สวัสดีค่าาา เพื่อนๆ วันนี้ได้ฤกษ์งามยามดีในการแชร์ประสบการณ์การดำน้ำแบบตัวเปล่าแล้ว เย้ เย้ (ตัวเปล่านี่หมายถึงดำน้ำโดยไม่มีแทงค์นะ ไม่ใช้ไม่ใส่เสื้อผ้า แฮร่!!) มาเริ่มสาระกันดีกว่าเราว่าช่วงนี้กระแสการเรียน Freedive หรือว่าการดำน้ำแบบฟรีไดฟกำลังมาแรงมากๆ เพราะถ่ายรูปแล้วเท่กว่าการที่เรามีชูชีพติดตัวเยอะและได้ใกล้ชิดกับเหล่าสัตว์โลกใต้น้ำและปะการังทั้งหลายย
ขอเกริ่นก่อนเลยว่าแต่ก่อนเราก็เคยเรียนดำน้ำ scuba ออกทริปมาหลาย dive อยู่เหมือนกันนะแต่เราไม่ค่อยชอบเท่าไหร่เพราะมันดำนานแล้วคอแห้ง 555++ จนคุณแฟนเราเค้าเริ่มดำน้ำ freedive มาตั้งแต่ยังไม่ฮิตมากนักประมาณปี 2015 ได้มั้ง แล้วนางก็ชอบเล่าๆว่าเนี่ยดำน้ำตัวเปล่าลงไป 30 เมตร ไม่มีท่อไม่มีแทงค์ต้องใช้ลมหายใจตัวเอง เราก็เห้ยยย จริงหรอทำไมดูยาก น่ากลัวจุง เราก็แบบเห้ยย ไม่กล้า ขนาดแค่ scuba เราลงไปลึกๆยังกลัวเลย ขนาดหายใจได้ปกตินะ แต่นี่!! ต้องกลั้นหายใจ ต้องดำตัวเปล่า ในหัวก็คิดละ จะจมน้ำไหม จะไหวไหม แล้วเราจะกลั้นหายใจได้หรอ?! มันต้องเกินความสามารถเราแน่
เอาละเกริ่นมาซะยาวววว เราจะพาทุกคนไปพบโลกใต้น้ำที่ใช้ลมหายใจของเรานะจ๊ะ เราเริ่มไปลงเรียนคอร์ส freedive เดี๋ยวจะเล่าคร่าวๆว่าคืออะไรนะ (ผิดถูกยังไงก็อย่าด่ากันเลย แนะนำได้จ้า)  เอารูปไปดูก่อนดีกว่าาาา


(รูปนี้ที่ทะเลพม่าช่วงที่ไปมีมรสุมน้ำเลยไม่ค่อยใสเท่าไร)


รูปนี้ดำเรือจมที่เกาะช้าง เสากระโดงเรือจะอยู่ที่ 5-6 เมตรจ้า (มือใหม่ยังดำไม่เก่งแบบเราก็ลงไปได้)


รูปนี้ถ่ายที่ชุมพรจ้าเป็นที่ที่เราได้เจอฉลามวาฬครั้งแรกในชีวิต !!
กฎหลักของการดำน้ำคือ Never dive alone นะจ๊ะ #มีเพื่อนชวนเพื่อน #มีแฟนชวนแฟน #ไม่มีเพื่อนก็ไปหาเอาข้างหน้า


(รูปนี้เป็นรูปที่เราไปเจอน้องจุดที่ชุมพร น่าจะเป็นหินแพนะคะ
)

