นับจนถึงวันนี้ เวียดนามได้แชมป์ AFF ไปแล้ว 5 วัน แต่สิ่งที่พวกเขายังทำอยู่ คือไล่ถล่มวงการฟุตบอลไทยอย่างต่อเนื่อง
ในเพจคอนซาโดเล่ ซัปโปโร โพสต์ไหนก็ตามที่เกี่ยวข้องกับสุภโชค สารชาติ จะมีมวลมหาประชาชนเวียดนาม เข้าไปคอมเมนต์ด่าทอสุภโชค แล้วบอกให้สโมสรขับไล่สุภโชคออกจากทีมซะ
แม้แต่ "ทิซัง" ทิวาพล สังขพันธ์ อดีตล่ามของสุภโชคก็ยังโดนคนเวียดนามถล่มในเพจส่วนตัว รวมถึงอินสตาแกรมของน้องชาย- ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา ก็โดนคนเวียดนามเข้าไปคอมเมนต์ว่า "บอกพี่ชายของนายว่าอย่าเล่นฟุตบอลแบบนั้นอีก ไม่งั้นฟุตบอลบ้านแกก็ไม่เจริญหรอก ฮ่าฮ่าฮ่า"
ไม่ใช่แค่ตัวนักกีฬา แม้แต่เพจฟุตบอลต่างๆ ก็มีคนเวียดนามไปเมนต์กันรัวๆ เพจมาดามแป้ง นายกสมาคมฯ ก็ยังโดน
ความบ้าไม่หยุดแค่นั้น ในเพจคอนซาโดเล่ ซัปโปโร จะมีโพสต์แฮปปี้เบิร์ธเดย์ นักเตะชื่อ คิงลอร์ด ซาโฟ (กาน่า) แต่มีชาวเวียดนามไปเม้นต์ด่าสุภโชคเต็มไปหมด แบบไม่เห็นจะเกี่ยวไรกันเลย
มันเลยเกิดคำถามว่า เฮ้ย ทำไมคนเวียดนาม ถึงต้องการโจมตีเราขนาดนี้
ถ้าหากบอลแพ้แล้วแค้น ก็ว่าไปอย่าง ก็คงเจ็บใจที่แพ้ แต่นี่บอลก็ชนะ ได้แชมป์ AFF ไปแล้ว แต่ก็ยังจองเวรต่อกันอยู่
ตามปกติคนเรา ถ้าชนะการแข่ง ก็น่าจะดีใจกันเอง เฮฮากันเอง แต่แฟนบอลเวียดนาม (รวมถึงนักเตะเองหลายคน) รู้สึกว่าแค่ชนะไม่พอ แต่ต้องเหยียบย่ำไทยให้จมด้วย ถึงจะมีความสุข
ส่วนตัวผม คิดว่าคนไทยเราไม่ได้โมโหอะไรหรอกครับ เวลาเห็นคนเวียดนามมาเมนต์ แต่มันน่ารำคาญ เหมือนแมลงที่บินหวี่ๆ ใกล้ๆ หู
นอกจากน่ารำคาญแล้ว ก็รู้สึกว่าแฟนบอลเวียดนามนี่ไร้มารยาทมากจริงๆ ที่ยกพลไปป่วนในพื้นที่ของคนอื่น
ชาวบ้านเขาคุยเรื่องหนึ่งกันอยู่ ก็ลากเรื่องเกมนัดชิง AFF เข้าไปมั่วไปหมด
ประเด็นที่เราต้องคิดต่อ คือ ทำไมคนเวียดนามถึงอยากจะข่มไทยขนาดนั้น แบบเกินเบอร์ไปมากๆ
ผมจะพยายามเข้าใจความคิดของคนเวียดนามน่ะครับ และก็พอได้คำตอบครับ (จากการวิเคราะห์ของตัวเอง)
ผมคิดว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมา วงการกีฬาเวียดนาม "ตกต่ำ" ลงอย่างมาก จนไม่มีอะไรให้เชิดหน้าชูตาอีกแล้ว และแน่นอนว่า ไม่มีอะไรสู้กับวงการกีฬาของไทยได้
ทั้งๆ ที่จำนวนประชากร ในปัจจุบัน เวียดนามมี 100 ล้านคน ส่วนไทยมี 65 ล้านคน มากกว่าเราตั้งเยอะ ราว 1 ใน 3 แต่ก็ยังไม่สามารถทำผลงานที่ดีกว่า ในแทบๆ ทุกมิติของวงการกีฬา
ผมไปลิสต์เลยนะครับ ว่าเวียดนามดร็อปอย่างไร และในอีเวนต์เดียวกันนั้น วงการกีฬาไทย ก้าวหน้ากว่าอย่างไรบ้าง
- โอลิมปิกที่โตเกียว ปี 2020 เวียดนามมีนักกีฬาไปร่วมแข่งทั้งหมด 18 คน ได้ "0 เหรียญ" ทองแดงก็ไม่มี ส่วนประเทศไทยได้โควต้านักกีฬา 41 คน ได้มา 1 เหรียญทอง 1 เหรียญทองแดง
- โอลิมปิกที่ปารีส ปี 2024 เวียดนามมีนักกีฬาไปแข่งทั้งหมด 16 คน ได้ "0 เหรียญ" เช่นเดิม ส่วนไทยผลงานดีขึ้นไปอีก ส่งไป 51 คน ได้ 1 ทอง 3 เงิน 2 ทองแดง
