feature film, sci-fi
เรื่อง: Solo: A Star Wars Story (Phil Lord - Christopher Miller - Ron Howard, 2018)
คะแนน: 8/10
หนังจะพาเราไปทำความรู้จักกับ ฮาน โซโล ตัวละครสำคัญตัวหนึ่งจากซีรีส์ Star Wars ตั้งแต่วัยรุ่นและการผจญภัยต่างๆ ของเขา ว่าชื่อ ฮาน โซโล มาจากไหน การพบกันครั้งแรกระหว่างเขา กับ แลนโด้ คาลริสเซียน และยานมิลเลนเนียม ฟาลคอน
ต้องบอกก่อนว่าเราไม่เคยดูซีรีส์นี้ และทั้งหมดจะเป็นรีวิวจากความรู้สึกของคนที่ไม่เคยดูเลยสักภาค อย่างแรกในเรื่องของบท หนังมีความว๊าวความพีคเป็นช่วงๆ เพราะหนังเลือกที่จะเล่นกับความไม่น่าไว้วางใจของคนรอบข้างได้อย่างดี เราแทบไม่รู้เลยว่าใครรอบข้างฮานเป็นคนที่ไว้ใจได้บ้าง ใครที่ไว้ใจไม่ได้บ้าง ซึ่งตรงนี้หนังดึงให้เรารู้สึกอยากติดตามมากๆ ถึงแม้พอเข้าองค์สองหนังจะเริ่มเนือยๆ ไปบ้าง แต่พออเข้าองค์สาม หนังก็อัดแน่นจัดเต็มมาแบบไม่กั๊กเลย
ฉากแอคชั่นและการ design ภาพภายในเรื่องทำออกมาได้ดีมากๆ สมแล้วที่ได้ DP จาก Arrival มากำกับภาพ นอกจากนั้นฉากแอคชั่นในเรื่องยังเป็นการต่อสู้ที่เน้นความไวและไหวพริบของตัวละครอย่างชัดเจน ทุกอย่างเกิดขึ้นไว และไม่มีการโม้ระหว่างต่อสู้ ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ดีและมันส์มากๆ
ภายใต้ฉากแอคชั่นที่อัดแน่นอยู่ตลอดทั้งเรื่อง อีกหนึ่งพาร์ทที่น่าสนใจของหนังคือพาร์ทความรัก ระหว่าง ฮาน และ คีร่า ตัวละครหญิงอีกตัวที่มีบทบาทสำคัญสำหรับฮาน เราว่าพาร์ทนี้เป็นพาร์ทที่เรารู้สึกเอาใจช่วย มันคือความรักบริสุทธิ์ ที่ฝ่ายหนึ่งไม่ต้องการสิ่งใดนอกจากการได้อยู่กับคนที่ตนรัก ยอมทำทุกวิถีทาง แม้มันจะยากลำบากแค่ไหนก็ตาม เพื่อให้เธอได้อยู่ข้างๆ กัน แต่ในขณะเดียวกัน อีกฝ่ายก็รู้สึกรักไม่ต่างกัน แต่ก็ไม่สามารถอยู่ข้างๆ ได้ เพราะชีวิตตนก็สำคัญเช่นกัน นอกจากนั้นแล้ว ยังมีความในใจบางอย่างที่พูดออกมาไม่ได้ หรือแม้กระทั่งความเข้าใจในตัวตนของกันและกัน ความเป็นห่วงเป็นใย ที่บางครั้งอยากพูด อยากเล่า แต่ก็ไม่มีโอกาส ทำได้เพียงสื่อสารผ่านสายตาให้แก่กันและกัน ซึ่งพาร์ทนี้ของหนังทำให้เรารู้สึกอินแบบมากๆ
อีกสิ่งที่น่าสนใจไม่ต่างกับพาร์ทความรัก คือ ประเด็นที่ว่าด้วย การไม่เชื่อใจใคร จะทำให้เราไม่เกิดทุกข์ แต่ในขณะเดียวกัน เราทุกคนก็ล้วนต้องการที่พึ่งพิงทางใจ เช่นคำง่ายๆ อย่าง ครอบครัว ซึ่งอาจจะไม่ต้องเป็นครอบครัวที่แท้จริง อาจเป็นครอบครัวจากคนรอบข้างก็ได้ แต่สถานการณ์ที่เป็นอยู่ มันก็ทำให้เราไม่สามารถเชื่อใจใครได้เต็มร้อย เพราะเราไม่มีทางรู้เลย ว่าคนที่ดีกับเราในวันนี้ พรุ่งนี้จะยังดีอยู่ไหม เรารู้สึกว่าพาร์ทนี้มันมีความเป็นจิตใจมนุษย์ที่สูงและทำให้เราประทับใจสุดๆ
โดยรวมหนังเรื่องนี้คือหนัง Sci-Fi ที่ระหว่างดูไป แทบไม่รู้สึกว่ากำลังดู Star Wars อยู่ เหมือนกำลังดูหนังแอคชั่น ผจญภัย Sci-Fi อวกาศเรื่องหนึ่ง ที่มีทั้งพาร์ทความรักและประเด็นที่น่าสนใจ ถึงแม้ตัวหนังจะมีเนือยๆ ไปบ้างเป็นบางช่วง แต่ก็ต้องยอมรับ ว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนังผจญภัยที่สนุกมากๆ อีกเรื่องเลย
FB Page:
https://www.facebook.com/23SCENES
