เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้เป็นเรื่องของคุณแม่ของจขกทเองค่ะ คุณแม่เป็นคนเชื่อเรื่องสิ่งลี้ลับมากๆ แต่ที่บ้านเราจะหัวสมัยใหม่ มีแค่คุณแม่ที่จะเชื่อเรื่องแบบนี้ เราเลยถามแม่ว่าทำไมแม่ถึงเชื่อ ถามหลายครั้งแม่ก็ไม่เคยบอก จนมาครั้งนี้เราเผลอไปพูดว่าเราไม่เชื่อเรื่องนี้ แม่เลยเล่าให้ฟัง เล่าไปก็ขนลุกไป เราก็ขนลุกมากเหมือนที่แม่เล่ามันกลั่นมาจากความจริงจนเรากลัว เราเลยอยากแบ่งประสบการณ์โดยการมาเขียนในนี้ให้คนอ่านค่ะ เราขอแทนตัวแม่เราว่าคุณวรรณแล้วกันนะคะ มาอ่านกันเลย
เรื่องมีอยู่ว่า เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อ 10 ปีก่อน ก่อนที่คุณวรรณจะมีลูก คุณวรรณได้เข้าไปทำงานกับโรงงานแห่งหนึ่งในจังหวัดปัตตานี ร่ำลือกันว่าเป็นโรงงานที่ขึ้นชื่อว่าเจ้าที่แรงและศักดิ์สิทธิ์มากๆ เพราะมักจะมีคนซื้อของไปไหว้ขอหวยและจะได้เกือบทุกคนคนในโรงงานเลยบูชากันมาเป็นเวลานาน ตอนไปทำงานใหม่ๆ พนักงานหลายคนก็เตือนคุณวรรณเกี่ยวกับเรื่องเจ้าที่บ้างละเรื่องของที่นี้แรงบ้างละ อย่างเช่นเรื่องห้องน้ำ ในห้องน้ำโรงงานจะมีห้องหนึ่งที่จะปิดอยู่ตลอด ห้ามใครเข้าเด็ดขาด พนักงานใหม่ๆเขาก็เตือนคุณวรรณกัน แต่เพราะคุณวรรณเป็นคนไม่เชื่อเรื่องพวกนี้เลยทำงานต่อแบบไม่ได้สนใจอะไร
คุณวรรณก็ทำงานอยู่ที่โรงงานปกติมาเกือบๆสองวัน จนวันนึงมีผู้จัดการมาใหม่จบจากนอก เหมือนจะอายุยังหนุ่ม ผู้จัดการเข้ามาได้ไม่กี่วันก็สั่งให้ลื้อสารไปตั้งไว้หลังโรงงาน เงาของโรงงานเลยไปทับศาล คนในโรงงานหลายคนเลยไปเตือนผู้จัดการ แต่เพราะผู้จัดการจบจากนอกไม่เชื่อเรื่องพวกนี้เลยแค่รับฟังแต่ไม่ทำตาม
ต่อมาอีกวันหลังจากลื้อศาลได้วันนึง คุณวรรณได้ยินเสียงกรีดร้องจากอีกแผนก ตอนแรกคุณวรรณคิดว่าได้ยินอยู่คนเดียวเลยไม่สนใจอะไร แต่พอทำงานไปเรื่อยๆคุณวรรณก็ได้ยินเสียงดังขึ้น ทีนี้เสียงนั้นเขาได้ยินกันทั้งแผนก แต่เพราะไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยไม่มีคนสนใจ จนกระทั่งมีคนในแผนกนึงวิ่งมาหาหัวหน้าแผนกของคุณวรรณแล้วบอกว่ามีคนอีกแผนกสองคนกรี๊ดแล้วเป็นลมไป หัวหน้าเลยให้คนไปแบกแล้วก็พาไปพักในห้องพัก พอสองคนนั้นตื่นขึ้นมาก็บอกว่าเห็นเงาดำๆวิ่งมาชนแล้วก็ไม่รู้สึกตัวอีกเลย แต่เพราะเหตุการณ์หลายๆอย่างตอนนั้นเลยไม่มีคนเชื่อทั้งสองคน รวมถึงคุณวรรณด้วย ทั้งสองคนเลยโดนหาว่าอู้งาน แล้วให้ลากลับบ้านไป