- เวียดนามตั้งเป้าว่าในเอเชียนเกมส์ 2022 ที่หังโจว จะจบอันดับสวยๆ ติด 1 ใน 15 ของทวีป แต่ผลลัพธ์คือ เวียดนามทำได้แค่ 3 เหรียญทอง อยู่อันดับที่ 21 ของทวีป ตรงข้ามกับไทย ที่ได้ 12 เหรียญทอง อยู่อันดับ 8 ของเอเชีย
- ฟุตบอลเอเชียนคัพ 2023 ที่กาตาร์ เวียดนามคือทีมแรกที่ร่วงรอบแรก โดยแพ้รวด 3 เกม ได้ 0 แต้ม ขณะที่ทีมอื่นในกลุ่ม (อิรัก, ญี่ปุ่น, อินโดนีเซีย) จูงมือเข้ารอบกันทุกคน ขณะที่ทีมชาติไทย เข้ารอบแบบไม่แพ้ใครเลย และไม่เสียประตูในรอบแบ่งกลุ่มด้วย (ชนะ คีร์กีซสถาน, เสมอ โอมาน, เสมอ ซาอุดิอาระเบีย) ไทยเข้ารอบลึกกว่าเวียดนาม โดยไปได้ถึงรอบ 16 ทีมสุดท้าย
- ในมอเตอร์สปอร์ต เรามีสมเกียรติ จันทรา ในโมโตจีพี และ อเล็กซ์ อัลบอน ในเอฟวัน รวมถึงยังจัดแข่งขันโมโตจีพี ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ ที่บุรีรัมย์ โดยในปีหน้าจะได้เป็น Opening Race เลยด้วย ส่วนเวียดนาม ไม่มีนักกีฬาในเลเวลอีลีท รวมถึง ไม่มีอีเวนต์ระดับโลก เคยเกือบได้จัด เอฟวัน เวียดนาม กรังด์ปรีซ์ แต่ก็มีข่าวเรื่องหุ้นส่วนทำทุจริตจนโดนเอฟวันชักปลั๊กไปจัดที่อื่นแทน
- ในกีฬากอล์ฟ ปัจจุบัน ไทยมีนักกอล์ฟหญิง ติดอันดับ 1 ใน 100 ของ LPGA ทั้งหมด 8 คน ส่วนเวียดนามมี 0 คน
- ค่าสัมประสิทธิ์สโมสรฟุตบอลเอเชีย ที่เอาไว้พิจารณาว่าลีกฟุตบอลของประเทศไหน มีคุณภาพมากที่สุด ประเทศไทยอยู่อันดับ 8 ของเอเชีย ส่วนเวียดนามอยู่อันดับ 12
- ค่าฟีฟ่าเวิลด์แรงค์กิ้ง ประเทศไทยอยู่อันดับ 97 ของโลก (อันดับ 15 ของเอเชีย - อันดับ 1 ของอาเซียน) ส่วนเวียดนามโดนไทยแซงไปแล้ว ปัจจุบันอยู่อันดับ 114 ของโลก (อันดับ 20 ของเอเชีย - อันดับ 2 ของอาเซียน)
- ในถ้วยสโมสรที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย ACL Elite มีสโมสรไทย 1 ทีมร่วมแข่งขัน คือบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ส่วนของเวียดนาม ไม่มี
- ในถ้วยที่ใหญ่รองลงมา ACL2 มีสโมสรจากไทยเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายถึง 3 ทีม ได้แก่ แบงค็อก, ท่าเรือ และ เมืองทอง ส่วนของเวียดนามมีทีมเดียวคือ นัม ดินห์
- เวียดนาม เคยส่งออกนักเตะไปเล่นในเจลีก ทั้งหมด 10 คน และล้มเหลว "ทุกคน" คนที่พอจะได้เล่นมากหน่อย คือเล คอง วินห์ ได้เล่น 9 นัด ให้คอนซาโดเล่ ซัปโปโร ตอนอยู่ J2 ยิงไป 2 ลูก ส่วนเหงียน คอง เฟือง เล่นกับทีมมิโตะ ฮอลลี่ฮอค 1 ปี ได้ลงใน J2 แค่ 74 นาที จากนั้นย้ายไปโยโกฮาม่า เอฟซี ใน J2 ได้ลง 0 นาที
