วรชิตเกิดที่จังหวัดเชียงใหม่ เรื่มเล่นฟุตบอลมาตั้งแต่ 6-7 ขวบ จากนั้นย้ายมาอยู่กรุงเทพฯ 3 ปี (เรียนที่โรงเรียนเพ็ญสมิทธิ์) ด้วยคำแนะนำของ น.อ.จีรศักดิ์ เจริญจันทร์ ทำให้วรชิตตัดสินใจเดินทางมาคัดตัวเข้าอะคาเดมีของสโมสรฟุตบอลชลบุรี เอฟซี ด้วยฝีเท้าที่โดดเด่นเกินวัย วิทยา เลาหกุล ถึงกลับแสดงความเห็นว่า “ผมยังจำวันแรกที่ยิมมาอยู่กับเราได้เลย เขาเป็นเด็กตัวเล็กๆ ตาตี่ๆ มีเบสิคและทักษะดีมาก และต้องยอมรับเลยว่าเขามีของ"
วรชิตใช้เวลาฝึกฝนกับอะคาเดมีชลบุรี 5 ปี จากนั้นจึงถูกส่งไปทดสอบฝีเท้ากับสโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ซิตี ประเทศอังกฤษ และไปฝึกฝีเท้าที่สโมสรฟุตบอล วิสเซล โกเบ ประเทศญี่ปุ่น เมื่อกลับมาประเทศไทย วรชิตถูกส่งตัวไปเก็บประสบการณ์ที่สโมสรพานทอง เอฟซี ในระดับดิวิชั่น 2 จนถึงปี 2558 วรชิตจึงถูกดันขึ้นทีมชุดใหญ่ของชลบุรี เอฟซี ในระดับไทยพรีเมียร์ลีก และสามารถทำประตูแรกในลีกสูงสุดได้สำเร็จ ในนัดที่เจอกับราชบุรี มิตรผล เอฟซี ซึ่งถือเป็นสถิติผู้เล่นอายุน้อยที่สุดที่ทำประตูได้ในลีกสูงสุดในช่วงนั้นด้วยอายุเพียง 17 ปี 340 วัน ต่อมาในเดือนธันวาคม 2558 วรชิตได้รับโอกาสการเข้าทดสอบฝีเท้าและร่วมฝึกซ้อมกับ เอฟซี โตเกียว ทีมจากเจลีก ประเทศญี่ปุ่น เป็นเวลา 1 สัปดาห์
วรชิตมีชื่อติดทีมชาติไทยชุดอายุไม่เกิน 19 ปี ชิงแชมป์อาเซียน ที่ สปป.ลาว และสามารถคว้าแชมป์มาครองได้สำเร็จ โดยเจ้าตัวได้รับตำแหน่งดาวซัลโวประจำรายการโดยยิงไปทั้งสิ้น 6 ประตู ต่อด้วยรายการคัดเลือกชิงแชมป์เอเชีย 2016 ที่ประเทศบาห์เรน และจากผลงานการเล่นที่โดดเด่นในรายการชิงแชมป์อาเซียนและรอบคัดเลือกชิงแชมป์เอเชีย ทำให้โชคทวี พรหมรัตน์ ตัดสินใจเรียกตัววรชิตร่วมทีมชาติไทยชุดอายุไม่เกิน 23 ปี (ปรีโอลิมปิก)
วรชิต มีชื่อติดทีมชาติไทยชุดอายุไม่เกิน 22 ปี ภายใต้การคุมทีมของวรวุฒิ ศรีมะฆะ ในรายการซีเกมส์ 2017 ที่ประเทศมาเลเซีย และสามารถคว้าเหรียญทองมาได้ ด้วยผลงานยิง 1 ประตู ในนัดที่พบกับติมอร์เลสเต
ในไทยลีกฤดูกาล 2018 วรชิตยิงไปแล้ว 7 ประตู ในนามสโมสรชลบุรี เอฟซี
สมัยเรียนที่โรงเรียนเพ็ญสมิทธิ์
ชลบุรี อะดาเดมี่ ที่อำเภอบ้านบึง จังหวัดชลบุรี
รองชนะเลิศฟุตบอลแชมป์กีฬา 7 สี 2015 ในนามโรงเรียนท่าข้ามพิทยาคม
กว่าจะมาเป็น วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ
วรชิตใช้เวลาฝึกฝนกับอะคาเดมีชลบุรี 5 ปี จากนั้นจึงถูกส่งไปทดสอบฝีเท้ากับสโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ซิตี ประเทศอังกฤษ และไปฝึกฝีเท้าที่สโมสรฟุตบอล วิสเซล โกเบ ประเทศญี่ปุ่น เมื่อกลับมาประเทศไทย วรชิตถูกส่งตัวไปเก็บประสบการณ์ที่สโมสรพานทอง เอฟซี ในระดับดิวิชั่น 2 จนถึงปี 2558 วรชิตจึงถูกดันขึ้นทีมชุดใหญ่ของชลบุรี เอฟซี ในระดับไทยพรีเมียร์ลีก และสามารถทำประตูแรกในลีกสูงสุดได้สำเร็จ ในนัดที่เจอกับราชบุรี มิตรผล เอฟซี ซึ่งถือเป็นสถิติผู้เล่นอายุน้อยที่สุดที่ทำประตูได้ในลีกสูงสุดในช่วงนั้นด้วยอายุเพียง 17 ปี 340 วัน ต่อมาในเดือนธันวาคม 2558 วรชิตได้รับโอกาสการเข้าทดสอบฝีเท้าและร่วมฝึกซ้อมกับ เอฟซี โตเกียว ทีมจากเจลีก ประเทศญี่ปุ่น เป็นเวลา 1 สัปดาห์
วรชิตมีชื่อติดทีมชาติไทยชุดอายุไม่เกิน 19 ปี ชิงแชมป์อาเซียน ที่ สปป.ลาว และสามารถคว้าแชมป์มาครองได้สำเร็จ โดยเจ้าตัวได้รับตำแหน่งดาวซัลโวประจำรายการโดยยิงไปทั้งสิ้น 6 ประตู ต่อด้วยรายการคัดเลือกชิงแชมป์เอเชีย 2016 ที่ประเทศบาห์เรน และจากผลงานการเล่นที่โดดเด่นในรายการชิงแชมป์อาเซียนและรอบคัดเลือกชิงแชมป์เอเชีย ทำให้โชคทวี พรหมรัตน์ ตัดสินใจเรียกตัววรชิตร่วมทีมชาติไทยชุดอายุไม่เกิน 23 ปี (ปรีโอลิมปิก)
วรชิต มีชื่อติดทีมชาติไทยชุดอายุไม่เกิน 22 ปี ภายใต้การคุมทีมของวรวุฒิ ศรีมะฆะ ในรายการซีเกมส์ 2017 ที่ประเทศมาเลเซีย และสามารถคว้าเหรียญทองมาได้ ด้วยผลงานยิง 1 ประตู ในนัดที่พบกับติมอร์เลสเต
ในไทยลีกฤดูกาล 2018 วรชิตยิงไปแล้ว 7 ประตู ในนามสโมสรชลบุรี เอฟซี
สมัยเรียนที่โรงเรียนเพ็ญสมิทธิ์
ชลบุรี อะดาเดมี่ ที่อำเภอบ้านบึง จังหวัดชลบุรี
รองชนะเลิศฟุตบอลแชมป์กีฬา 7 สี 2015 ในนามโรงเรียนท่าข้ามพิทยาคม