[CR] Movie Review : ฮาน โซโล - ตำนานสตาร์ วอร์ส [8/10]
feature film, sci-fi
เรื่อง: Solo: A Star Wars Story (Phil Lord - Christopher Miller - Ron Howard, 2018)
คะแนน: 8/10
หนังจะพาเราไปทำความรู้จักกับ ฮาน โซโล ตัวละครสำคัญตัวหนึ่งจากซีรีส์ Star Wars ตั้งแต่วัยรุ่นและการผจญภัยต่างๆ ของเขา ว่าชื่อ ฮาน โซโล มาจากไหน การพบกันครั้งแรกระหว่างเขา กับ แลนโด้ คาลริสเซียน และยานมิลเลนเนียม ฟาลคอน
ต้องบอกก่อนว่าเราไม่เคยดูซีรีส์นี้ และทั้งหมดจะเป็นรีวิวจากความรู้สึกของคนที่ไม่เคยดูเลยสักภาค อย่างแรกในเรื่องของบท หนังมีความว๊าวความพีคเป็นช่วงๆ เพราะหนังเลือกที่จะเล่นกับความไม่น่าไว้วางใจของคนรอบข้างได้อย่างดี เราแทบไม่รู้เลยว่าใครรอบข้างฮานเป็นคนที่ไว้ใจได้บ้าง ใครที่ไว้ใจไม่ได้บ้าง ซึ่งตรงนี้หนังดึงให้เรารู้สึกอยากติดตามมากๆ ถึงแม้พอเข้าองค์สองหนังจะเริ่มเนือยๆ ไปบ้าง แต่พออเข้าองค์สาม หนังก็อัดแน่นจัดเต็มมาแบบไม่กั๊กเลย
ฉากแอคชั่นและการ design ภาพภายในเรื่องทำออกมาได้ดีมากๆ สมแล้วที่ได้ DP จาก Arrival มากำกับภาพ นอกจากนั้นฉากแอคชั่นในเรื่องยังเป็นการต่อสู้ที่เน้นความไวและไหวพริบของตัวละครอย่างชัดเจน ทุกอย่างเกิดขึ้นไว และไม่มีการโม้ระหว่างต่อสู้ ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ดีและมันส์มากๆ
ภายใต้ฉากแอคชั่นที่อัดแน่นอยู่ตลอดทั้งเรื่อง อีกหนึ่งพาร์ทที่น่าสนใจของหนังคือพาร์ทความรัก ระหว่าง ฮาน และ คีร่า ตัวละครหญิงอีกตัวที่มีบทบาทสำคัญสำหรับฮาน เราว่าพาร์ทนี้เป็นพาร์ทที่เรารู้สึกเอาใจช่วย มันคือความรักบริสุทธิ์ ที่ฝ่ายหนึ่งไม่ต้องการสิ่งใดนอกจากการได้อยู่กับคนที่ตนรัก ยอมทำทุกวิถีทาง แม้มันจะยากลำบากแค่ไหนก็ตาม เพื่อให้เธอได้อยู่ข้างๆ กัน แต่ในขณะเดียวกัน อีกฝ่ายก็รู้สึกรักไม่ต่างกัน แต่ก็ไม่สามารถอยู่ข้างๆ ได้ เพราะชีวิตตนก็สำคัญเช่นกัน นอกจากนั้นแล้ว ยังมีความในใจบางอย่างที่พูดออกมาไม่ได้ หรือแม้กระทั่งความเข้าใจในตัวตนของกันและกัน ความเป็นห่วงเป็นใย ที่บางครั้งอยากพูด อยากเล่า แต่ก็ไม่มีโอกาส ทำได้เพียงสื่อสารผ่านสายตาให้แก่กันและกัน ซึ่งพาร์ทนี้ของหนังทำให้เรารู้สึกอินแบบมากๆ
อีกสิ่งที่น่าสนใจไม่ต่างกับพาร์ทความรัก คือ ประเด็นที่ว่าด้วย การไม่เชื่อใจใคร จะทำให้เราไม่เกิดทุกข์ แต่ในขณะเดียวกัน เราทุกคนก็ล้วนต้องการที่พึ่งพิงทางใจ เช่นคำง่ายๆ อย่าง ครอบครัว ซึ่งอาจจะไม่ต้องเป็นครอบครัวที่แท้จริง อาจเป็นครอบครัวจากคนรอบข้างก็ได้ แต่สถานการณ์ที่เป็นอยู่ มันก็ทำให้เราไม่สามารถเชื่อใจใครได้เต็มร้อย เพราะเราไม่มีทางรู้เลย ว่าคนที่ดีกับเราในวันนี้ พรุ่งนี้จะยังดีอยู่ไหม เรารู้สึกว่าพาร์ทนี้มันมีความเป็นจิตใจมนุษย์ที่สูงและทำให้เราประทับใจสุดๆ
โดยรวมหนังเรื่องนี้คือหนัง Sci-Fi ที่ระหว่างดูไป แทบไม่รู้สึกว่ากำลังดู Star Wars อยู่ เหมือนกำลังดูหนังแอคชั่น ผจญภัย Sci-Fi อวกาศเรื่องหนึ่ง ที่มีทั้งพาร์ทความรักและประเด็นที่น่าสนใจ ถึงแม้ตัวหนังจะมีเนือยๆ ไปบ้างเป็นบางช่วง แต่ก็ต้องยอมรับ ว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนังผจญภัยที่สนุกมากๆ อีกเรื่องเลย
FB Page: https://www.facebook.com/23SCENES