….ไม่ "สีกา" ก็ "การเมือง" ที่ทำให้พระเสีย ภาค๔ ตอน "ศึกสังฆราช" ..../วัชรานนท์

กระทู้คำถาม
ตำแหน่งสังฆราชถ้าจะเอาแบบตรงๆ เป็นตำแหน่งที่อุปโลกน์ขึ้นจากฝ่ายโลกเหตุผลหนึ่งก็เพื่อประดับบารมีเจ้าแห่งแว่นแคว้นในโบราณ    เราๆ ท่านๆ มักจะเห็นว่าอำนาจการแต่งตั้งตำแหน่งสังฆราชอย่างแท้จริงนั้นอยู่ที่ฝ่ายบ้านเมือง  หรือถ้าจะพูดให้ตรงเลยก็คือมาจากราชสำนัก   ส่วนกฏหรือขนบธรรมเนียมการแต่งตั้งเป็นเรื่องรอง


การแต่งตั้งตำแหน่ง "สังฆราช" เริ่มซับซ้อนขึ้นเมื่อธรรมยุตินิกายถือกำเนิดขึ้น   และยิ่งมีเชื้อพระวงศ์เข้ามาบวชในภายหลัง  ขนบธรรมเนียมการแต่งตั้งแต่ดั้งเดิมก็ค่อยๆ คลายความขลังลงไป   เพื่อความปลอดภัยของล็อคอินของจขกท. ผมจะไม่ลงในรายละเอียดตรงนี้     สรุปสั้นๆ ว่าสมเด็จพระสังฆราชที่มาจากสามัญชน  ส่วนใหญ่จะใช้พระนามว่า สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปรินายก   ส่วนสมเด็จพระสังฆราชที่มีเชื้อพระวงศ์   ถ้าเป็นเชื้อพระวงศ์ระดับ "พระองค์เจ้า" จะใช้พระราชทินนามว่า "สมเด็จพระมหาสมณเจ้า"  และถ้าเป็นระดับ "หม่อมราชวงศ์" จะใช้พระราชทินนามว่า" สมเด็จพระสังฆราชเจ้า"  


ก่อนการเปลี่ยนแปลง 2475 ตำแหน่งสังฆราชจะถูกครอบครองโดยฝ่ายธรรมยุติมาเป็นเวลาอย่างยาวนาน    ซึ่งเป็นที่พระฝ่ายมหานิกายแอบน้อยอกน้อยใจอยู่ไม่น้อย   อย่างกรณี สมเด็จพุฒาจารย์ (โต พรมรังสี)  แม้ว่าจะคุ้นเคยสนิทสนมกับร.๔ เป็นอย่างดี  เป็นพระเถระทั้งพรรษาและสมณศักดิ์   เมื่อตำแหน่งสังฆราชว่างลง   กลับไม่มีการแต่งตั้งอยู่หลายปีทั้งๆ สมเด็จโตเองก็น่าจะขึ้นเป็นสังฆราช   การเมืองเรื่อง "ศึกสังฆราช" ระหว่างธรรมยุติกับมหานิกายเริ่มขึ้นอย่างเงียบๆ ช่วงนี้....จนถึงปัจจุบัน


เด่นชัดที่สุดคือกรณีหลวงพ่อ "พระพิมลธรรม" หลังจากที่ศาลตัดสินว่าท่านบริสุทธิ์   ท่านก็ได้รับสมณศักดิ์คืนและเลื่อนเป็นสมเด็จพุฒาจารย์  อาวุโสทั้งสูงสุด   ในสมัยที่ท่านเป็น "พระพิมลธรรม" (รองสมเด็จ)  สมเด็จพระสังฆราชในตอนนั้นคือสมเด็จพระสังฆราชวาสน์(วัดราชบพิตร)ยังเป็นพระราชาคณะชั้นธรรมอยู่ด้วยซ้ำ   ซึ่งต่อมาเมื่อสมเด็จพระสังฆราชวาสน์สิ้นพระชนม์   พระผู้ใหญ่ที่ควรจะขึ้นเป็นสังฆราชต่อไป  โดยธรรมเนียมแล้วก็น่าจะเป็นสมเด็จพุฒาจารย์(วัดมหาธาต)  หรือไม่ก็สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์(วัดสามพระยา)   แต่ก็ติดอยู่ที่ว่าทั้งสองเป็นพระมหานิกาย   และโดยเฉพาะสมเด็จพุฒาจารย์ (อาจ) เป็นพระบ้านนอกจากขอนแก่น    สมเด็จพระสังฆราชตั้งแต่ต้นรัตนโกสินทร์จนถึงปัจจุบันนี้  จะไม่มีสังฆราชที่มาจากมณฑลอื่นเลยนอกจากกรุงเทพและมณฑลรอบๆ กรุงเทพฯ (ถ้าใครใจใจก็ลองอ่านประวัติพระสังฆราชไทยดู)    เช่นนี้....ภาครัฐจึงทิ้งตำแหน่งสังฆราชให้ว่างลงโดยไม่มีการแต่งตั้งและไม่ได้แสดงท่าทีรีบร้อนที่จะแต่งตั้ง     ช่วงนี้ข่าววงลึกบอกว่า....ทำให้พระราชาคณะในกรุงเทพจำนวนหนึ่งและพระสังฆาธิการระดับเจ้าคณะจังหวัดในภาคอีสานทุกจังหวัดรวมไปถึงภาคเหนือบางจังหวัดรวมชื่อกันเรียกร้องให้กรมศาสนาและมหาเถรสมาคมแต่งตั้งสมเด็จพระพุฒาจารย์ (หรือหลวงพ่อพระพิมลธรรม)ให้ขึ้นเป็นสมเด็จพระสังฆราช  เพราะท่านพร้อมด้วยอาวุโสและสมณศักดิ์   ว่ากันว่า...มีการเอาตำแหน่ง "เจ้าคณะจังหวัด" วางเป็นเดิมพัน (เห็นไหม? การเมืองในดงขมิ้นก็เข้มข้นไม่แพ้ทางโลก)


