กลับมารีวิวอีกครั้งหลังจากทิ้งช่วงหายไปนาน พอดีช่วงนี้ว่าง ๆ และเห็นว่าช่วงนี้กระทู้รีวิวเที่ยวเวียดนามเริ่มหายไปจากห้องบลูเพลนเนต ไม่เหมือนช่วงเดือนที่แล้วที่เรียกว่ากระทู้เที่ยวเวียดนามหนาแน่นจริง ๆ สำหรับกระทู้นี้จะเป็นการท่องเที่ยวฉบับตะลุยเดี่ยวในทริปเวียดนามใต้ของผมเป็นวันที่ 5 - 6 โดยเที่ยวยังสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ในบริเวณเมืองดาลัดกันนะครับ
ดังนั้น ใครสนใจอยากไปเที่ยวเมืองดาลัดก็สามารถเก็บเกี่ยวข้อมูลจากกระทู้ที่ผมเขียนเพื่อใช้วางแผนเที่ยวก็ได้นะครับ ผมเขียนกระทู้นี้ขึ้นเพื่อเก็บไว้เป็นความทรงจำในการท่องเที่ยวคนเดียวในประเทศเวียดนาม ก่อนอื่นมาทำความรู้จักกับทริปตะลุยเดี่ยวขี่รถเที่ยวดะเวียดนามใต้ 9 วันของผมก่อนนะครับ
วันแรก : เดินทางจากกรุงเทพฯ - โฮจิมินห์ และเที่ยวชมอาคารสำคัญต่าง ๆ ภายในเมืองยามค่ำคืน
วันที่ 2 : นั่งเครื่องบินไปญาจาง เที่ยวชมปราสาทโพนคร และชมเมืองญาจางยามค่ำคืน
วันที่ 3 : เที่ยวชมกลุ่มปราสาทจามที่ฟันรังทับจาม และทะเลทรายขาวแห่งฟันรัง
วันที่ 4 : เที่ยวเก็บตกภายในเมืองญาจาง และเที่ยวชมเมืองดาลัตยามค่ำคืน
วันที่ 5 : เที่ยวชมกลุ่มน้ำตกตอนใต้ของเมืองดาลัด
วันที่ 6 : เที่ยวชมสถานที่ท่องเที่ยวภายในเมืองดาลัด พวกสวนดอกไม้และโบสถ์คริสต์ และน้ำตกช้าง
วันที่ 7 : เที่ยวเก็บตกภายในเมืองดาลัด และเดินทางไปเมืองมุยเน่
วันที่ 8 : เล่นน้ำชายหาดเมืองมุยเน่ และเที่ยวชมสถานที่ต่าง ๆ ของเมืองมุยเน่
วันที่ 9 : เดินเที่ยวชมเมืองโฮจิมินห์ครึ่งวัน และเดินทางกลับกรุงเทพฯ
วันที่ 5 : เที่ยวชมกลุ่มน้ำตกตอนใต้ของเมืองดาลัด
วันนี้ออกเดินทางแต่เช้าจากโรงแรมที่พักเดินเรื่อย ๆ ไปหารถมอเตอร์ไซค์เช่าขี่เที่ยวแถว ๆ วงเวียนตลาดดาลัดแถว ๆ หน้าร้านขายไก่ทอดล็อตเตอเรีย (Lotteria) ร้านเช่ารถมอเตอร์ไซค์จะมีหลายร้านตั้งอยู่ฝั่งขวาริมถนน ถ้าเราหันหน้าเข้าหน้าวงเวียนตลาดดาลัดตามภาพด้านบนนะครับ หรือถ้าโรงแรมที่พักของเรามีก็หาเช่าได้นะครับ พอดีโรงแรมที่ผมพักเค้าไม่มีให้บริการ ผมเลยต้องเดินมาเช่ารถที่นี่เอาครับ
