เลือกตั้ง แบบนี้ เท่ากับทิ้งปัญหานี้ไว้ไหม? (เข้าใจและเห็นด้วยว่า EEC ต้องเดินไป ไม่งั้นจะไปหา Mega Project มาจากไหนในยามนี้) หรือเป็นเพียงการสร้างฐานของพรรคการเมืองใหม่ให้เกิดที่ฝั่งตะวันออก เดิม 2สีก็เหนื่อยมาก 3สี ไม่รู้จะเป็นอย่างไร
- อื่นๆ เช่น การลงทุนของไทยในต่างประเทศ สภาพการเมืองภายในประเทศ ปัจจัยที่เอื้อกับการทุจริตของระบบรัฐ ปัจจัยที่เอื้อต่อการลงทุน เช่น Infrastructure เทคโนโลยีใหม่ๆที่มารองรับ ภาวะการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ย ค่าเงินบาท
....ขอมุมมองทุกท่านด้วยครับ ทุกมุมมองที่สร้างสรรค์ด้วยตรรกะเหตุและผลล้วนมีประโยชน์อย่างยิ่ง ขอขอบพระคุณล่วงหน้า