ผ่านมาประมาณสองวัน ช่วงบ่ายๆ คุณวรรณก็ได้ยินเสียงกรี๊ดอีก แต่ครั้งนี้มาจากแผนกเดียวกันแล้วไม่ใช่แค่คนสองคนแต่เป็นคนทั้งครึ่งแผนก คุณวรรณตกใจมากเลยหลบไปอยู่หลังพี่สะใภ้ มองดูคนในแผนกกรีดร้องแล้วเป็นลมล้มพับไปทีละคนทีละคน รวมถึงพี่สะใภ้คุณวรรณด้วย คุณวรรณตกใจมากเลยวิ่งไปบอกหัวหน้าแผนก หัวหน้าแผนกเลยเรียกให้คนในแผนกอื่นมาช่วยกันหามคนที่เป็นลมกับบางคนที่ยังกรี๊ดอยู่ไปในห้องทำงาน มีคนคนนึงที่กรีดร้องแล้วดิ้นไม่หยุด คุณวรรณเห็นคนนั้นตาเป็นสีแดงเลือดเขาชี้มาไปทางหัวหน้าแผนกแล้วพูดเป็นเสียงผู้ชายบอกให้ย้ายออกไป เพราะเงาตึกไปบังศาลที่เขาอยู่กันมานาน พูดเสร็จคนนั้นก็สลบไป หัวหน้าแผนกเลยไปเล่าเรื่องนี้ให้กับผู้จัดการฟังแต่ผู้จัดการไม่เชื่อแถมยังหาว่าหัวหน้าแผนกกับพนักงานโกหกเพราะจะอู้งาน
อีกวันต่อมา ก็เป็นเหมือนเดิม เวลาเดิมกับเมื่อวาน คุณวรรณได้ยินเสียงกรีดร้องเหมือนเดิมเพิ่มเติมคือหนักขึ้น ทีนี้คนทั้งแผนกยกเว้นคุณวรรณแล้วเพื่อนอีกคนนึงไม่เป็นเพราะคุณวรรณและเพื่อนใส่หลวงพ่อดำมาทำงานด้วย ทีนี้คุณวรรณก็เห็นเพื่อนในแผนกล้มพับตาเหลือกกันไปต่อหน้าต่อตา รวมถึงพี่สะใภ้คุณวรรณที่อยู่ใกล้ๆ แล้วก็เหมือนเดิมหัวหน้าสั่งให้คนที่แผนกอื่นมาหามคนที่เป็นลมเข้าไปในออฟฟิส แต่ครั้งนี้หัวหน้าโทรตามหมอที่จะบังติกอให้มาดู หมอเข้ามาก็ทำพิธีสาดน้ำมนต์ตามหลักศาสนาอิสลาม พอทำพิธีเสร็จหัวหน้าก็ให้ทุกคนโทรให้ญาติมารับ ก่อนที่บริษัทจะประกาศปิดทำงาน 2-3 วัน
( จุดพีคของเรื่องล้ะ )
คุณวรรณก็กลับบ้านมากับพี่สะใภ้แยกย้ายกันไปพักผ่อนตามห้องของตัวเอง ห้องของคุณวรรณจะอยู่ข้างบน ส่วนห้องของพี่สะใภ้อยู่ชั้นล่าง พอตกดึกที่ทุกคนนอนกันหมดแล้ว ก็มีเสียงหมาหอนจนทำให้คนในบ้านตื่น หอนแบบหอนดังมากๆ หอนโหยหวนจนคนในบ้านต้องตื่นมาดู แต่พอไม่มีอะไรคนก็กลับเข้าไปนอนในห้องของตัว พอถึงตอนเช้าทุกคนก็มารวมตัวกันหน้าบ้านกินข้าวกินน้ำชากัน แต่แปลกที่พี่สะใภ้ยังไม่ลงมา ปกติพี่สะใภ้ของคุณวรรณจะตื่นเช้ากว่าทุกคนและจะลงมาก่อนเสมอ แต่เพราะครั้งนี้ยังไม่ตื่น คุณแม่ของคุณวรรณเลยจะไปดูเอง