ได้รถมอเตอร์ไซค์เกียร์ออโต้คันสีแดงนี้มาขี่เที่ยว ราคาค่าเช่าตกวันละ 120,000 ด่อง (176.40 บาท) เช่าขี่เที่ยว 3 วันในดาลัดก็เป็นเงินราว ๆ 530 บาท ผมว่าคุ้มนะครับเพราะเราได้ขี่รถเที่ยวตามใจชอบอยากไปชมอะไรก็เลือกขี่ไปเองได้เลย ไม่ต้องรอใครหรือมีเวลาจำกัดในการชมเหมือนทัวร์ที่เค้าจัด
สถานที่แรกของวันนี้ผมขี่รถไปยังจุดขึ้นกระเช้าที่อยู่นอกเมืองออกไปทางใต้ที่มีชื่อเรียกว่า
โรบิ้นฮิลล์ (Rpbin Hill) มาช่วงสาย ๆ แล้วก็เริ่มมีนักท่องเที่ยวทยอยกันมาขึ้นกระเช้ากันมากมาย ถ้าใครไม่อยากรอขึ้นกระเช้าที่จุดนี้ผมแนะนำว่าควรมาช่วงบ่ายจะดีกว่า หรือเราอาจสลับจุดขึ้นกระเช้าไปขึ้นที่วัดจุ่มลั๊ม (Chua Truc Lam) แทนก็ได้นะครับจะสะดวกกว่า โดยส่วนใหญ่ทัวร์ต่าง ๆ มักพานักท่องเที่ยวมาขึ้นกระเช้าที่นี่แต่ขึ้นขาเดียวไปลงที่วัดแล้วรถจะไปรอรับคนที่วัดแทน ไม่นั่งกระเช้าย้อนกลับมาที่โรบิ้นฮิลล์อีก
ที่นี่รถมอเตอร์ไซค์จอดไม่เสียค่าจอดรถนะครับ สำหรับอาคารที่จำหน่ายตั๋วขึ้นกระเช้าก็คืออาคารหน้าตาเหมือนในภาพนี้แหละครับ เดินเข้าไปจะเจอช่องจำหน่ายตั๋ว
ราคาตั๋วขึ้นกระเช้าที่นี่จะเก็บแยกผู้ใหญ่กับเด็กคนละราคา และถ้านั่งขาเดียวจะคิด 60,000 ด่อง นั่งไป - กลับเหมือนผมนั่งก็ราคา 80,000 ด่อง (117.60 บาท) เหมือนในภาพที่เห็นนะครับ
กระเช้าที่นี่นั่งไม่นานเท่าไหร่น่าจะสัก 10 กว่านาทีก็จะถึงวัดจุ่มลั๊ม
ระหว่างนั่งกระเช้าจะสามารถเห็นวิวเมืองดาลัดได้อย่างชัดเจนเหมือนในภาพนี้เลย
ใกล้ถึงที่หมายแล้วอยู่ข้างหน้านี้เอง
ลงกระเช้ามาแล้วเดินข้ามถนนตรงลานจอดรถไปก็จะเจอกับบันไดทางขึ้นวัดจุ่มลั๊ม มาช่วงสาย ๆ นี้นักท่องเที่ยวช่างเยอะแยะจริง ๆ ดูวุ่นวายกันในบริเวณวัดไปหมด ต่างแย่งชิงพื้นที่ถ่ายรูปกันแบบไม่สนใจอะไร
ภายในบริเวณวัดมีการจัดสวนดอกไม้สีสันสดใสไว้ต้อนรับนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการถ่ายภาพกับดอกไม้สวย ๆ แถมมีต้นสนขนาดใหญ่ขึ้นอยู่ตรงบันไดทางขึ้นและลงวัดอีกด้วย
แดดร้อน คนก็เยอะ ถ่ายรูปอย่างไงก็ติดคนเต็มไปหมด ผมเลยอยู่ชมวัดนี้ได้แป๊บ ๆ ก็จรลีไปต่อที่อื่น จุดหมายต่อไปคือ
