Solo: A Star Wars Story (Ron Howard, 2018) คะแนน C+
By Form Corleone
"ย้อนรอยตำนาน 'ฮาน โซโล' ผู้ยิ้มสู้ทุกสถานการณ์" Solo: A Star Wars Story สำหรับเราเป็นเรื่องน่าเสียดายที่เราตั้งความหวังไว้ว่าจะได้รับรู้อะไรเพิ่มเติมจากตัวละครที่เป็นไอคอนนิคของจักรวาลสตาร์วอร์มากว่าที่เป็นอยู่ หนังค่อนข้างพาชวนเบื่อในช่วงกลางเรื่องและไม่มีอะไรให้ชวนน่าติดตามได้ตลอดรอดฝั่ง หรือแม้กระทั่งการพบเจอกันระหว่าง 'ฮาน และ ชิวแบคคา(ชิววี่)' ยังไม่ทำให้เรารู้สึกร่วมอินไปกับมิตรภาพที่เริ่มก่อตัวระหว่างสองตัวละครนี้อย่างน่าประทับใจ รวมถึงความสัมพันธ์ระหว่าง 'แลนโด คาลริสเซียน' และการได้มาของยาน 'มิลเลนเนียม ฟอลคอน' ก็ดูเฉยๆเรียบง่ายธรรมดาๆ นักแสดงนำอย่าง 'อัลเดน เออเร็นริช' ในบทบาท 'ฮาน โซโล' ถึงจะทำได้ดีไม่มีข้อเสียอะไรมาก แต่ก็ยังมีบางมุมที่ไม่ค่อยน่าจดจำหรือไม่สามารถส่งมอบเสน่ห์ความเป็นคนขี้เล่น กวนๆ ผสมเจ้าเล่ห์ ได้เป็นธรรมชาติ ส่วนนักแสดงสมทบสามารถเอาตัวรอดไปได้อย่างไม่ค่อยมีมิติอะไรเด่นชัด ที่น่าสนใจจริงๆสำหรับเรา คือ 'เอมมิเลีย คลาร์ก' ในบทที่เธอได้รับนั้นดูน่าสนใจและโดดเด่นดูมีมิติน่าค้นหา ในส่วนเนื้อหาไม่มีอะไรสลับซับซ้อนดูได้เพลินๆและค่อนข้างเล่นท่าง่าย+ส่งมอบบทสรุปที่ไม่มีอะไรให้ต้องรู้สึกเซอร์ไพรส์แม้จะมีตัวละครจากเส้นเรื่องหลักนอกจาก 'ฮาน โซโล' มาโผล่อยู่ก็ตาม
แน่นอนว่า ตัวงานยังคงมีมาตรฐานที่ดีและไม่ได้มีตำหนิอะไรในทั้งงานฉาก งานภาพ และซาวด์ประกอบ ฉากแอคชั่นทำได้สนุกสนานตามสไตล์ดิสนีย์ ไม่หม่นหมองแม้ว่าเบื้องหลังจะค่อนข้างน่าเศร้าใจก็ตาม หนังเลือกที่จะคุมโทนสดใสแบบน่าขัดใจในบางจังหวะ สำหรับเราหนังขาดความต่อเนื่องในจังหวะสำคัญๆ เสมือนการดูภาพยนตร์ตัวอย่างที่ดีมาร้อยเรียงกันแบบต่อเนื่องๆ ตัวงานจึงไม่มีฉากพีคแบบยาวนานเพราะถูกขัดจังหวะด้วยการตัดสลับฉาก ที่น่าเสียดายคืองานนี้แทบที่จะไม่ทิ้งช่วงระยะหรือทิ้งช่วงโมเม้นต์ทางอารมณ์ให้เรามองเห็นมิติและความคิดของ 'ฮาน โซโล' ในช่วงวัยหนุ่มว่าเขาต้องประสบและผ่านเรื่องราวอะไรมาบ้าง นอกจากวีรกรรมโลดโผน และความยิ้มสู้ทุกสถานการณ์ของตัวละครตัวนี้ อย่างไรเสีย แม้ว่าหนังจะตัดสลับรวดเร็ว แต่ก็ยังคงทิ้งรายละเอียดเล็กๆน้อยๆที่น่าสนใจและสามารถต่อยอดไปถึงเส้นเรื่องหลักหรือแตกย่อยต่อไปได้อีกมากมายพอตัว เรียกว่าไม่ได้สร้างภาคแยกออกมาให้เสียของ และพร้อมจะทำกำไรในภาคแยกจากเส้นเรื่องหลักต่อไปได้อีก (ถ้าประสบความสำเร็จ)