พอแม่ของคุณวรรณเข้าไปหาพี่สะใภ้ในห้องก็เห็นพี่สะใภ้นอนคุมโปรงอยู่ แกเลยเดินไปดึงผ้าออก ตอนนั้นแหละแม่ของคุณวรรณบอกว่าแกขนลุกไปทั้งตัว เพราะหน้าของพี่สะใภ้นอนจ้องแกตาแดงเป็นเลือด ปากซีดจนแตกเป็นสะเก็ด ตอนนั้นแม่คุณวรรณก็ถามพี่สะใภ้ว่าทำไมไม่ลงไปข้างล่าง พี่จะสะใภ้ตอบมาเสียงทุ่มๆว่า อย่ามายุ่ง แม่ของคุณวรรณแกเลยรีบลงไปบอกคุณวรรณที่นั่งรวมอยู่กับพี่ๆ
ทีนี้คุณวรรณนึกขึ้นได้เลยเล่าเรื่องเมื่อวานให้ทุกคนในบ้านฟัง ทุกคนในบ้านเลยคิดกันว่าพี่สะใภ้คงจะโดนผีเข้าแล้วตามกลับมาบ้าน คุณวรรณไม่ค่อยเชื่อแต่ก็ไม่ได้เถียงอะไร จนกระทั่งพี่สาวคุณวรรณพาพี่สะใภ้ขึ้นรถไปวัด แต่พี่สะใภ้ก็ดิ้นไม่ยอมไป จนเพื่อนในแผนกคนนึงที่จะไปด้วยบอกให้คุณวรรณบอกพี่สะใภ้ว่าจะไปเที่ยว พอบอกเท่านั้นแหละ พี่สะใภ้ก็ลุกขึ้นจะไปด้วยขึ้นมาเลย ทำให้คุณวรรณเริ่มจะคิดว่าพี่สะใภ้ไม่ได้ผีเข้าจริงๆ เลยไม่ตามไปด้วย
พอพี่สาวคุณวรรณขับรถพาพี่สะใภ้ไปจนถึงหน้าวัดพี่จะสะใภ้ก็กรี๊ดโวยวายจะวิ่งลงจากรถ แล้วตะโกนเป็นภาษาใต้ว่า พวกหลอกกู พวกจะพากูเข้าวัด กูร้อน พอพี่สะใภ้ดิ้น พี่สาวกับพี่เขยก็เลยจับพี่สะใภ้ลากเข้าวัด พอเข้าไปถึงในโบสถ พระก็ตะโกนมาว่า เข้ามาแค่สองคนพอ อีกคนนึงไม่ต้องเข้ามา อีกคนนึงที่ว่าหมายถึงพี่สะใภ้ พระท่านบอกกับพี่สาวว่า พระไล่ผีตนนี้ไปไม่ได้หรอก ให้ไปที่อื่นเถอะ พี่สาวเลยพาพี่สะใภ้คุณวรรณไปที่วัดหัวตะลาดแทน เพราะมีเจ้าอาวาสวัดหัวตะลาดแกเคยไล่ผีให้คนมาก่อน แต่พอพาไปเจ้าอาวาสที่จะไปหากลับไม่อยู่ แต่ไปเจอรองเจ้าอาวาสแทน พระท่านก็สั่งให้พี่สาวกับพี่เขยพาพี่สะใภ้เข้าไปในโบสถ ก่อนจะทำพิธีสาดน้ำมนต์ผูกข้อมือจนพี่สะใภ้เป็นปกติ พอเสร็จพิธีพี่สาวก็พากันกลับ แต่ขากลับพี่สะใภ้ดันไปเหยียบก้อนหินในวัด แล้วอยู่ๆก็กรีดร้องขึ้นมาอีก พี่สาวเลยพากลับเข้าไปในโบสถให้รองเจ้าอาวาสทำพิธีอีกรอบ รอบนี้พอทำเสร็จพี่สะใภ้ก็เหมือนจะอ่อนเพลีย พี่สาวเลยพากลับบ้าน
กลับมาบ้านเสร็จพี่สะใภ้ก็กลับเข้าไปนอนในห้องเลย เหมือนทุกอย่างจะปกติ คุณวรรณก็คิดว่าพี่สะใภ้คงจะไม่ได้ผีเข้าจริงๆ จนกระทั่งคืนนี้ อยู่หมาก็หอนเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือหนักมากๆ หอนโหยหวนจนคนในบ้านนอนกันไม่หลับ พอรุ่งเช้า พี่สะใภ้บอกทุกคนว่าอยากกินส้มตำปูปลาล้า คุณวรรณกับน้องข้างบ้านเลยขับรถไปซื้อมาให้ เสร็จพอเอามาใส่ถ้วยใส่จานให้ พอเอามาให้คุณวรรณว่าทำไมตาพี่สะใภ้ยังตาแดงปากซีดอยู่ แม่คุณวรรณเลยถามพี่สะใภ้ว่า