ตรงข้ามกับนักเตะไทย ที่ส่งออกไปหลายคน และประสบความสำเร็จหลายคน ชนาธิป สรงกระสินธิ์ เป็นคนอาเซียนคนแรก ที่ติดทีมออลสตาร์เจลีก, ธีราทร บุญมาทัน คว้าแชมป์เจลีกได้ กับโยโกฮาม่า มารินอส, ธีรศิลป์ แดงดา ยิงได้ต่อเนื่องทั้งกับซานเฟรซเซ่ ฮิโรชิม่า และ ชิมิสึ เอสพัลส์, ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ เป็นตัวหลักของโออิตะ ทรินิต้า จำนวนเกมของฐิติพันธ์ใน J1 คนเดียว มากกว่านักเตะเวียดนามทั้งหมดรวมกัน, สุภโชค สารชาติ คือคีย์แมนของคอนซาโดเล่ ซัปโปโร ขณะที่ เอกนิษฐ์ ปัญญา ก็ทำประตูได้ในเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก กับอุราวะ เรดส์
- เวียดนาม เคยส่งนักเตะไปเล่นใน K1 ลีกฟุตบอลเกาหลีใต้ทั้งหมด 2 คน คือ ลวง ซวน เตรือง กับ เหงียน คอง เฟือง ไม่ประสบความสำเร็จทั้งสองคน ส่วนประเทศไทย ก็เคยส่งไป 2 คนเช่นกัน และได้แชมป์เคลีกทั้งคู่ นั่นคือ ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน (1985 - ลัคกี้ โกลด์สตาร์) และ ศศลักษณ์ ไหประโคน (2021- ชนบุก ฮุนได มอเตอร์ส) ในเคสของปิยะพงษ์นอกจากแชมป์ ก็ยังได้ดาวซัลโว และติดทีมออลสตาร์อีกด้วย ส่วนศศลักษณ์แม้จะได้ลงเล่นน้อยไปหน่อย (2 นัด) แต่อย่างน้อยก็ถูกจารึกชื่อว่าเป็นแชมป์ในตอนจบ
- เวียดนาม ไม่ผ่านเข้ารอบ ฟุตซอลชิงแชมป์โลกในปี 2024 ทั้งๆ ที่เคยทำได้มาสองครั้งก่อนหน้านี้ ส่วนไทยผ่านเข้ารอบ 7 ครั้งติดต่อกัน และเรายังทะลุถึงรอบ 16 ทีมสุดท้ายได้อีกด้วย
- ในแง่การท่องเที่ยวเชิงกีฬา ประเทศเวียดนาม ตั้งเป้าทำรายได้ในปี 2025 ราว 91.22 ล้านดอลลาร์ (3,156 ล้านบาท) ส่วนของประเทศไทย เราตั้งเป้าจะทำรายได้จากการท่องเที่ยวเชิงกีฬา ในระดับ 45,580 ล้านบาท มากกว่าของเวียดนามเกิน 10 เท่า
ประเทศไทยมีอีเวนต์กีฬามากมาย ที่รองรับนักท่องเที่ยวทั่วโลก ทั้งมาราธอนระดับคุณภาพ, เวทีมวยไทยที่สุดยอดทั้งราชดำเนิน และ ลุมพินี, กีฬาทางน้ำ, โมโตจีพี, ฮอนด้า แอลพีจีเอ ฯลฯ ไม่มีอะไรที่ไทยเป็นรองเวียดนาม ถ้าพูดถึงการท่องเที่ยวเชิงกีฬา
ทั้งหมดที่กล่าวมา เราจะเห็นเลยว่า ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ช่องว่างเรื่องกีฬาของไทย กับ เวียดนาม ยิ่งฉีกห่างออกไปเรื่อยๆ ในทุกๆ มิติ ทั้งในสนาม และนอกสนาม
ในสายตาของคนเวียดนาม ประเทศไทยทำอะไรก็สำเร็จ จนดูเหมือนเป็นบอสใหญ่ในภูมิภาค ที่พวกเขาก้าวข้ามไม่ได้เสียที มันสะสมกลายเป็นความโกรธเคือง หรือริษยาอยู่ในใจ
ดังนั้นเมื่อนานๆ ที เวียดนามจะประสบความสำเร็จเหนือไทย ด้วยตำแหน่งแชมป์ AFF สมัยที่ 3 แถมยังบุกมาคว้าแชมป์ได้ที่ราชมังคลากีฬาสถาน ก็ไม่แปลกที่พวกเขาจะดีใจกันขนาดนั้น
อย่างน้อยก็โค่นไทยลงได้บ้างในโลกกีฬา สักเรื่องก็ยังดี
และยิ่งนานๆ ที จะเห็น "ช่องให้โจมตี" อย่างกรณีประตูของสุภโชค ก็เล่นซะเต็มเหนี่ยวเลย ทั้งๆ ที่สุภโชคอธิบายไปแล้วอย่างชัดเจนว่าจังหวะนั้นคืออะไร แต่ก็ไม่ได้สนใจจะรับฟังอะไร
หลายคนมองว่า สุภโชค คือนักเตะไทยที่ประสบความสำเร็จมากๆ และถูกยอมรับในเจลีก พอคนเวียดนามโจมตีเรื่องฝีเท้าไม่ได้ (เพราะไม่มีใครของเวียดนามก้าวไปถึงระดับนั้นได้เลย) ก็มาโจมตีเรื่องสปิริต ในแนวทางนั้นไป