น้ำตกเพิร์น (Prenn Waterfall ซึ่งอยู่ห่างที่นี่ไปราว ๆ 10 ก.ม. ได้ ขี่รถเพลิน ๆ แป๊บเดียวก็ถึงแล้ว
ขี่รถมาเห็นป้ายชื่อภาษาเวียดนามแบบนี้แสดงว่าเรามาถึงน้ำตกเพิร์นแล้วนะครับ ถ้าใครนั่งรถบัสเดินทางจากสนามบินดาลัดเข้ามายังเมืองดาลัดก็จะผ่านจุดนี้เช่นกัน ซึ่งน้ำตกนี้จะอยู่ตรงทางโค้งพอดีทางขวามือถ้ามาจากสนามบิน
จอดรถแถว ๆ ป้ายชื่อน้ำตกแล้วเดินเข้าไปซื้อตั๋วเข้าชมน้ำตกได้เลยครับ เคาร์เตอร์จำหน่ายตั๋วจะตรงประตูทางเข้าน้ำตกที่มีหลังคาไม้ในภาพแหละครับ อยู่ทางฝั่งซ้ายในภาพ
ราคาค่าเข้าชมน้ำตกจะอยู่ที่ 30,000 ด่อง (44.10 บาท) เป็นน้ำตกอีกแห่งของเมืองดาลัดที่ผมแนะนำว่าถ้าใครมีเวลาเที่ยวเมืองดาลัดสัก 2 วันก็ควรแวะมาชมกันนะครับ น้ำตกแห่งนี้อยู่เลยน้ำตกดาลันดามาหน่อยนึง นอกจากนี้ที่นี่ยังมีบริการเสริมเอาใจนักท่องเที่ยวที่ชอบชมวิวน้ำตกในมุมสูงด้วยนะครับ เค้ามีให้นั่งกระเช้าผ่านหน้าผาน้ำตกในระยะประชิด แต่มุมมองนี้ต้องเสียค่าใช้บริการนะครับไม่ได้ฟรี
จุดขึ้นกระเช้าชมน้ำตกระยะประชิดจะอยู่เลยมาจากจุดจำหน่ายตั๋วเมื่อกี้นิดหน่อย ราคาค่าใช้บริการก็ 15,000 ด่อง แต่ผมว่าไม่ค่อยคุ้มนะครับ เพราะกระเช้าสั้นเหลือเกินนั่งแค่ผ่านหน้าผาน้ำตกเท่านั้นเหมือนที่เห็นในภาพด้านล่างแหละครับ
ภายในบริเวณร่มรื่นไปด้วยต้นไม้มากมาย และมีการจัดสวนดอกไม้อย่างสวยงามเรียกว่าเข้ามาชมแล้วไม่เสียดายตังค์เลยครับ ไปดูกันว่าบริเวณน้ำตกเป็นอย่างไงกันครับ....
น้ำตกแห่งนี้เป็นน้ำตกขนาดไม่ใหญ่ ตกลงมาจากหน้าผาแค่ชั้นเดียว หน้าด้านเป็นแอ่งน้ำขนาดใหญ่แต่เค้าไม่ให้นักท่องเที่ยวลงเล่นน้ำนะครับ ถ่ายรูปชมได้อย่างเดียว
บริเวณรอบ ๆ แอ่งน้ำตกจะมีทางเดินลัดเลาะไปถึงถ้ำที่อยู่ใต้น้ำตกให้เราสามารถเดินเข้าไปชมและถ่ายภาพน้ำตกในระยะใกล้ได้นะครับ เห็นมีนักท่องเที่ยวหลายคนชื่นชอบเดินเข้าไปกันอยู่ ชมน้ำตกได้สักระยะอยู่ดี ๆ ก็มีเสียงฟ้าร้องครืน ๆ แป๊บเดียวฝนก็ตกลงมาอย่างหนัก เรียกว่าเมื่อกี้แดดเปรี้ยงอยู่เลยเผลอแป๊บเดียวฝนฟ้ามาซะแล้ว ทำให้นักท่องเที่ยวเกือบทั้งหมดแถมอันตรธานหายไปจากบริเวณน้ำตกเลย พอฝนตกหนักคราวนี้น้ำตกจากน้ำใสสีขาวสวยกลับกลายเป็นน้ำป่าสีขี้โคลนเลยดูรุนแรงดุดันทันที
