จากบอสตันเดินทางโดยรสบัสใช้เวลาประมาณ 10 ชั่วโมงครับ มาตอนกลางคืนประหยัดค่าที่พักได้หนึ่งวัน ช่วงเช้าตรู่ตอนใกล้ถึงวอชิงตันดีซี ผ่านเมือง Philadelphia อยากกระโดดลงจากรถมาก พวกอาคารต่างๆที่มีเสาหลังใหญ่ๆ ยามต้องแสงอาทิตย์ยามเช้ามันช่างทรงพลังยิ่งนัก ถ้ามีโอกาสได้ไปแถบนี้อีกอยากจะซ้ำดีซีอีกหลายๆวันและต้องแวะเที่ยวฟิลลี่ด้วยแน่ๆ
หลังจากได้ไปเยือนนครหลวงของสหรัฐฯแห่งนี้ก็ต้องบอกเลยว่า มาแค่สองสามวันแบบนี้ไม่ได้นะ ขอแนะนำว่าควรอยู่อย่างน้อยที่สุดหนึ่งสัปดาห์เต็มๆ ค่อยๆเที่ยวพิพิธภัณฑ์วันละ 1-2 แห่ง เมืองนี้กว้างใหญ่ไพศาลมาก and it has so much to offer (อยู่ๆก็ใบโพธิ์หล้า เอ้ย ไม่ใช่ ไบลิงกลั้ว 5555)
ถ้าเปรียบเทียบกับการเรียนในโรงเรียน การมาเที่ยวที่นี่แค่สามวันแบบผมนี้ถือว่าเวลาเรียนไม่ครบ หมดสิทธิ์สอบไปเลยครับ
เอาล่ะ ไปชิมร้านโน้นร้านนี้กันต่อดีกว่า พร้อมแล้ว ลากกระเป๋าตามมา
กรุงวอชิงตัน ดีซี 1 พฤษภาคม 2018
Union Station
White House
Washington Monument
National World War II Memorial
Lincoln Memorial
Martin Luther King Jr. Memorial
รสบัสมาถึงดีซีล่าช้าประมาณ 1 ชั่วโมงครับ สิ่งแรกที่อยากทำหลังลงจากรถนั่นก็คือ แปรงฟันนั่นเอง จะไม่ยอมให้แบคทีเรียในช่องปากมาแย่งบรันช์เรากินเด็ดขาด หลังจากนั้นก็โฉบหาอะไรกินในสถานีขนส่งนี้แหละ
เดินลากกระเป๋าวนเวียนสักพัก แล้วก็เผลอใจให้ของอ้วนแบบนี้
ร้านนี้หาไม่ยากครับ อยู่ชั้นล่าง เดินผ่านอยู่แล้ว
ทำกันสดๆ ใหม่ๆ
ก่อนหลังพี่เขาตัดให้ชิมด้วย พอชิมเสร็จนึกว่าเหมือนร้านไอติมบ้านเรา อยากชิมรสอื่นบ้าง ขออีกเขาไม่ให้แล้ว “พี่มีให้เอ็งกินแค่นี้ อย่ามากเรื่องนักเลย” - พี่คนขายไม่ได้กล่าวไว้
ก็เลยสั่งหน้า meatball ที่ได้ชิมไป มาเป็นชุดกับสติ๊กเบรดและน้ำอัดลม
ตอนนั้นหิวก็เลยรู้สึกว่าอร่อยดี ส่วนถ้ากินตอนไม่หิว ... เอ ว่าแต่ไม่หิวแล้วจะกินไปทำไมกัน
ชุดนี้ราคา $9.23 ถือถาดมาที่โต๊ะอย่างสุขุม ลืมจ่ายทิปแบบเนียนๆ
หลังจากเก็บข้าวของอาบน้ำเสร็จแล้วก็รีบออกจากบ้านโฮสต์ เวลาน้อยต้องรีบเที่ยว
พอออกจากสถานีรถใต้ดินก็เจอร้าน Peet’s Coffee พอดีที่นี่มีหลายสาขาเลย อยากเข้าตั้งแต่ตอนไปบอสตันแล้ว แต่ตอนนั้นร้านกำลังปิดเลยพลาดไป ครั้งนี้ลองใหม่
พิซซ่าที่กินมาย่อยไปหมดแล้ว (จริงจริ๊ง) กระเพาะเลยมีที่ว่างเหลือสำหรับหม่ำคอฟฟี่เบรก
ขนมมีเยอะ เลือกไม่ถูกเลย ไม่ว่าจะเป็นครัวซองต์แฮมชีส ซินนามอนสโคน เค้กกล้วยหอม ช็อกโกแล็ตมัฟฟิน ฯลฯ
ที่กล่าวมานั้นตกรอบหมด ผู้ชนะได้แก่ Lemon bread ที่มุมขวาล่างนี้จ้ะ