ท้ายสุด 'Solo: A Star Wars Story' ของผู้กำกับ 'รอน ฮาวเวิร์ด' สำหรับเราจึงทำหน้าที่ได้แค่เพียงเป็นภาพยนตร์แนวแอคชั่นผจญภัยท่องอวกาศ โดยไม่ได้ทำให้เรารู้จักตัวละคร 'ฮาน โซโล' อย่างลึกซึ้งและเห็นมิติที่น่าสนใจมากกว่าเดิม น่าเสียดายที่การหยิบตัวละครสำคัญมากๆตัวหนึ่งในจักวาลสตาร์วอร์ มาผลิตเป็นภาพยนตร์เดี่ยวกลับทำได้ไม่ดีมากนัก ทั้งนี้ คงจะขึ้นอยู่กับความชอบส่วนบุคคล เพราะเราชื่นชอบความมืดหม่นแบบ 'Rogue One' มากกว่าความสดใสเหมือนในภาคแยกภาคนี้ ดูเป็นความขัดแย้งในบริบทที่สองเรื่องนี้มีไทม์ไลน์ใกล้เคียงกัน ดังนั้นแล้ว ถ้าใครมีความคาดหวังว่าจะได้เห็นอะไรดีๆอาจจะผิดหวังสักหน่อย แต่ถ้าไม่ขาดหวังอะไรหรือไม่มีความหลังอะไรกับตัวละครตัวนี้มาก การนั่งดู 'Solo: A Star Wars Story' ก็คงจะส่งมอบความสนุกสนานเหมือนกับหนังไซไฟผจญภัย ที่มีเอฟเฟคที่ดี ภาพสวยงาม และมียานบินเท่ห์ๆปกติทั่วไปเรื่องหนึ่งเท่านั้นเอง...
ขอให้มีความสุขกับการรับชมภาพยนตร์ครับ
ตัวอย่างหนัง
ติดตามรีวิวภาพยนตร์ได้ที่
Page:
https://www.facebook.com/MoviesDelightClub/
Blog:
http://moviesdelightclub.blogspot.com/
Review: Solo: A Star Wars Story (Ron Howard, 2018) เขียนโดย Form Corleone
By Form Corleone
"ย้อนรอยตำนาน 'ฮาน โซโล' ผู้ยิ้มสู้ทุกสถานการณ์" Solo: A Star Wars Story สำหรับเราเป็นเรื่องน่าเสียดายที่เราตั้งความหวังไว้ว่าจะได้รับรู้อะไรเพิ่มเติมจากตัวละครที่เป็นไอคอนนิคของจักรวาลสตาร์วอร์มากว่าที่เป็นอยู่ หนังค่อนข้างพาชวนเบื่อในช่วงกลางเรื่องและไม่มีอะไรให้ชวนน่าติดตามได้ตลอดรอดฝั่ง หรือแม้กระทั่งการพบเจอกันระหว่าง 'ฮาน และ ชิวแบคคา(ชิววี่)' ยังไม่ทำให้เรารู้สึกร่วมอินไปกับมิตรภาพที่เริ่มก่อตัวระหว่างสองตัวละครนี้อย่างน่าประทับใจ รวมถึงความสัมพันธ์ระหว่าง 'แลนโด คาลริสเซียน' และการได้มาของยาน 'มิลเลนเนียม ฟอลคอน' ก็ดูเฉยๆเรียบง่ายธรรมดาๆ นักแสดงนำอย่าง 'อัลเดน เออเร็นริช' ในบทบาท 'ฮาน โซโล' ถึงจะทำได้ดีไม่มีข้อเสียอะไรมาก แต่ก็ยังมีบางมุมที่ไม่ค่อยน่าจดจำหรือไม่สามารถส่งมอบเสน่ห์ความเป็นคนขี้เล่น กวนๆ ผสมเจ้าเล่ห์ ได้เป็นธรรมชาติ ส่วนนักแสดงสมทบสามารถเอาตัวรอดไปได้อย่างไม่ค่อยมีมิติอะไรเด่นชัด ที่น่าสนใจจริงๆสำหรับเรา คือ 'เอมมิเลีย คลาร์ก' ในบทที่เธอได้รับนั้นดูน่าสนใจและโดดเด่นดูมีมิติน่าค้นหา ในส่วนเนื้อหาไม่มีอะไรสลับซับซ้อนดูได้เพลินๆและค่อนข้างเล่นท่าง่าย+ส่งมอบบทสรุปที่ไม่มีอะไรให้ต้องรู้สึกเซอร์ไพรส์แม้จะมีตัวละครจากเส้นเรื่องหลักนอกจาก 'ฮาน โซโล' มาโผล่อยู่ก็ตาม