นี่ไม่ใช่พี่สะใภ้ใช่มั้ย แล้วพี่สะใภ้ก็ตอบว่า ใช่ เขายังไม่ให้ไป แม่คุณวรรณก็ถามต่อว่าทำไมมาเข้าสิงคนนี้ พี่สะใภ้ก็ตอบว่า มีคนสั่งให้มา มาให้ตบพวกพนักงานให้ล้ม เพราะไม่เชื่อว่าเขามีจริง เลยมาตบให้ดูว่ามีจริง แม่คุณวรรณเลยถามต่ออีกว่า แล้วทำไมไม่ไปตบผู้จัดการที่ไม่เชื่อ เขาก็ตอบกลับมาว่า เพราะมันมีของดีเลยทำอะไรไม่ได้ แล้วคุณวรรณเลยถามว่าตายเพราะอะไร เขาเลยบอกว่า เขาทำงานเรือแต่โดนหลอกมาฆ่า แล้วบอกต่ออีกว่า เดี๋ยวกินส้มตำเสร็จก็จะไปแล้ว พอกินเสร็จแล้วก็ขอน้ำล้างมือ พี่สะใภ้ขอไปนอน ทุกคนเลยคิดว่าผีที่เข้าสิงพี่สะใภ้ไปแล้ว แต่พอตกกลางคืน มีหมามาหอนจรถึงสว่าง ตื่นเช้ามา แม่คุณวรรณเลยไปดู แต่ก็เหมือนเดิม
ทีนี้แม่ของคุณวรรณทนไม่ไหวที่เห็นพี่สะใภ้เริ่มจะทรุดโทรมเลยโทรหาพี่ชายที่เป็นร่างทรงมโนรา พี่ชายแม่คุณวรรณเลยติดต่อกับมโนราที่ขึ้นชื่อเรื่องนี้ให้มาดูพี่สะใภ้ พอโทรเสร็จพี่สาวเลยพาพี่สะใภ้ไปตอนนั้นเลย พอไปถึงช่วงบ่ายเขาให้เรารอจนถึงตอนเย็น ระหว่างรอคุณวรรณก็สังเกตุว่าพี่สะใภ้มีท่าทีแปลกๆจนไม่กล้าจะเข้าใกล้ หัวเราะบ้าง เสียงเปลี่ยนบ้าง ตาแดงเป็นเลือด เหมือนไม่ใช่คน จนมาถึงทำพิธีตอนปนะมาณหกโมงเย็น คนที่ทำเขาใช้วิธีรักษาด้วยตะปูตอกโรงศพ แล้วทำพิธีตามความเชื่อของมโนรา ในระหว่างทำ พี่สะใภ้ก็กรีดร้องแล้วก็สลบไป ตื่นมาก็เป็นปกติเหมือนเดิม ตาหายแดง ปากไม่ซีด คุณวรรณบอกว่าพี่สะใภ้จำอะไรไม่ได้เลยตั้งแต่กลับจากวัด ที่หัวตะลาด พอเสร็จพิธีพี่สะใภ้ก็โดนสั่งห้ามหลายอย่าง อย่างเช่น ห้ามให้ใครตบหัว ห้ามเอาสิ่งไม่ดีมาคุมหัว เสร็จก็พากลับบ้าน เป็นปกติทุกอย่าง
จากวันนั้นคุณวรรณเล่าว่าพี่สะใภ้ชอบบอกว่ามีเสียงคนมาคอยกระซิบ แต่ต่อมาก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนมาถึงวันนี้ แต่ย้อนกลับไปวันนั้น มีเพื่อนในแผนกเดียวกันเจอเหตุการณ์แบบเดียวกัน ได้เสียชีวิตในเวลาเดียวกันกับพี่พี่สะใภ้โดนผีเข้า หมอบอกว่าข้างในระบบล้มเหลว แต่ถ้าเป็นแถวบ้านๆจะเรียกว่าโดนพี่กินจนตาย คุณวรรณเล่าว่าจากที่ไม่เคยเชื่อว่าผีมีอยู่จริง กลับเชื่อเต็มร้อยว่าสิ่งเหล่านี้มันมีอยู่จริงๆ และเจอมากลับตัว