เอาจริงๆ นะครับ ถ้าจะบอกว่าสุภโชคไม่มีน้ำใจนักกีฬาล่ะก็ การกระทำของแฟนเวียดนามที่โพสต์แย่ๆ ไปทั่วโลกออนไลน์ มันยิ่งไม่มีน้ำใจนักกีฬากว่าเสียอีก เพราะเบสิคแรกสุด อย่าง รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย ยังทำไม่ได้เลย
แต่คือ ก็เข้าใจได้อยู่ นานๆ ทีเวียดนามจะมีประเด็นให้เล่นงานไทยได้ พวกเขาก็ไม่พลาดโอกาสที่จะเหยียบซ้ำหรอกครับ
ชาวเน็ตเวียดนาม พยายามหัวเราะ และถากถาง แฟนบอลไทย ที่โดนแย่งแชมป์คาบ้าน โดยไม่ได้สนใจเลยว่า ไทยได้แชมป์รายการ AFF ไปกี่ครั้งแล้ว (7 ครั้ง) ได้จนบ่อยขนาดที่ เราเริ่มคุยกันแล้วว่า ไม่ต้องให้ความสำคัญกับ AFF ที่อยู่นอกฟีฟ่าเดย์มากก็ได้
ชาวเน็ตเวียดนาม ประกาศว่าตัวเองเป็นราชาอาเซียน โดยไม่ได้แคร์ว่า ทีมไทยชุด AFF เราไม่ได้เรียกชนาธิป สรงกระสินธิ์, ไม่ได้เรียกธีราทร บุญมาทัน, ไม่ได้เรียกเจริญศักดิ์ วงษ์กรณ์, ไม่ได้เรียกเอเลียส ดอเลาะ, ไม่ได้เรียกศุภชัย ใจเด็ด ฯลฯ มาสักคนเลยด้วยซ้ำ ตัวโอนสัญชาติเราก็ไม่มีนะ
แล้วไม่ใช่แค่ชาวเน็ตนะครับ แต่สื่อเวียดนาม ก็พยายามทำให้ไทยเป็นตัวร้าย ตัวโกงมากที่สุด
มีสำนักข่าวเวียดนามแห่งหนึ่ง พาดหัวว่า "มาดามแป้ง เตรียมดึงนักเตะโอนสัญชาติให้ทีมไทย" พอคนเวียดนามมาอ่าน ก็เยาะเย้ยไทยว่า แหม ทำเป็นแซะเหงียน ซวน เซิน ตัวเองก็คิดจะโอนละวะ
แต่พอไปอ่านเนื้อจริงๆ มาดามแป้งสนใจจะดึง เอริค คาห์ล (ลูกครึ่งไทย-สวีเดน) หรือ จู๊ด เบลล์ (ลูกเสี้ยวไทย-อังกฤษ) มาร่วมทัพต่างหาก คือ ไม่เกี่ยวกับตัวโอนสัญชาติแบบที่เวียดนามทำเลยสักนิด
อีกสำนักข่าวหนึ่งของเวียดนาม ก็เอาคอลัมน์ของสยามสปอร์ตมาแปล แล้วพาดหัวยั่วยุ บอกว่า "ไทยไม่ได้แชมป์เพราะใช้ผู้เล่นชุด C" เจตนาคือเห็นๆ เลยว่า กะให้คนเวียดนามที่เข้ามาอ่าน มารุมด่าไทย
ผมเลยรู้สึกว่า โอ้โห เวียดนามนี่สุดยอดเหมือนกันนะ ปากก็ด่าไทย แต่กลับ Obsess คลั่งไคล้ทุกย่าวก้าวของไทยน่าดู
สุดท้ายจึงอยากบอกว่า ในช่วงนี้ ถ้าเราเห็นชาวเวียดนาม มาไล่เกรียนตามเพจ ตามไอจี หรือเห็นสื่อเวียดนามเสนอข่าวแง่ลบกับทีมไทยบ่อยๆ ก็อดทนหน่อยนะครับ
พยายามปล่อยผ่านมันไปครับ หรือถ้ารำคาญใจก็บล็อก หรือ แบน ไปเลยก็ได้ครับผม จะได้ไม่เป็น Toxic กับความรู้สึกเนอะ
แต่ถ้าไม่คิดอะไรมากก็อ่านเอาขำๆ ไปก็ได้ครับ อยากรู้เหมือนกันว่าจะคลั่งได้ถึงเบอร์ไหน
ก็นะ ในมุมของคนที่เขาด้อยกว่าทุกทาง เมื่อนานๆ ทีจะเจอความสำเร็จ ก็ย่อมอยากปลดปล่อยเป็นธรรมดา และพยายาม ทำให้ทุกคนเชื่อ ว่าเวียดนามคือทีมฟุตบอลคุณธรรมผู้แสนดี
ส่วนไทยเรา ในสายตาของเวียดนาม ก็เป็นแค่ทีมมาเฟียจอมโกง ที่เป็นเหมือนบอสใหญ่ ที่ต้องโดนพระเอกอย่างพวกเขากำจัดให้สิ้นซาก
แต่ก็อย่างว่าล่ะครับ คนทุกคนก็ย่อมคิดว่าตัวเองเป็นพระเอก ในนิยายที่ตัวเองเขียน เป็นธรรมดาครับผม