แน่นอนว่า ตัวงานยังคงมีมาตรฐานที่ดีและไม่ได้มีตำหนิอะไรในทั้งงานฉาก งานภาพ และซาวด์ประกอบ ฉากแอคชั่นทำได้สนุกสนานตามสไตล์ดิสนีย์ ไม่หม่นหมองแม้ว่าเบื้องหลังจะค่อนข้างน่าเศร้าใจก็ตาม หนังเลือกที่จะคุมโทนสดใสแบบน่าขัดใจในบางจังหวะ สำหรับเราหนังขาดความต่อเนื่องในจังหวะสำคัญๆ เสมือนการดูภาพยนตร์ตัวอย่างที่ดีมาร้อยเรียงกันแบบต่อเนื่องๆ ตัวงานจึงไม่มีฉากพีคแบบยาวนานเพราะถูกขัดจังหวะด้วยการตัดสลับฉาก ที่น่าเสียดายคืองานนี้แทบที่จะไม่ทิ้งช่วงระยะหรือทิ้งช่วงโมเม้นต์ทางอารมณ์ให้เรามองเห็นมิติและความคิดของ 'ฮาน โซโล' ในช่วงวัยหนุ่มว่าเขาต้องประสบและผ่านเรื่องราวอะไรมาบ้าง นอกจากวีรกรรมโลดโผน และความยิ้มสู้ทุกสถานการณ์ของตัวละครตัวนี้ อย่างไรเสีย แม้ว่าหนังจะตัดสลับรวดเร็ว แต่ก็ยังคงทิ้งรายละเอียดเล็กๆน้อยๆที่น่าสนใจและสามารถต่อยอดไปถึงเส้นเรื่องหลักหรือแตกย่อยต่อไปได้อีกมากมายพอตัว เรียกว่าไม่ได้สร้างภาคแยกออกมาให้เสียของ และพร้อมจะทำกำไรในภาคแยกจากเส้นเรื่องหลักต่อไปได้อีก (ถ้าประสบความสำเร็จ)
ท้ายสุด 'Solo: A Star Wars Story' ของผู้กำกับ 'รอน ฮาวเวิร์ด' สำหรับเราจึงทำหน้าที่ได้แค่เพียงเป็นภาพยนตร์แนวแอคชั่นผจญภัยท่องอวกาศ โดยไม่ได้ทำให้เรารู้จักตัวละคร 'ฮาน โซโล' อย่างลึกซึ้งและเห็นมิติที่น่าสนใจมากกว่าเดิม น่าเสียดายที่การหยิบตัวละครสำคัญมากๆตัวหนึ่งในจักวาลสตาร์วอร์ มาผลิตเป็นภาพยนตร์เดี่ยวกลับทำได้ไม่ดีมากนัก ทั้งนี้ คงจะขึ้นอยู่กับความชอบส่วนบุคคล เพราะเราชื่นชอบความมืดหม่นแบบ 'Rogue One' มากกว่าความสดใสเหมือนในภาคแยกภาคนี้ ดูเป็นความขัดแย้งในบริบทที่สองเรื่องนี้มีไทม์ไลน์ใกล้เคียงกัน ดังนั้นแล้ว ถ้าใครมีความคาดหวังว่าจะได้เห็นอะไรดีๆอาจจะผิดหวังสักหน่อย แต่ถ้าไม่ขาดหวังอะไรหรือไม่มีความหลังอะไรกับตัวละครตัวนี้มาก การนั่งดู 'Solo: A Star Wars Story' ก็คงจะส่งมอบความสนุกสนานเหมือนกับหนังไซไฟผจญภัย ที่มีเอฟเฟคที่ดี ภาพสวยงาม และมียานบินเท่ห์ๆปกติทั่วไปเรื่องหนึ่งเท่านั้นเอง...
ขอให้มีความสุขกับการรับชมภาพยนตร์ครับ
ตัวอย่างหนัง
ติดตามรีวิวภาพยนตร์ได้ที่
Page: https://www.facebook.com/MoviesDelightClub/
Blog: http://moviesdelightclub.blogspot.com/