มาการีน ยุคนี้ ไม่มี ทรานส์แฟท แล้วหรือ

เดินโลตัสแผนกเบเกอรี่ เห็นเขียนว่าที่โลตัส เบเกอรี่ปราศจากทรานส์แฟททุกชิ้น
สายตาไปเห็นครัวซองมาการีน
ก็ได้ความรู้ใหม่ว่า มาการีนยุคนี้ ไม่มีทรานส์แฟท แล้ว
รบกวน ผู้รู้ ยืนยันทีครับ
หากไม่จริง เท่ากับโลตัสโกหกหรือเปล่า
ขอทราบคำอธิบายจากโลตัสอีกทาง
ครับ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
หากทาง Lotus ประกาศแบบนั้น

แสดงว่าเค้าใช้ trans fat free Margarine ทำขนมน่ะครับ  trans fat free margarine คือ
margarine ที่เปลี่ยนกระบวนการผลิต  จากการใช้ partially hydrogenated oil (น้ำมันที่ผ่านกระบวนการเติม Hydrogen)
ไปเป็น น้ำ หรือ น้ำมันพืช แทนครับ  โดยนำน้ำมันพืชบริสุทธิ์มาผ่านปฏิกิริยา Interesterification
แทนการเติม Hydrogen  ทำให้เกิดการเปลียนสภาพกลายเป็น texture แบบเนยเทียม  โดยปราศจากไขมันทรานส์ครับ

หรือ .... อีกกระบวนการหนึ่งก็คือ  ใช้น้ำมันถั่วเหลืองผ่านกระบวนการ total (fully) Hydrogenation
กระบวนการนี้  ก็จะไม่มีไขมันทรานส์เช่นกันครับ

ทุกวันนี้  Margarine แบบไม่มีไขมันทรานส์  จะมีปริมาณไขมันทรานส์เพียง
ไม่เกิน 0.5 กรัม ต่อ 1 หน่วยบริโภค 15 กรัมครับ  (แบบดั้งเดิมจะมี 5 - 7 กรัม)

ความคิดเห็นที่ 13
ตามกฏหมายถ้าใส่ trans fat ไม่เกิน 0.5 กรัม ต่อ 1 หน่วยบริโภค จะสามารถเขียนบนฉลากได้ว่าไม่มีไขมันทรานส์ หรือทรานส์แฟตฟรี

แม้แต่คุ๊กกี้ที่เป็นต้นเหตุ ให้มีการตื่นตัวเรื่องไขมันทรานส์ทั่วโลก ก็แปะฉลากไร้ทรานส์แฟตได้ เพียงแค่ลดหน่วยบริโภคลงแทน(จากปริมาณให้คนกิน เป็นปริมาณให้มดดม) เช่น 1 ห่อมีคุ๊กกี 30 ชิ้น แต่หนึ่งหน่วยบริโภคคือ 2 ชิ้น ถ้า 2 ชิ้นนั้นมีปริมาณไขมันทรานส์รวมกันไม่เกิน 0.5 กรัมก็เขียนหน้าฉลากว่า "ไร้ไขมันทรานส์" ได้โดยไม่ต้องลดปริมาณไขมันมันทรานส์ในส่วนผสมลงเลย แต่จริงๆแล้วอาจมีไขมันทรานส์ได้ถึง 0.5 * (30/2) = 7.5 กรัม (ปริมาณที่เคยโดนฟ้องเป็นคดีตัวอย่างคือ 5.5 กรัม)

************ คุ๊กกี้ห่อหนึ่ง จะให้กินครึ่งเดือนเลยใช่มะ วันละชิ้นสองชิ้น ใครกินวันละห่อนี่คือโง่เองใช่ป่ะ คนขายไม่เกี่ยวทำตามกฏหมายทุกอย่างแล้ว ************

** ปริมาณทรานส์แฟตที่เป็นขีดอันตรายตามมาตรฐาน อ.ย. โลก คือไม่เกิน 2 กรัมต่อวัน(แต่จริงๆแล้วคุณไม่ควรกินเลยแม้ซัก 0.1 กรัม) ถ้าคุณกินพวก ไร้ทรานแฟตซัก 4 หน่วยบริโภคทรานส์แฟตก็เกิน 2 กรัมได้แล้ว ถึงโรงงานเขาจะทำตามกฏหมายทุกประการ(แต่ในความจริงคือฉลาก กับส่วนผสมจริงมันมักจะแตกต่างกัน 20-30% บางฉลากต่างกันแบบสิ้นเชิงเลย)

Interesterification หรือสูตรใหม่ของ trans fat ก็เช่นกัน หลายๆงานวิจัยเริ่มบอกว่าไม่แตกต่างแถมจะอันตรายกว่าตัว trans fat เดิมซะอีก เพราะตัว Hydrogen เองไม่ใช่สารพิษอะไรเลย trans fat ไม่มีผลอะไรทางพิษวิทยาเลย มันแค่เพิ่มระดับ LDL และลด HDL ของคนเราลงเท่านั้น แต่แค่นั้นแหละที่ทำให้คนเราเป็น เบาหวาน ความดัน โรคหัวใจ-หลอดเลือด-สมอง โรคตับ และสารพัดมะเร็ง การเปลี่ยนไปใช้ Interesterification เป็นแค่การเลี่ยงกฏหมาย

จากวันที่คนรู้อันตรายของ trans fat ผ่านมาก็ 30 ปีได้แล้ว ผลที่ได้ก็แค่นี้แหละ กฏหมายไทยเรื่อง trans fat ยังไม่ออกมาด้วยซ้ำ ออกมาอุตสาหกรรมอาหารก็พลิกแพลง หลอกคนนำหน้ากฏหมายไปได้อีกเป็นสิบๆปี ดังนั้นระวังตัวเองดีที่สุดครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่