ผมรอจนฝนหยุดตกก็ค่อยไปเที่ยวที่อื่นต่อ ดีนะว่าฝนมาตกตอนนี้ถ้าขืนมาตกตอนขี่รถพอดีคงได้เปียกชุ่มฉ่ำแน่ ๆ เป้าหมายต่อไปขี่รถออกไปไกลเพื่อไปชมน้ำตกตอนใต้ของเมืองดาลัดอีก 2 แห่ง นั่นก็คือ
น้ำตกเลียนคลองและน้ำตกฟงกัว
จากน้ำตกเพิร์นไปน้ำตกเลียนคลอง (Lien Khuong Waterfall) ค่อนข้างไกลและรถเยอะเพราะเป็นถนนใหญ่ที่วิ่งจากเมืองดาลัดไปสนามบินเลียนคลอง สนามบินของเมืองดาลัด ระยะทางอยู่ราว ๆ 25 ก.ม. ได้
สภาพถนนที่ขี่จากน้ำตกเพิร์นมายังน้ำตกเลียนคลอง
จริง ๆ การชมน้ำตกเลียนคลองนี้เราสามารถจอดรถแวะริมถนนถ่ายรูปได้เลย เพราะน้ำตกมีขนาดใหญ่ตกมาจากแม่น้ำทั้งสายเห็นได้จากริมถนน แต่เผอิญผมไม่ทราบในตอนแรกก็เลยขี่รถเข้ามาข้างในมาชมน้ำตก แต่เราก็เข้าไปชมใกล้น้ำตกไม่ได้เพราะสภาพถนนที่เล็กและเละเป็นโคลนเนื่องจากฝนเพิ่งตกมาไม่นาน ผมจึงจอดรถถ่ายภาพน้ำตกในระยะที่พอจะถ่ายได้แทน จึงได้ภาพมาอย่างที่เห็นด้านล่างนั่นแหละครับ
ตะลุยเดี่ยวขี่รถเที่ยวดะเวียดนามใต้ ตอนที่ 3
กลับมารีวิวอีกครั้งหลังจากทิ้งช่วงหายไปนาน พอดีช่วงนี้ว่าง ๆ และเห็นว่าช่วงนี้กระทู้รีวิวเที่ยวเวียดนามเริ่มหายไปจากห้องบลูเพลนเนต ไม่เหมือนช่วงเดือนที่แล้วที่เรียกว่ากระทู้เที่ยวเวียดนามหนาแน่นจริง ๆ สำหรับกระทู้นี้จะเป็นการท่องเที่ยวฉบับตะลุยเดี่ยวในทริปเวียดนามใต้ของผมเป็นวันที่ 5 - 6 โดยเที่ยวยังสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ในบริเวณเมืองดาลัดกันนะครับ
ดังนั้น ใครสนใจอยากไปเที่ยวเมืองดาลัดก็สามารถเก็บเกี่ยวข้อมูลจากกระทู้ที่ผมเขียนเพื่อใช้วางแผนเที่ยวก็ได้นะครับ ผมเขียนกระทู้นี้ขึ้นเพื่อเก็บไว้เป็นความทรงจำในการท่องเที่ยวคนเดียวในประเทศเวียดนาม ก่อนอื่นมาทำความรู้จักกับทริปตะลุยเดี่ยวขี่รถเที่ยวดะเวียดนามใต้ 9 วันของผมก่อนนะครับ
วันแรก : เดินทางจากกรุงเทพฯ - โฮจิมินห์ และเที่ยวชมอาคารสำคัญต่าง ๆ ภายในเมืองยามค่ำคืน