และเรื่องทั้งหมดนี้ก็คือเหตุการณ์จริงที่แม่ของเราเอามาเล่าให้เราฟัง แต่เราไม่เก่งที่จะบรรยายออกไปให้หน้ากลัว เพียงแค่อยากจะมาแชร์ประสบการณ์เกี่ยวกับความเชื่อ ถึงแม้เราจะไม่เชื่อร้อยเปอร์เซ็น แต่ใช่ว่าจะไม่เปิดรับ สำหรับคนที่เคยเจอก็คงจะเชื่อมากเหมือนแม่เรา แต่หลายคนก็ไม่เชื่อเพราะมันเป็นความคิดส่วนบุคคลเพราะงั้นใช้วิจารณญาณกันด้วยนะจ้ะ ขอบคุณที่อ่านค้า
( เรื่องจริง ) ผีเข้าคนในโรงงาน จังหวัดปัตตานี
เรื่องมีอยู่ว่า เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อ 10 ปีก่อน ก่อนที่คุณวรรณจะมีลูก คุณวรรณได้เข้าไปทำงานกับโรงงานแห่งหนึ่งในจังหวัดปัตตานี ร่ำลือกันว่าเป็นโรงงานที่ขึ้นชื่อว่าเจ้าที่แรงและศักดิ์สิทธิ์มากๆ เพราะมักจะมีคนซื้อของไปไหว้ขอหวยและจะได้เกือบทุกคนคนในโรงงานเลยบูชากันมาเป็นเวลานาน ตอนไปทำงานใหม่ๆ พนักงานหลายคนก็เตือนคุณวรรณเกี่ยวกับเรื่องเจ้าที่บ้างละเรื่องของที่นี้แรงบ้างละ อย่างเช่นเรื่องห้องน้ำ ในห้องน้ำโรงงานจะมีห้องหนึ่งที่จะปิดอยู่ตลอด ห้ามใครเข้าเด็ดขาด พนักงานใหม่ๆเขาก็เตือนคุณวรรณกัน แต่เพราะคุณวรรณเป็นคนไม่เชื่อเรื่องพวกนี้เลยทำงานต่อแบบไม่ได้สนใจอะไร
คุณวรรณก็ทำงานอยู่ที่โรงงานปกติมาเกือบๆสองวัน จนวันนึงมีผู้จัดการมาใหม่จบจากนอก เหมือนจะอายุยังหนุ่ม ผู้จัดการเข้ามาได้ไม่กี่วันก็สั่งให้ลื้อสารไปตั้งไว้หลังโรงงาน เงาของโรงงานเลยไปทับศาล คนในโรงงานหลายคนเลยไปเตือนผู้จัดการ แต่เพราะผู้จัดการจบจากนอกไม่เชื่อเรื่องพวกนี้เลยแค่รับฟังแต่ไม่ทำตาม
ต่อมาอีกวันหลังจากลื้อศาลได้วันนึง คุณวรรณได้ยินเสียงกรีดร้องจากอีกแผนก ตอนแรกคุณวรรณคิดว่าได้ยินอยู่คนเดียวเลยไม่สนใจอะไร แต่พอทำงานไปเรื่อยๆคุณวรรณก็ได้ยินเสียงดังขึ้น ทีนี้เสียงนั้นเขาได้ยินกันทั้งแผนก แต่เพราะไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยไม่มีคนสนใจ จนกระทั่งมีคนในแผนกนึงวิ่งมาหาหัวหน้าแผนกของคุณวรรณแล้วบอกว่ามีคนอีกแผนกสองคนกรี๊ดแล้วเป็นลมไป หัวหน้าเลยให้คนไปแบกแล้วก็พาไปพักในห้องพัก พอสองคนนั้นตื่นขึ้นมาก็บอกว่าเห็นเงาดำๆวิ่งมาชนแล้วก็ไม่รู้สึกตัวอีกเลย แต่เพราะเหตุการณ์หลายๆอย่างตอนนั้นเลยไม่มีคนเชื่อทั้งสองคน รวมถึงคุณวรรณด้วย ทั้งสองคนเลยโดนหาว่าอู้งาน แล้วให้ลากลับบ้านไป