อวดรูปดำน้ำมาได้สักพักมาเขาถึงสาระนิดนึงกัน ฟรีไดฟ์คืออะไร พูดให้เข้าใจง่ายๆตามภาษาบ้านๆแบบเราก็คือการดำน้ำแบบไม่มีอุปกรณ์ช่วยหายใจ หรือการดำน้ำตัวเปล่านั้นเอง ซึ่งฟรีไดฟ์หลักๆจะแบ่งเป็น 2 ประเภทนะ ต้องกลั้นหายใจเพื่อดำลงไป !!!
คือการดำเพื่อดูความสวยงามของปะการังประเภทนี้เราจะไม่ดำลงลึกมาก
และอีกประเภทหนึ่งก็คือการดำที่เน้นความลึกอันนี้เราจะไม่สนใจความสวยงามของปะการังเท่าไหร่ ส่วนมากเขาจะเน้นกันที่ความลึกมากๆ
ตอนแรกที่เรารู้ว่าเราต้องกลั้นหายใจเป็นนาทีๆ ก็คิดว่าจะทำได้หรอว๊าาาา เป็นนาที 2 นาทีเลยนะแกร…เมื่อตัดสินใจจะเรียนแล้วก็ฮึบ สู้ตาย
ส่วนในคอร์สที่เราเรียนจะเป็นหลักสูตรของ Padi Freediver การฝึกหลักๆก็วันแรกจะเรียนทฤษฏีต่างๆ ส่วนวันที่ 2 จะเป็นปฎิบัติแล้วตื่นเต้นมากๆ ก็จะมีการฝึกเก็บอากาศการกลั้นหายใจ เรียกว่า Static Apnea ถ้าจะสอบผ่านขั้นต่ำก็ 1.30 นาที และฝึก Dynamic apnea ก็คือการฝึกตีขาให้ไกลที่สุด ที่เราสอบไปน่าจะ 25 เมตรนะ ที่สำคัญครูจะบอกเราว่าการดำน้ำเราต้อง relax ต้องสบาย ไม่เกร็งและอย่าคิดว่าเราทำไม่ได้นะ อ้อแล้วอีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญมากก็คือการเคลียร์หู(equalization) เพราะใต้น้ำมี Pressure  ยิ่งลึกเท่าไรก็ยิ่งเคลียร์ยากเท่านั้น เรียกว่าเคลียร์หูได้คือสวรรค์ของนักดำน้ำเลยยย เดี๋ยวจะขอยืมรูปจาก google มาให้ดูเป็นตัวอย่าง แต่ว่าถ้าใครนึกไม่ออกก็ลองไปเรียนดูจ้า


Static Apnea (ที่มา: https://www.abyss.com.au/diving/2017/07/what-is-static-apnea/)


Dynamic Apnea
(ที่มา: https://www.flickr.com/photos/jayhem/4500693914)
จริงๆรายละเอียดต่างๆเกี่ยวกับการดำน้ำ Freediving อะมีเยอะมากกก เรายังพิมพ์ไม่หมดด้วยซ้ำ ขอพูดในเรื่องการสอบก่อนละกันนะคะ
เราจะสอบในสระคือการเก็บอากาศในนานที่สุดก็คือ static apnea ขั้นต่ำ 1.30 นาที
ฝึก Dynamic Apnea ที่ 25 เมตร
และไปสอบที่ทะเลอีกคือการไต่เชือกลงไปที่ความลึก 10 เมตร
สุดท้ายคือการฝึกช่วยชีวิตเพื่อนเมื่อแบบมีเหตุ black out หรือ buddy เราหมดสติไปจ้าาา  
สรุปทั้งหมดที่เราพูดมาจะมาชวนเพื่อนๆ ไปดำน้ำกันเถอะจะรู้ว่าโลกใต้น้ำมันดีงามแค่ไหน เราจะได้ทั้งเปิดโลกใหม่ เพื่อนใหม่ ประสบการณ์ใหม่ๆอีกเพียบ ไม่ต้องกลัวหรอกหยิบเป้แล้วออกเดินทางกันค่ะ  ครั้งหน้าเราจะมาเขียนทริปฟรีไดฟ์อีกฝากติดตามกันด้วยจ้าาา

ขอฝากคลิปล่าสุดที่ตั้งใจถ่ายมาก ดำน้ำดูน้องจุดที่ชุมพร  ⇒>

Page: https://www.facebook.com/HardcoreTravelers/