วันที่ 2 : นั่งเครื่องบินไปญาจาง เที่ยวชมปราสาทโพนคร และชมเมืองญาจางยามค่ำคืน
วันที่ 3 : เที่ยวชมกลุ่มปราสาทจามที่ฟันรังทับจาม และทะเลทรายขาวแห่งฟันรัง
วันที่ 4 : เที่ยวเก็บตกภายในเมืองญาจาง และเที่ยวชมเมืองดาลัตยามค่ำคืน
วันที่ 5 : เที่ยวชมกลุ่มน้ำตกตอนใต้ของเมืองดาลัด
วันที่ 6 : เที่ยวชมสถานที่ท่องเที่ยวภายในเมืองดาลัด พวกสวนดอกไม้และโบสถ์คริสต์ และน้ำตกช้าง
วันที่ 7 : เที่ยวเก็บตกภายในเมืองดาลัด และเดินทางไปเมืองมุยเน่
วันที่ 8 : เล่นน้ำชายหาดเมืองมุยเน่ และเที่ยวชมสถานที่ต่าง ๆ ของเมืองมุยเน่
วันที่ 9 : เดินเที่ยวชมเมืองโฮจิมินห์ครึ่งวัน และเดินทางกลับกรุงเทพฯ
วันที่ 5 : เที่ยวชมกลุ่มน้ำตกตอนใต้ของเมืองดาลัด
วันนี้ออกเดินทางแต่เช้าจากโรงแรมที่พักเดินเรื่อย ๆ ไปหารถมอเตอร์ไซค์เช่าขี่เที่ยวแถว ๆ วงเวียนตลาดดาลัดแถว ๆ หน้าร้านขายไก่ทอดล็อตเตอเรีย (Lotteria) ร้านเช่ารถมอเตอร์ไซค์จะมีหลายร้านตั้งอยู่ฝั่งขวาริมถนน ถ้าเราหันหน้าเข้าหน้าวงเวียนตลาดดาลัดตามภาพด้านบนนะครับ หรือถ้าโรงแรมที่พักของเรามีก็หาเช่าได้นะครับ พอดีโรงแรมที่ผมพักเค้าไม่มีให้บริการ ผมเลยต้องเดินมาเช่ารถที่นี่เอาครับ
ได้รถมอเตอร์ไซค์เกียร์ออโต้คันสีแดงนี้มาขี่เที่ยว ราคาค่าเช่าตกวันละ 120,000 ด่อง (176.40 บาท) เช่าขี่เที่ยว 3 วันในดาลัดก็เป็นเงินราว ๆ 530 บาท ผมว่าคุ้มนะครับเพราะเราได้ขี่รถเที่ยวตามใจชอบอยากไปชมอะไรก็เลือกขี่ไปเองได้เลย ไม่ต้องรอใครหรือมีเวลาจำกัดในการชมเหมือนทัวร์ที่เค้าจัด
สถานที่แรกของวันนี้ผมขี่รถไปยังจุดขึ้นกระเช้าที่อยู่นอกเมืองออกไปทางใต้ที่มีชื่อเรียกว่า โรบิ้นฮิลล์ (Rpbin Hill) มาช่วงสาย ๆ แล้วก็เริ่มมีนักท่องเที่ยวทยอยกันมาขึ้นกระเช้ากันมากมาย ถ้าใครไม่อยากรอขึ้นกระเช้าที่จุดนี้ผมแนะนำว่าควรมาช่วงบ่ายจะดีกว่า หรือเราอาจสลับจุดขึ้นกระเช้าไปขึ้นที่วัดจุ่มลั๊ม (Chua Truc Lam) แทนก็ได้นะครับจะสะดวกกว่า โดยส่วนใหญ่ทัวร์ต่าง ๆ มักพานักท่องเที่ยวมาขึ้นกระเช้าที่นี่แต่ขึ้นขาเดียวไปลงที่วัดแล้วรถจะไปรอรับคนที่วัดแทน ไม่นั่งกระเช้าย้อนกลับมาที่โรบิ้นฮิลล์อีก