ส่วนเครื่องดื่มนั้น ยังคงรัก Chai tea latte อยู่ไม่เสื่อมคลาย แต่แก้วนี้จำรสชาติไม่ได้เลย ไม่ได้เลยจริงๆ เหมือนตอนนั้นร้อนและรีบๆดูด อ่าว หมดเฉยเลย ลืมลิ้มรสชาติไปอย่างน่าเสียดาย
อาหารว่างมื้อนี้รวมค่าทิป 8 เหรียญครับ
ที่นี่หาร้านสะดวกซื้อยากมากเลย อยากจะซื้อน้ำตุนใส่เป้ซะหน่อยก่อนไปเดินทัวร์อนุสรณ์สถานต่างๆ สุดท้ายต้องพึ่งร้านสตาร์บั๊คส์ (ซึ่งอย่าได้คาดหวังความประทับใจจากการบริการของที่นี่ ที่เมืองไทยแพงพอๆกัน แต่พนักงานบ้านเราเฟรนด์ลี่นะจะบอกให้)
ได้เครื่องดื่มชูกำลังมาเรียบร้อย พร้อมออกเดินทาง (เดินเยอะมากๆๆๆ x100 -- ขาช้ำ)
กลับไปน็อกเลยครับ ใน The Mall นั้นใหญ่โตกว้างขวางมาก อิจฉาเด็กๆ/วัยรุ่นที่โรงเรียนพามาทัศนศึกษาโดยรสบัส แม้พวกเขาจะไม่ได้เที่ยวดึ่มด่ำตามใจตัวเองได้เท่าผม แต่วิธีนี้เหมาะกับการมาที่นี่มากที่สุดครับ นี่ยังคิดอยู่เลยว่า ถ้าพี่วินมอเตอร์ไซค์บ้านเราไปรับจ๊อบที่นั่นน่าจะรวย นักท่องเที่ยวต่อคิวใช้บริการเยอะแน่นอน วันนึงผมจะแว้นส์ด้วยสักสี่ห้าเที่ยวเลย
อ้อ มื้อเย็นไปกินร้านที่ไม่ค่อยประทับใจเท่าไร จ่ายแพงด้วย ข้ามไปวันต่อไปเลยนะ
ถ้าไม่นับอาหารเย็นก็ประทับใจวันแรกที่ดีซีทุกอย่างเลย ถึงแม้จะเดินจนนิ้วเท้าบวมก็ตาม ที่ชอบเป็นพิเศษคือ Holocaust Museum ผมว่านิทรรศการนำเสนอได้ดีเยี่ยมระดับเดียวกับพิพิธภัณฑ์แนวนี้ที่เบอร์ลินเลยครับ ให้อิมแพ็คสูงมากทั้งด้านปัญญาและอารมณ์
My Foodie Diary บันทึกอาหารการกิน 10 วันในสหรัฐฯ: บอสตัน ดีซี นิวยอร์ก (ภาคต่อ/ตอนจบ)
หลังจากได้ไปเยือนนครหลวงของสหรัฐฯแห่งนี้ก็ต้องบอกเลยว่า มาแค่สองสามวันแบบนี้ไม่ได้นะ ขอแนะนำว่าควรอยู่อย่างน้อยที่สุดหนึ่งสัปดาห์เต็มๆ ค่อยๆเที่ยวพิพิธภัณฑ์วันละ 1-2 แห่ง เมืองนี้กว้างใหญ่ไพศาลมาก and it has so much to offer (อยู่ๆก็ใบโพธิ์หล้า เอ้ย ไม่ใช่ ไบลิงกลั้ว 5555)
ถ้าเปรียบเทียบกับการเรียนในโรงเรียน การมาเที่ยวที่นี่แค่สามวันแบบผมนี้ถือว่าเวลาเรียนไม่ครบ หมดสิทธิ์สอบไปเลยครับ
เอาล่ะ ไปชิมร้านโน้นร้านนี้กันต่อดีกว่า พร้อมแล้ว ลากกระเป๋าตามมา
กรุงวอชิงตัน ดีซี 1 พฤษภาคม 2018
Union Station
White House
Washington Monument
National World War II Memorial
Lincoln Memorial
Martin Luther King Jr. Memorial
รสบัสมาถึงดีซีล่าช้าประมาณ 1 ชั่วโมงครับ สิ่งแรกที่อยากทำหลังลงจากรถนั่นก็คือ แปรงฟันนั่นเอง จะไม่ยอมให้แบคทีเรียในช่องปากมาแย่งบรันช์เรากินเด็ดขาด หลังจากนั้นก็โฉบหาอะไรกินในสถานีขนส่งนี้แหละ
เดินลากกระเป๋าวนเวียนสักพัก แล้วก็เผลอใจให้ของอ้วนแบบนี้