ผ่านมาประมาณสองวัน ช่วงบ่ายๆ คุณวรรณก็ได้ยินเสียงกรี๊ดอีก แต่ครั้งนี้มาจากแผนกเดียวกันแล้วไม่ใช่แค่คนสองคนแต่เป็นคนทั้งครึ่งแผนก คุณวรรณตกใจมากเลยหลบไปอยู่หลังพี่สะใภ้ มองดูคนในแผนกกรีดร้องแล้วเป็นลมล้มพับไปทีละคนทีละคน รวมถึงพี่สะใภ้คุณวรรณด้วย คุณวรรณตกใจมากเลยวิ่งไปบอกหัวหน้าแผนก หัวหน้าแผนกเลยเรียกให้คนในแผนกอื่นมาช่วยกันหามคนที่เป็นลมกับบางคนที่ยังกรี๊ดอยู่ไปในห้องทำงาน มีคนคนนึงที่กรีดร้องแล้วดิ้นไม่หยุด คุณวรรณเห็นคนนั้นตาเป็นสีแดงเลือดเขาชี้มาไปทางหัวหน้าแผนกแล้วพูดเป็นเสียงผู้ชายบอกให้ย้ายออกไป เพราะเงาตึกไปบังศาลที่เขาอยู่กันมานาน พูดเสร็จคนนั้นก็สลบไป หัวหน้าแผนกเลยไปเล่าเรื่องนี้ให้กับผู้จัดการฟังแต่ผู้จัดการไม่เชื่อแถมยังหาว่าหัวหน้าแผนกกับพนักงานโกหกเพราะจะอู้งาน
อีกวันต่อมา ก็เป็นเหมือนเดิม เวลาเดิมกับเมื่อวาน คุณวรรณได้ยินเสียงกรีดร้องเหมือนเดิมเพิ่มเติมคือหนักขึ้น ทีนี้คนทั้งแผนกยกเว้นคุณวรรณแล้วเพื่อนอีกคนนึงไม่เป็นเพราะคุณวรรณและเพื่อนใส่หลวงพ่อดำมาทำงานด้วย ทีนี้คุณวรรณก็เห็นเพื่อนในแผนกล้มพับตาเหลือกกันไปต่อหน้าต่อตา รวมถึงพี่สะใภ้คุณวรรณที่อยู่ใกล้ๆ แล้วก็เหมือนเดิมหัวหน้าสั่งให้คนที่แผนกอื่นมาหามคนที่เป็นลมเข้าไปในออฟฟิส แต่ครั้งนี้หัวหน้าโทรตามหมอที่จะบังติกอให้มาดู หมอเข้ามาก็ทำพิธีสาดน้ำมนต์ตามหลักศาสนาอิสลาม พอทำพิธีเสร็จหัวหน้าก็ให้ทุกคนโทรให้ญาติมารับ ก่อนที่บริษัทจะประกาศปิดทำงาน 2-3 วัน
( จุดพีคของเรื่องล้ะ )
คุณวรรณก็กลับบ้านมากับพี่สะใภ้แยกย้ายกันไปพักผ่อนตามห้องของตัวเอง ห้องของคุณวรรณจะอยู่ข้างบน ส่วนห้องของพี่สะใภ้อยู่ชั้นล่าง พอตกดึกที่ทุกคนนอนกันหมดแล้ว ก็มีเสียงหมาหอนจนทำให้คนในบ้านตื่น หอนแบบหอนดังมากๆ หอนโหยหวนจนคนในบ้านต้องตื่นมาดู แต่พอไม่มีอะไรคนก็กลับเข้าไปนอนในห้องของตัว พอถึงตอนเช้าทุกคนก็มารวมตัวกันหน้าบ้านกินข้าวกินน้ำชากัน แต่แปลกที่พี่สะใภ้ยังไม่ลงมา ปกติพี่สะใภ้ของคุณวรรณจะตื่นเช้ากว่าทุกคนและจะลงมาก่อนเสมอ แต่เพราะครั้งนี้ยังไม่ตื่น คุณแม่ของคุณวรรณเลยจะไปดูเอง
พอแม่ของคุณวรรณเข้าไปหาพี่สะใภ้ในห้องก็เห็นพี่สะใภ้นอนคุมโปรงอยู่ แกเลยเดินไปดึงผ้าออก ตอนนั้นแหละแม่ของคุณวรรณบอกว่าแกขนลุกไปทั้งตัว เพราะหน้าของพี่สะใภ้นอนจ้องแกตาแดงเป็นเลือด ปากซีดจนแตกเป็นสะเก็ด ตอนนั้นแม่คุณวรรณก็ถามพี่สะใภ้ว่าทำไมไม่ลงไปข้างล่าง พี่จะสะใภ้ตอบมาเสียงทุ่มๆว่า อย่ามายุ่ง แม่ของคุณวรรณแกเลยรีบลงไปบอกคุณวรรณที่นั่งรวมอยู่กับพี่ๆ
