ผมเคยอ่านวิทยานิพนธ์ หนังสือ ตำรา หลายเล่ม...เขียนยกย่องว่า พระพุทธองค์ทรงวางระเบียบ/กฎเกณฑ์/แนวปฏิบัติ สำหรับการบริหารปกครองสงฆ์ ไว้เพียบพร้อมแล้ว
แต่เท่าที่เห็นในปัจจุบัน พระสงฆ์อาศัยแต่เจ้าหน้าที่บ้านเมือง ในการจัดการกับพระนอกลู่ (และในการบริหารจัดการคณะสงฆ์---ในหลาย ๆ เรื่อง หลาย ๆ อย่าง)
มันบ่งบอกให้เห็นว่า...พระสงฆ์ไทยไม่สามารถประยุกต์ใช้คำสอนของพระพุทธเจ้าได้ ไม่สามารถนำคำสอนมาใช้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล
(ก็ไหนบอกว่า พระพุทธองค์ทรงวางแนวทางบริหารจัดการสงฆ์ไว้หมดแล้ว...ทำไมไม่พากันประยุกต์ใช้ !?)
...ผลเสียคืออะไร ? คือ ถ้าปล่อยให้เจ้าหน้าที่บ้านเมืองจัดการพระสงฆ์มาก ๆ เข้า...อนาคต องค์กรสงฆ์จะไม่มีบทบาทอะไร เพราะคนจะนึกถึงตำรวจ นึกถึง dsi นึกถึงรัฐมนตรี
ถ้าต่อไปในอนาคต พระไม่ค่อยมีบทบาทหน้าที่ในการปกครองพระด้วยกัน...ก็อย่ามาโวยวาย ว่า รัฐเข้ามาครอบงำสงฆ์ ฝ่ายอาณาจักรครอบงำฝ่ายศาสนจักร..ก็แล้วกัน
เพราะตัวเองทำตัวเอง ตัวเองไม่มีศักยภาพ ไม่มีประสิทธิภาพเอง...จะโทษใคร !?
ทางที่ดี ควรรีบแสดงให้สังคมเห็น ว่าพระสามารถจัดการพระได้---ไม่ใช่คอยพึ่งแต่ตำรวจ, dsi, รัฐมนตรี...สั่งการ จัดการโน่นนี่
พระสงฆ์ต้องแสดงให้เห็นว่า สามารถปกครองพระสงฆ์ด้วยกันได้ มิใช่ คอยให้ฝ่ายเจ้าหน้าที่บ้านเมืองจัดการ !?
แต่เท่าที่เห็นในปัจจุบัน พระสงฆ์อาศัยแต่เจ้าหน้าที่บ้านเมือง ในการจัดการกับพระนอกลู่ (และในการบริหารจัดการคณะสงฆ์---ในหลาย ๆ เรื่อง หลาย ๆ อย่าง)
มันบ่งบอกให้เห็นว่า...พระสงฆ์ไทยไม่สามารถประยุกต์ใช้คำสอนของพระพุทธเจ้าได้ ไม่สามารถนำคำสอนมาใช้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล
(ก็ไหนบอกว่า พระพุทธองค์ทรงวางแนวทางบริหารจัดการสงฆ์ไว้หมดแล้ว...ทำไมไม่พากันประยุกต์ใช้ !?)
...ผลเสียคืออะไร ? คือ ถ้าปล่อยให้เจ้าหน้าที่บ้านเมืองจัดการพระสงฆ์มาก ๆ เข้า...อนาคต องค์กรสงฆ์จะไม่มีบทบาทอะไร เพราะคนจะนึกถึงตำรวจ นึกถึง dsi นึกถึงรัฐมนตรี
ถ้าต่อไปในอนาคต พระไม่ค่อยมีบทบาทหน้าที่ในการปกครองพระด้วยกัน...ก็อย่ามาโวยวาย ว่า รัฐเข้ามาครอบงำสงฆ์ ฝ่ายอาณาจักรครอบงำฝ่ายศาสนจักร..ก็แล้วกัน
เพราะตัวเองทำตัวเอง ตัวเองไม่มีศักยภาพ ไม่มีประสิทธิภาพเอง...จะโทษใคร !?
ทางที่ดี ควรรีบแสดงให้สังคมเห็น ว่าพระสามารถจัดการพระได้---ไม่ใช่คอยพึ่งแต่ตำรวจ, dsi, รัฐมนตรี...สั่งการ จัดการโน่นนี่