อย่างนี้นี่เอง 5555
ในเพจคอนซาโดเล่ ซัปโปโร โพสต์ไหนก็ตามที่เกี่ยวข้องกับสุภโชค สารชาติ จะมีมวลมหาประชาชนเวียดนาม เข้าไปคอมเมนต์ด่าทอสุภโชค แล้วบอกให้สโมสรขับไล่สุภโชคออกจากทีมซะ
แม้แต่ "ทิซัง" ทิวาพล สังขพันธ์ อดีตล่ามของสุภโชคก็ยังโดนคนเวียดนามถล่มในเพจส่วนตัว รวมถึงอินสตาแกรมของน้องชาย- ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา ก็โดนคนเวียดนามเข้าไปคอมเมนต์ว่า "บอกพี่ชายของนายว่าอย่าเล่นฟุตบอลแบบนั้นอีก ไม่งั้นฟุตบอลบ้านแกก็ไม่เจริญหรอก ฮ่าฮ่าฮ่า"
ไม่ใช่แค่ตัวนักกีฬา แม้แต่เพจฟุตบอลต่างๆ ก็มีคนเวียดนามไปเมนต์กันรัวๆ เพจมาดามแป้ง นายกสมาคมฯ ก็ยังโดน
ความบ้าไม่หยุดแค่นั้น ในเพจคอนซาโดเล่ ซัปโปโร จะมีโพสต์แฮปปี้เบิร์ธเดย์ นักเตะชื่อ คิงลอร์ด ซาโฟ (กาน่า) แต่มีชาวเวียดนามไปเม้นต์ด่าสุภโชคเต็มไปหมด แบบไม่เห็นจะเกี่ยวไรกันเลย
มันเลยเกิดคำถามว่า เฮ้ย ทำไมคนเวียดนาม ถึงต้องการโจมตีเราขนาดนี้
ถ้าหากบอลแพ้แล้วแค้น ก็ว่าไปอย่าง ก็คงเจ็บใจที่แพ้ แต่นี่บอลก็ชนะ ได้แชมป์ AFF ไปแล้ว แต่ก็ยังจองเวรต่อกันอยู่
ตามปกติคนเรา ถ้าชนะการแข่ง ก็น่าจะดีใจกันเอง เฮฮากันเอง แต่แฟนบอลเวียดนาม (รวมถึงนักเตะเองหลายคน) รู้สึกว่าแค่ชนะไม่พอ แต่ต้องเหยียบย่ำไทยให้จมด้วย ถึงจะมีความสุข
ส่วนตัวผม คิดว่าคนไทยเราไม่ได้โมโหอะไรหรอกครับ เวลาเห็นคนเวียดนามมาเมนต์ แต่มันน่ารำคาญ เหมือนแมลงที่บินหวี่ๆ ใกล้ๆ หู
นอกจากน่ารำคาญแล้ว ก็รู้สึกว่าแฟนบอลเวียดนามนี่ไร้มารยาทมากจริงๆ ที่ยกพลไปป่วนในพื้นที่ของคนอื่น
ชาวบ้านเขาคุยเรื่องหนึ่งกันอยู่ ก็ลากเรื่องเกมนัดชิง AFF เข้าไปมั่วไปหมด
ประเด็นที่เราต้องคิดต่อ คือ ทำไมคนเวียดนามถึงอยากจะข่มไทยขนาดนั้น แบบเกินเบอร์ไปมากๆ
ผมจะพยายามเข้าใจความคิดของคนเวียดนามน่ะครับ และก็พอได้คำตอบครับ (จากการวิเคราะห์ของตัวเอง)
ผมคิดว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมา วงการกีฬาเวียดนาม "ตกต่ำ" ลงอย่างมาก จนไม่มีอะไรให้เชิดหน้าชูตาอีกแล้ว และแน่นอนว่า ไม่มีอะไรสู้กับวงการกีฬาของไทยได้
ทั้งๆ ที่จำนวนประชากร ในปัจจุบัน เวียดนามมี 100 ล้านคน ส่วนไทยมี 65 ล้านคน มากกว่าเราตั้งเยอะ ราว 1 ใน 3 แต่ก็ยังไม่สามารถทำผลงานที่ดีกว่า ในแทบๆ ทุกมิติของวงการกีฬา
ผมไปลิสต์เลยนะครับ ว่าเวียดนามดร็อปอย่างไร และในอีเวนต์เดียวกันนั้น วงการกีฬาไทย ก้าวหน้ากว่าอย่างไรบ้าง
- โอลิมปิกที่โตเกียว ปี 2020 เวียดนามมีนักกีฬาไปร่วมแข่งทั้งหมด 18 คน ได้ "0 เหรียญ" ทองแดงก็ไม่มี ส่วนประเทศไทยได้โควต้านักกีฬา 41 คน ได้มา 1 เหรียญทอง 1 เหรียญทองแดง
- โอลิมปิกที่ปารีส ปี 2024 เวียดนามมีนักกีฬาไปแข่งทั้งหมด 16 คน ได้ "0 เหรียญ" เช่นเดิม ส่วนไทยผลงานดีขึ้นไปอีก ส่งไป 51 คน ได้ 1 ทอง 3 เงิน 2 ทองแดง