ทีนี้คุณวรรณนึกขึ้นได้เลยเล่าเรื่องเมื่อวานให้ทุกคนในบ้านฟัง ทุกคนในบ้านเลยคิดกันว่าพี่สะใภ้คงจะโดนผีเข้าแล้วตามกลับมาบ้าน คุณวรรณไม่ค่อยเชื่อแต่ก็ไม่ได้เถียงอะไร จนกระทั่งพี่สาวคุณวรรณพาพี่สะใภ้ขึ้นรถไปวัด แต่พี่สะใภ้ก็ดิ้นไม่ยอมไป จนเพื่อนในแผนกคนนึงที่จะไปด้วยบอกให้คุณวรรณบอกพี่สะใภ้ว่าจะไปเที่ยว พอบอกเท่านั้นแหละ พี่สะใภ้ก็ลุกขึ้นจะไปด้วยขึ้นมาเลย ทำให้คุณวรรณเริ่มจะคิดว่าพี่สะใภ้ไม่ได้ผีเข้าจริงๆ เลยไม่ตามไปด้วย
พอพี่สาวคุณวรรณขับรถพาพี่สะใภ้ไปจนถึงหน้าวัดพี่จะสะใภ้ก็กรี๊ดโวยวายจะวิ่งลงจากรถ แล้วตะโกนเป็นภาษาใต้ว่า พวกหลอกกู พวกจะพากูเข้าวัด กูร้อน พอพี่สะใภ้ดิ้น พี่สาวกับพี่เขยก็เลยจับพี่สะใภ้ลากเข้าวัด พอเข้าไปถึงในโบสถ พระก็ตะโกนมาว่า เข้ามาแค่สองคนพอ อีกคนนึงไม่ต้องเข้ามา อีกคนนึงที่ว่าหมายถึงพี่สะใภ้ พระท่านบอกกับพี่สาวว่า พระไล่ผีตนนี้ไปไม่ได้หรอก ให้ไปที่อื่นเถอะ พี่สาวเลยพาพี่สะใภ้คุณวรรณไปที่วัดหัวตะลาดแทน เพราะมีเจ้าอาวาสวัดหัวตะลาดแกเคยไล่ผีให้คนมาก่อน แต่พอพาไปเจ้าอาวาสที่จะไปหากลับไม่อยู่ แต่ไปเจอรองเจ้าอาวาสแทน พระท่านก็สั่งให้พี่สาวกับพี่เขยพาพี่สะใภ้เข้าไปในโบสถ ก่อนจะทำพิธีสาดน้ำมนต์ผูกข้อมือจนพี่สะใภ้เป็นปกติ พอเสร็จพิธีพี่สาวก็พากันกลับ แต่ขากลับพี่สะใภ้ดันไปเหยียบก้อนหินในวัด แล้วอยู่ๆก็กรีดร้องขึ้นมาอีก พี่สาวเลยพากลับเข้าไปในโบสถให้รองเจ้าอาวาสทำพิธีอีกรอบ รอบนี้พอทำเสร็จพี่สะใภ้ก็เหมือนจะอ่อนเพลีย พี่สาวเลยพากลับบ้าน
กลับมาบ้านเสร็จพี่สะใภ้ก็กลับเข้าไปนอนในห้องเลย เหมือนทุกอย่างจะปกติ คุณวรรณก็คิดว่าพี่สะใภ้คงจะไม่ได้ผีเข้าจริงๆ จนกระทั่งคืนนี้ อยู่หมาก็หอนเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือหนักมากๆ หอนโหยหวนจนคนในบ้านนอนกันไม่หลับ พอรุ่งเช้า พี่สะใภ้บอกทุกคนว่าอยากกินส้มตำปูปลาล้า คุณวรรณกับน้องข้างบ้านเลยขับรถไปซื้อมาให้ เสร็จพอเอามาใส่ถ้วยใส่จานให้ พอเอามาให้คุณวรรณว่าทำไมตาพี่สะใภ้ยังตาแดงปากซีดอยู่ แม่คุณวรรณเลยถามพี่สะใภ้ว่า นี่ไม่ใช่พี่สะใภ้ใช่มั้ย แล้วพี่สะใภ้ก็ตอบว่า ใช่ เขายังไม่ให้ไป แม่คุณวรรณก็ถามต่อว่าทำไมมาเข้าสิงคนนี้ พี่สะใภ้ก็ตอบว่า มีคนสั่งให้มา มาให้ตบพวกพนักงานให้ล้ม เพราะไม่เชื่อว่าเขามีจริง เลยมาตบให้ดูว่ามีจริง