ปรากฏว่า....หลังจากนั้นไม่นานก็มีการแต่งตั้งสมเด็จพระพุฒาจารย์ (หลวงพ่อพระพิมลธรรม) ขึ้นเป็น "รักษาการสมเด็จพระสังฆราช"   ประมาณว่าพบกัน "ครึ่งทาง" ประมาณเนี๊ยะ    สมเด็จพระพุฒาจารย์เองก็น่าจะรู้ตัวท่านดีว่า "ไร้วาสนา" แม้ตัวท่านเองจะเหมาะสมทุกประการ   แต่ท่านก็รู้ว่า "ตัวจริงเสียงจริง" นั้นอยู่ที่วัดบวรฯ บางลำพู   เพื่อที่จะไม่ให้ต้องเป็นที่ลำบากให้ใครต่อใคร   สมเด็จพุฒาจารย์ (หลวงพ่อพระพิมลธรรม) จึงเขียนจดหมายเปิดผนึก "หลีกทาง" ให้ตัวจริงเสียงจริงขึ้นเป็นสังฆราช   และรวมไปถึงสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์พระราชาคณะอาวุโสอันดับสองก็ได้เขียนจดหมาย "หลีกทาง"  ด้วยเช่นกัน    ตามรูปข้างล่างนี้


ต่อมาในอีกสี่อาทิตย์ถ้ดมา....ก็มีพระบรมราชโองการแต่งตั้งสมเด็จพระญาณสังวรขึ้นเป็นสมเด็จพระสังฆราช   สมเด็จพระพุฒาจารย์ก็สิ้นสุดตำแหน่งรักษาการฯ ไปโดยปริยาย  อีกหกเดือนต่อมาท่านก็ละสังขารเหลือแต่ตำนาน "หลวงพ่อพระพิมลธรรม" ให้อนุชนได้ศึกษาจริยวัตรของท่าน

ตำแหน่งสังฆราชองค์ปัจจุบันก็มีการผกผันด้าน "การเมือง" ไม่น้อย   แรกเริ่มเดิมทีหวยคงจะไปออกที่สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง) วัดปากน้ำ   คือคุณสมบัติของท่านได้เกือบจะครบเป็นคนจากสมุทรปราการไม่ใกล้ไม่ไกลกรุงเทพฯ  แต่ติดอยู่ที่ท่านเป็นมหานิกาย และใกล้ชิดธรรมกาย   จึงมีการตีข่าวในทางร้ายรวมไปถึงเปลี่ยนแปลงกฏหมายแต่งตั้ง    ตำแหน่งสังฆราชตอนนั้นจึง "เคว้ง" สวิงไปสวิงมาระหว่างสามวัดที่เป็นวัดธรรมยุติคือ  วัดสัมพันธวงศ์   วัดราชบพิตร  และวัดบวรนิเวศน์     "เต็งหนึ่ง" ที่อาวุโสสูงสุดรองจากสมเด็จช่วง (ที่ชวดตำแหน่งไป)ก็คือสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (มานิต ปธ.๙)  ซึ่งถือว่าเป็นศิษย์หลวงปู่มั่นรูปหนึ่ง   แต่ก็ติดตรงที่ท่านเป็นพระบ้านนอกจากอุบลราชธานี   สุดท้ายหวยก็มาออกมาที่สมเด็จพระมหามุนีวงศ์ (อัมพร) สมเด็จพระสังฆราชองค์ปัจจุบัน   
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่