การพาเด็กเล็กไป รพ.

เมื่อ 2-3 วันก่อน  ได้มีโอกาสแวะไป รพ. จุฬาภรณ์ หลักสี่  รพ. นี้เป็น รพ. เฉพาะทางด้านมะเร็ง  แม้ภายหลังจะเปิดแผนกอื่นๆ เพิ่มขึ้นเพื่อขยายเป็น General Hospital  แต่คนไข้ส่วนใหญ่ก็ยังมารับการรักษาด้วยโรคมะเร็ง

เราตกใจมากค่ะที่พบว่าผู้ปกครองหลายคนพาเด็กมาด้วย  เด็กบางคนโตบ้างแล้ว  ก็วิ่งเล่นกัน  บางครั้งแทบจะชนคนไข้ที่เดินย่องแย่ง  บางครั้งก็ลงไปอยู่กับพื้นมือสัมผัสพื้น  บ้างก็ส่งเสียงดังรบกวนผู้อื่น

ที่น่าตกใจยิ่งไปกว่านั้น  คือเด็กบางคนยังเป็นเด็กอ่อนแบเบาะค่ะ  ยังชันคอไม่ได้  ผู้ปกครองอุ้มพาดบ่าเดินไปเดินมา

เด็กๆ ที่ว่ามานี้แทบทุกคนไม่มีเครื่องป้องกันอะไรเลยค่ะ

ก็เข้าใจนะคะว่าบางครั้งผู้ปกครองมีความจำเป็นต้องพามา เพราะอาจหาคนดูแลไม่ได้  แต่พาเขามาก็น่าจะป้องกันเขาหน่อย  หามาสก์ปิดจมูก  เตือนให้เขานั่งอยู่กับที่ไม่เอามือไม้ไปสัมผัสอะไร  หรือพาหลบไปจุดที่คนว่างๆ

รพ. นี่แหล่งรวมเชื้อโรคนะคะ  ผู้ป่วยไอ จาม เสมหะเอย น้ำเลือดน้ำหนอง สะเก็ดจากโรคผิวหนังเอย  ยิ่งระยะหลังโรคติดต่อหลายโรค โดยเฉพาะโรคทางระบบหายใจที่บ้านเราเคยคุมอยู่ กลับมาอีกตามแรงงานต่างด้าว  เสี่ยงมากที่พาเด็กเข้าที่ชุมชนโดยเฉพาะ รพ.

ที่สำคัญ รพ. จุฬาภรณ์ และ รพ. อื่นที่เป็นเฉพาะทางด้านการรักษามะเร็ง  การตรวจรักษาผู้ป่วยบางครั้งต้องมีการนำสารรังสีเข้าไปในร่างกายผู้ป่วย  สารรังสีพวกนี้แม้จะอยู่ในร่างกายผู้ป่วยก็ยังออกฤทธิ์  พยาบาลจะกำชับตลอดว่าอย่าเข้าใกล้ชิดสตรีมีครรภ์หรือเด็กเล็กในระยะเวลาหนึ่ง  เพราะสารพวกนี้มีผลข้างเคียงต่อการเจริญเติบโตของเซลล์  ผู้ป่วยบางคนแม้พยายามหลีกเลี่ยงแต่ก็มีช่วงจังหวะเช่นเดินไปขำระเงิน ไปรับยา ฯลฯ ที่ต้องผ่านคนอื่น  ไม่รวมถึงผู้ป่วยบางคนที่ไม่ค่อยระวังตัวเองอีก

พยายามอย่าพาเด็กไป รพ. เลยนะคะ  ถ้าจำเป็นจริงๆ หลีกเลี่ยงไม่ได้ต้องพาเด็กไป รพ.  หาเครื่องป้องกันเขาหน่อยนะคะ เช่น มาสก์ปิดจมูก ถุงมือ  พาเขาหลบไปอยู่มุมที่ไม่ค่อยพลุกพล่าน  หรือเตือนเขาอย่าไปสัมผัสอะไร  ล้างมือบ่อยๆ  กลับถึงบ้านรีบอาบน้ำ ถอดเสื้อผ้าออกซักอย่าเก็บเอาไว้ใส่ต่ออีกค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่