ร้านนี้หาไม่ยากครับ อยู่ชั้นล่าง เดินผ่านอยู่แล้ว
ทำกันสดๆ ใหม่ๆ
ก่อนหลังพี่เขาตัดให้ชิมด้วย พอชิมเสร็จนึกว่าเหมือนร้านไอติมบ้านเรา อยากชิมรสอื่นบ้าง ขออีกเขาไม่ให้แล้ว “พี่มีให้เอ็งกินแค่นี้ อย่ามากเรื่องนักเลย” - พี่คนขายไม่ได้กล่าวไว้
ก็เลยสั่งหน้า meatball ที่ได้ชิมไป มาเป็นชุดกับสติ๊กเบรดและน้ำอัดลม
ตอนนั้นหิวก็เลยรู้สึกว่าอร่อยดี ส่วนถ้ากินตอนไม่หิว ... เอ ว่าแต่ไม่หิวแล้วจะกินไปทำไมกัน
ชุดนี้ราคา $9.23 ถือถาดมาที่โต๊ะอย่างสุขุม ลืมจ่ายทิปแบบเนียนๆ
หลังจากเก็บข้าวของอาบน้ำเสร็จแล้วก็รีบออกจากบ้านโฮสต์ เวลาน้อยต้องรีบเที่ยว
พอออกจากสถานีรถใต้ดินก็เจอร้าน Peet’s Coffee พอดีที่นี่มีหลายสาขาเลย อยากเข้าตั้งแต่ตอนไปบอสตันแล้ว แต่ตอนนั้นร้านกำลังปิดเลยพลาดไป ครั้งนี้ลองใหม่
พิซซ่าที่กินมาย่อยไปหมดแล้ว (จริงจริ๊ง) กระเพาะเลยมีที่ว่างเหลือสำหรับหม่ำคอฟฟี่เบรก
ขนมมีเยอะ เลือกไม่ถูกเลย ไม่ว่าจะเป็นครัวซองต์แฮมชีส ซินนามอนสโคน เค้กกล้วยหอม ช็อกโกแล็ตมัฟฟิน ฯลฯ
ที่กล่าวมานั้นตกรอบหมด ผู้ชนะได้แก่ Lemon bread ที่มุมขวาล่างนี้จ้ะ
ส่วนเครื่องดื่มนั้น ยังคงรัก Chai tea latte อยู่ไม่เสื่อมคลาย แต่แก้วนี้จำรสชาติไม่ได้เลย ไม่ได้เลยจริงๆ เหมือนตอนนั้นร้อนและรีบๆดูด อ่าว หมดเฉยเลย ลืมลิ้มรสชาติไปอย่างน่าเสียดาย
อาหารว่างมื้อนี้รวมค่าทิป 8 เหรียญครับ
ที่นี่หาร้านสะดวกซื้อยากมากเลย อยากจะซื้อน้ำตุนใส่เป้ซะหน่อยก่อนไปเดินทัวร์อนุสรณ์สถานต่างๆ สุดท้ายต้องพึ่งร้านสตาร์บั๊คส์ (ซึ่งอย่าได้คาดหวังความประทับใจจากการบริการของที่นี่ ที่เมืองไทยแพงพอๆกัน แต่พนักงานบ้านเราเฟรนด์ลี่นะจะบอกให้)
ได้เครื่องดื่มชูกำลังมาเรียบร้อย พร้อมออกเดินทาง (เดินเยอะมากๆๆๆ x100 -- ขาช้ำ)
กลับไปน็อกเลยครับ ใน The Mall นั้นใหญ่โตกว้างขวางมาก อิจฉาเด็กๆ/วัยรุ่นที่โรงเรียนพามาทัศนศึกษาโดยรสบัส แม้พวกเขาจะไม่ได้เที่ยวดึ่มด่ำตามใจตัวเองได้เท่าผม แต่วิธีนี้เหมาะกับการมาที่นี่มากที่สุดครับ นี่ยังคิดอยู่เลยว่า ถ้าพี่วินมอเตอร์ไซค์บ้านเราไปรับจ๊อบที่นั่นน่าจะรวย นักท่องเที่ยวต่อคิวใช้บริการเยอะแน่นอน วันนึงผมจะแว้นส์ด้วยสักสี่ห้าเที่ยวเลย
อ้อ มื้อเย็นไปกินร้านที่ไม่ค่อยประทับใจเท่าไร จ่ายแพงด้วย ข้ามไปวันต่อไปเลยนะ
ถ้าไม่นับอาหารเย็นก็ประทับใจวันแรกที่ดีซีทุกอย่างเลย ถึงแม้จะเดินจนนิ้วเท้าบวมก็ตาม ที่ชอบเป็นพิเศษคือ Holocaust Museum ผมว่านิทรรศการนำเสนอได้ดีเยี่ยมระดับเดียวกับพิพิธภัณฑ์แนวนี้ที่เบอร์ลินเลยครับ ให้อิมแพ็คสูงมากทั้งด้านปัญญาและอารมณ์