แม่คุณวรรณเลยถามต่ออีกว่า แล้วทำไมไม่ไปตบผู้จัดการที่ไม่เชื่อ เขาก็ตอบกลับมาว่า เพราะมันมีของดีเลยทำอะไรไม่ได้ แล้วคุณวรรณเลยถามว่าตายเพราะอะไร เขาเลยบอกว่า เขาทำงานเรือแต่โดนหลอกมาฆ่า แล้วบอกต่ออีกว่า เดี๋ยวกินส้มตำเสร็จก็จะไปแล้ว พอกินเสร็จแล้วก็ขอน้ำล้างมือ พี่สะใภ้ขอไปนอน ทุกคนเลยคิดว่าผีที่เข้าสิงพี่สะใภ้ไปแล้ว แต่พอตกกลางคืน มีหมามาหอนจรถึงสว่าง ตื่นเช้ามา แม่คุณวรรณเลยไปดู แต่ก็เหมือนเดิม
ทีนี้แม่ของคุณวรรณทนไม่ไหวที่เห็นพี่สะใภ้เริ่มจะทรุดโทรมเลยโทรหาพี่ชายที่เป็นร่างทรงมโนรา พี่ชายแม่คุณวรรณเลยติดต่อกับมโนราที่ขึ้นชื่อเรื่องนี้ให้มาดูพี่สะใภ้ พอโทรเสร็จพี่สาวเลยพาพี่สะใภ้ไปตอนนั้นเลย พอไปถึงช่วงบ่ายเขาให้เรารอจนถึงตอนเย็น ระหว่างรอคุณวรรณก็สังเกตุว่าพี่สะใภ้มีท่าทีแปลกๆจนไม่กล้าจะเข้าใกล้ หัวเราะบ้าง เสียงเปลี่ยนบ้าง ตาแดงเป็นเลือด เหมือนไม่ใช่คน จนมาถึงทำพิธีตอนปนะมาณหกโมงเย็น คนที่ทำเขาใช้วิธีรักษาด้วยตะปูตอกโรงศพ แล้วทำพิธีตามความเชื่อของมโนรา ในระหว่างทำ พี่สะใภ้ก็กรีดร้องแล้วก็สลบไป ตื่นมาก็เป็นปกติเหมือนเดิม ตาหายแดง ปากไม่ซีด คุณวรรณบอกว่าพี่สะใภ้จำอะไรไม่ได้เลยตั้งแต่กลับจากวัด ที่หัวตะลาด พอเสร็จพิธีพี่สะใภ้ก็โดนสั่งห้ามหลายอย่าง อย่างเช่น ห้ามให้ใครตบหัว ห้ามเอาสิ่งไม่ดีมาคุมหัว เสร็จก็พากลับบ้าน เป็นปกติทุกอย่าง
จากวันนั้นคุณวรรณเล่าว่าพี่สะใภ้ชอบบอกว่ามีเสียงคนมาคอยกระซิบ แต่ต่อมาก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนมาถึงวันนี้ แต่ย้อนกลับไปวันนั้น มีเพื่อนในแผนกเดียวกันเจอเหตุการณ์แบบเดียวกัน ได้เสียชีวิตในเวลาเดียวกันกับพี่พี่สะใภ้โดนผีเข้า หมอบอกว่าข้างในระบบล้มเหลว แต่ถ้าเป็นแถวบ้านๆจะเรียกว่าโดนพี่กินจนตาย คุณวรรณเล่าว่าจากที่ไม่เคยเชื่อว่าผีมีอยู่จริง กลับเชื่อเต็มร้อยว่าสิ่งเหล่านี้มันมีอยู่จริงๆ และเจอมากลับตัว
และเรื่องทั้งหมดนี้ก็คือเหตุการณ์จริงที่แม่ของเราเอามาเล่าให้เราฟัง แต่เราไม่เก่งที่จะบรรยายออกไปให้หน้ากลัว เพียงแค่อยากจะมาแชร์ประสบการณ์เกี่ยวกับความเชื่อ ถึงแม้เราจะไม่เชื่อร้อยเปอร์เซ็น แต่ใช่ว่าจะไม่เปิดรับ สำหรับคนที่เคยเจอก็คงจะเชื่อมากเหมือนแม่เรา แต่หลายคนก็ไม่เชื่อเพราะมันเป็นความคิดส่วนบุคคลเพราะงั้นใช้วิจารณญาณกันด้วยนะจ้ะ ขอบคุณที่อ่านค้า