- เวียดนามตั้งเป้าว่าในเอเชียนเกมส์ 2022 ที่หังโจว จะจบอันดับสวยๆ ติด 1 ใน 15 ของทวีป แต่ผลลัพธ์คือ เวียดนามทำได้แค่ 3 เหรียญทอง อยู่อันดับที่ 21 ของทวีป ตรงข้ามกับไทย ที่ได้ 12 เหรียญทอง อยู่อันดับ 8 ของเอเชีย
- ฟุตบอลเอเชียนคัพ 2023 ที่กาตาร์ เวียดนามคือทีมแรกที่ร่วงรอบแรก โดยแพ้รวด 3 เกม ได้ 0 แต้ม ขณะที่ทีมอื่นในกลุ่ม (อิรัก, ญี่ปุ่น, อินโดนีเซีย) จูงมือเข้ารอบกันทุกคน ขณะที่ทีมชาติไทย เข้ารอบแบบไม่แพ้ใครเลย และไม่เสียประตูในรอบแบ่งกลุ่มด้วย (ชนะ คีร์กีซสถาน, เสมอ โอมาน, เสมอ ซาอุดิอาระเบีย) ไทยเข้ารอบลึกกว่าเวียดนาม โดยไปได้ถึงรอบ 16 ทีมสุดท้าย
- ในมอเตอร์สปอร์ต เรามีสมเกียรติ จันทรา ในโมโตจีพี และ อเล็กซ์ อัลบอน ในเอฟวัน รวมถึงยังจัดแข่งขันโมโตจีพี ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ ที่บุรีรัมย์ โดยในปีหน้าจะได้เป็น Opening Race เลยด้วย ส่วนเวียดนาม ไม่มีนักกีฬาในเลเวลอีลีท รวมถึง ไม่มีอีเวนต์ระดับโลก เคยเกือบได้จัด เอฟวัน เวียดนาม กรังด์ปรีซ์ แต่ก็มีข่าวเรื่องหุ้นส่วนทำทุจริตจนโดนเอฟวันชักปลั๊กไปจัดที่อื่นแทน
- ในกีฬากอล์ฟ ปัจจุบัน ไทยมีนักกอล์ฟหญิง ติดอันดับ 1 ใน 100 ของ LPGA ทั้งหมด 8 คน ส่วนเวียดนามมี 0 คน
- ค่าสัมประสิทธิ์สโมสรฟุตบอลเอเชีย ที่เอาไว้พิจารณาว่าลีกฟุตบอลของประเทศไหน มีคุณภาพมากที่สุด ประเทศไทยอยู่อันดับ 8 ของเอเชีย ส่วนเวียดนามอยู่อันดับ 12
- ค่าฟีฟ่าเวิลด์แรงค์กิ้ง ประเทศไทยอยู่อันดับ 97 ของโลก (อันดับ 15 ของเอเชีย - อันดับ 1 ของอาเซียน) ส่วนเวียดนามโดนไทยแซงไปแล้ว ปัจจุบันอยู่อันดับ 114 ของโลก (อันดับ 20 ของเอเชีย - อันดับ 2 ของอาเซียน)
- ในถ้วยสโมสรที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย ACL Elite มีสโมสรไทย 1 ทีมร่วมแข่งขัน คือบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ส่วนของเวียดนาม ไม่มี
- ในถ้วยที่ใหญ่รองลงมา ACL2 มีสโมสรจากไทยเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายถึง 3 ทีม ได้แก่ แบงค็อก, ท่าเรือ และ เมืองทอง ส่วนของเวียดนามมีทีมเดียวคือ นัม ดินห์
- เวียดนาม เคยส่งออกนักเตะไปเล่นในเจลีก ทั้งหมด 10 คน และล้มเหลว "ทุกคน" คนที่พอจะได้เล่นมากหน่อย คือเล คอง วินห์ ได้เล่น 9 นัด ให้คอนซาโดเล่ ซัปโปโร ตอนอยู่ J2 ยิงไป 2 ลูก ส่วนเหงียน คอง เฟือง เล่นกับทีมมิโตะ ฮอลลี่ฮอค 1 ปี ได้ลงใน J2 แค่ 74 นาที จากนั้นย้ายไปโยโกฮาม่า เอฟซี ใน J2 ได้ลง 0 นาที
ตรงข้ามกับนักเตะไทย ที่ส่งออกไปหลายคน และประสบความสำเร็จหลายคน ชนาธิป สรงกระสินธิ์ เป็นคนอาเซียนคนแรก ที่ติดทีมออลสตาร์เจลีก, ธีราทร บุญมาทัน คว้าแชมป์เจลีกได้ กับโยโกฮาม่า มารินอส, ธีรศิลป์ แดงดา ยิงได้ต่อเนื่องทั้งกับซานเฟรซเซ่ ฮิโรชิม่า และ ชิมิสึ เอสพัลส์, ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ เป็นตัวหลักของโออิตะ ทรินิต้า จำนวนเกมของฐิติพันธ์ใน J1 คนเดียว มากกว่านักเตะเวียดนามทั้งหมดรวมกัน, สุภโชค สารชาติ คือคีย์แมนของคอนซาโดเล่ ซัปโปโร ขณะที่ เอกนิษฐ์ ปัญญา ก็ทำประตูได้ในเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก กับอุราวะ เรดส์
- เวียดนาม เคยส่งนักเตะไปเล่นใน K1 ลีกฟุตบอลเกาหลีใต้ทั้งหมด 2 คน คือ ลวง ซวน เตรือง กับ เหงียน คอง เฟือง ไม่ประสบความสำเร็จทั้งสองคน ส่วนประเทศไทย ก็เคยส่งไป 2 คนเช่นกัน และได้แชมป์เคลีกทั้งคู่ นั่นคือ ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน (1985 - ลัคกี้ โกลด์สตาร์) และ ศศลักษณ์ ไหประโคน (2021- ชนบุก ฮุนได มอเตอร์ส) ในเคสของปิยะพงษ์นอกจากแชมป์ ก็ยังได้ดาวซัลโว และติดทีมออลสตาร์อีกด้วย ส่วนศศลักษณ์แม้จะได้ลงเล่นน้อยไปหน่อย (2 นัด) แต่อย่างน้อยก็ถูกจารึกชื่อว่าเป็นแชมป์ในตอนจบ
- เวียดนาม ไม่ผ่านเข้ารอบ ฟุตซอลชิงแชมป์โลกในปี 2024 ทั้งๆ ที่เคยทำได้มาสองครั้งก่อนหน้านี้ ส่วนไทยผ่านเข้ารอบ 7 ครั้งติดต่อกัน และเรายังทะลุถึงรอบ 16 ทีมสุดท้ายได้อีกด้วย
- ในแง่การท่องเที่ยวเชิงกีฬา ประเทศเวียดนาม ตั้งเป้าทำรายได้ในปี 2025 ราว 91.22 ล้านดอลลาร์ (3,156 ล้านบาท) ส่วนของประเทศไทย เราตั้งเป้าจะทำรายได้จากการท่องเที่ยวเชิงกีฬา ในระดับ 45,580 ล้านบาท มากกว่าของเวียดนามเกิน 10 เท่า
ประเทศไทยมีอีเวนต์กีฬามากมาย ที่รองรับนักท่องเที่ยวทั่วโลก ทั้งมาราธอนระดับคุณภาพ, เวทีมวยไทยที่สุดยอดทั้งราชดำเนิน และ ลุมพินี, กีฬาทางน้ำ, โมโตจีพี, ฮอนด้า แอลพีจีเอ ฯลฯ ไม่มีอะไรที่ไทยเป็นรองเวียดนาม ถ้าพูดถึงการท่องเที่ยวเชิงกีฬา
ทั้งหมดที่กล่าวมา เราจะเห็นเลยว่า ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ช่องว่างเรื่องกีฬาของไทย กับ เวียดนาม ยิ่งฉีกห่างออกไปเรื่อยๆ ในทุกๆ มิติ ทั้งในสนาม และนอกสนาม
ในสายตาของคนเวียดนาม ประเทศไทยทำอะไรก็สำเร็จ จนดูเหมือนเป็นบอสใหญ่ในภูมิภาค ที่พวกเขาก้าวข้ามไม่ได้เสียที มันสะสมกลายเป็นความโกรธเคือง หรือริษยาอยู่ในใจ
ดังนั้นเมื่อนานๆ ที เวียดนามจะประสบความสำเร็จเหนือไทย ด้วยตำแหน่งแชมป์ AFF สมัยที่ 3 แถมยังบุกมาคว้าแชมป์ได้ที่ราชมังคลากีฬาสถาน ก็ไม่แปลกที่พวกเขาจะดีใจกันขนาดนั้น
อย่างน้อยก็โค่นไทยลงได้บ้างในโลกกีฬา สักเรื่องก็ยังดี
และยิ่งนานๆ ที จะเห็น "ช่องให้โจมตี" อย่างกรณีประตูของสุภโชค ก็เล่นซะเต็มเหนี่ยวเลย ทั้งๆ ที่สุภโชคอธิบายไปแล้วอย่างชัดเจนว่าจังหวะนั้นคืออะไร แต่ก็ไม่ได้สนใจจะรับฟังอะไร
หลายคนมองว่า สุภโชค คือนักเตะไทยที่ประสบความสำเร็จมากๆ และถูกยอมรับในเจลีก พอคนเวียดนามโจมตีเรื่องฝีเท้าไม่ได้ (เพราะไม่มีใครของเวียดนามก้าวไปถึงระดับนั้นได้เลย) ก็มาโจมตีเรื่องสปิริต ในแนวทางนั้นไป
เอาจริงๆ นะครับ ถ้าจะบอกว่าสุภโชคไม่มีน้ำใจนักกีฬาล่ะก็ การกระทำของแฟนเวียดนามที่โพสต์แย่ๆ ไปทั่วโลกออนไลน์ มันยิ่งไม่มีน้ำใจนักกีฬากว่าเสียอีก เพราะเบสิคแรกสุด อย่าง รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย ยังทำไม่ได้เลย
แต่คือ ก็เข้าใจได้อยู่ นานๆ ทีเวียดนามจะมีประเด็นให้เล่นงานไทยได้ พวกเขาก็ไม่พลาดโอกาสที่จะเหยียบซ้ำหรอกครับ
ชาวเน็ตเวียดนาม พยายามหัวเราะ และถากถาง แฟนบอลไทย ที่โดนแย่งแชมป์คาบ้าน โดยไม่ได้สนใจเลยว่า ไทยได้แชมป์รายการ AFF ไปกี่ครั้งแล้ว (7 ครั้ง) ได้จนบ่อยขนาดที่ เราเริ่มคุยกันแล้วว่า ไม่ต้องให้ความสำคัญกับ AFF ที่อยู่นอกฟีฟ่าเดย์มากก็ได้
ชาวเน็ตเวียดนาม ประกาศว่าตัวเองเป็นราชาอาเซียน โดยไม่ได้แคร์ว่า ทีมไทยชุด AFF เราไม่ได้เรียกชนาธิป สรงกระสินธิ์, ไม่ได้เรียกธีราทร บุญมาทัน, ไม่ได้เรียกเจริญศักดิ์ วงษ์กรณ์, ไม่ได้เรียกเอเลียส ดอเลาะ, ไม่ได้เรียกศุภชัย ใจเด็ด ฯลฯ มาสักคนเลยด้วยซ้ำ ตัวโอนสัญชาติเราก็ไม่มีนะ
แล้วไม่ใช่แค่ชาวเน็ตนะครับ แต่สื่อเวียดนาม ก็พยายามทำให้ไทยเป็นตัวร้าย ตัวโกงมากที่สุด
มีสำนักข่าวเวียดนามแห่งหนึ่ง พาดหัวว่า "มาดามแป้ง เตรียมดึงนักเตะโอนสัญชาติให้ทีมไทย" พอคนเวียดนามมาอ่าน ก็เยาะเย้ยไทยว่า แหม ทำเป็นแซะเหงียน ซวน เซิน ตัวเองก็คิดจะโอนละวะ
แต่พอไปอ่านเนื้อจริงๆ มาดามแป้งสนใจจะดึง เอริค คาห์ล (ลูกครึ่งไทย-สวีเดน) หรือ จู๊ด เบลล์ (ลูกเสี้ยวไทย-อังกฤษ) มาร่วมทัพต่างหาก คือ ไม่เกี่ยวกับตัวโอนสัญชาติแบบที่เวียดนามทำเลยสักนิด
อีกสำนักข่าวหนึ่งของเวียดนาม ก็เอาคอลัมน์ของสยามสปอร์ตมาแปล แล้วพาดหัวยั่วยุ บอกว่า "ไทยไม่ได้แชมป์เพราะใช้ผู้เล่นชุด C" เจตนาคือเห็นๆ เลยว่า กะให้คนเวียดนามที่เข้ามาอ่าน มารุมด่าไทย
ผมเลยรู้สึกว่า โอ้โห เวียดนามนี่สุดยอดเหมือนกันนะ ปากก็ด่าไทย แต่กลับ Obsess คลั่งไคล้ทุกย่าวก้าวของไทยน่าดู
สุดท้ายจึงอยากบอกว่า ในช่วงนี้ ถ้าเราเห็นชาวเวียดนาม มาไล่เกรียนตามเพจ ตามไอจี หรือเห็นสื่อเวียดนามเสนอข่าวแง่ลบกับทีมไทยบ่อยๆ ก็อดทนหน่อยนะครับ
พยายามปล่อยผ่านมันไปครับ หรือถ้ารำคาญใจก็บล็อก หรือ แบน ไปเลยก็ได้ครับผม จะได้ไม่เป็น Toxic กับความรู้สึกเนอะ
แต่ถ้าไม่คิดอะไรมากก็อ่านเอาขำๆ ไปก็ได้ครับ อยากรู้เหมือนกันว่าจะคลั่งได้ถึงเบอร์ไหน
ก็นะ ในมุมของคนที่เขาด้อยกว่าทุกทาง เมื่อนานๆ ทีจะเจอความสำเร็จ ก็ย่อมอยากปลดปล่อยเป็นธรรมดา และพยายาม ทำให้ทุกคนเชื่อ ว่าเวียดนามคือทีมฟุตบอลคุณธรรมผู้แสนดี
ส่วนไทยเรา ในสายตาของเวียดนาม ก็เป็นแค่ทีมมาเฟียจอมโกง ที่เป็นเหมือนบอสใหญ่ ที่ต้องโดนพระเอกอย่างพวกเขากำจัดให้สิ้นซาก
แต่ก็อย่างว่าล่ะครับ คนทุกคนก็ย่อมคิดว่าตัวเองเป็นพระเอก ในนิยายที่ตัวเองเขียน เป็นธรรมดาครับผม