ที่นี่รถมอเตอร์ไซค์จอดไม่เสียค่าจอดรถนะครับ สำหรับอาคารที่จำหน่ายตั๋วขึ้นกระเช้าก็คืออาคารหน้าตาเหมือนในภาพนี้แหละครับ เดินเข้าไปจะเจอช่องจำหน่ายตั๋ว
ราคาตั๋วขึ้นกระเช้าที่นี่จะเก็บแยกผู้ใหญ่กับเด็กคนละราคา และถ้านั่งขาเดียวจะคิด 60,000 ด่อง นั่งไป - กลับเหมือนผมนั่งก็ราคา 80,000 ด่อง (117.60 บาท) เหมือนในภาพที่เห็นนะครับ
กระเช้าที่นี่นั่งไม่นานเท่าไหร่น่าจะสัก 10 กว่านาทีก็จะถึงวัดจุ่มลั๊ม
ระหว่างนั่งกระเช้าจะสามารถเห็นวิวเมืองดาลัดได้อย่างชัดเจนเหมือนในภาพนี้เลย
ใกล้ถึงที่หมายแล้วอยู่ข้างหน้านี้เอง
ลงกระเช้ามาแล้วเดินข้ามถนนตรงลานจอดรถไปก็จะเจอกับบันไดทางขึ้นวัดจุ่มลั๊ม มาช่วงสาย ๆ นี้นักท่องเที่ยวช่างเยอะแยะจริง ๆ ดูวุ่นวายกันในบริเวณวัดไปหมด ต่างแย่งชิงพื้นที่ถ่ายรูปกันแบบไม่สนใจอะไร
ภายในบริเวณวัดมีการจัดสวนดอกไม้สีสันสดใสไว้ต้อนรับนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการถ่ายภาพกับดอกไม้สวย ๆ แถมมีต้นสนขนาดใหญ่ขึ้นอยู่ตรงบันไดทางขึ้นและลงวัดอีกด้วย
แดดร้อน คนก็เยอะ ถ่ายรูปอย่างไงก็ติดคนเต็มไปหมด ผมเลยอยู่ชมวัดนี้ได้แป๊บ ๆ ก็จรลีไปต่อที่อื่น จุดหมายต่อไปคือ น้ำตกเพิร์น (Prenn Waterfall ซึ่งอยู่ห่างที่นี่ไปราว ๆ 10 ก.ม. ได้ ขี่รถเพลิน ๆ แป๊บเดียวก็ถึงแล้ว
ขี่รถมาเห็นป้ายชื่อภาษาเวียดนามแบบนี้แสดงว่าเรามาถึงน้ำตกเพิร์นแล้วนะครับ ถ้าใครนั่งรถบัสเดินทางจากสนามบินดาลัดเข้ามายังเมืองดาลัดก็จะผ่านจุดนี้เช่นกัน ซึ่งน้ำตกนี้จะอยู่ตรงทางโค้งพอดีทางขวามือถ้ามาจากสนามบิน
จอดรถแถว ๆ ป้ายชื่อน้ำตกแล้วเดินเข้าไปซื้อตั๋วเข้าชมน้ำตกได้เลยครับ เคาร์เตอร์จำหน่ายตั๋วจะตรงประตูทางเข้าน้ำตกที่มีหลังคาไม้ในภาพแหละครับ อยู่ทางฝั่งซ้ายในภาพ
ราคาค่าเข้าชมน้ำตกจะอยู่ที่ 30,000 ด่อง (44.10 บาท) เป็นน้ำตกอีกแห่งของเมืองดาลัดที่ผมแนะนำว่าถ้าใครมีเวลาเที่ยวเมืองดาลัดสัก 2 วันก็ควรแวะมาชมกันนะครับ น้ำตกแห่งนี้อยู่เลยน้ำตกดาลันดามาหน่อยนึง นอกจากนี้ที่นี่ยังมีบริการเสริมเอาใจนักท่องเที่ยวที่ชอบชมวิวน้ำตกในมุมสูงด้วยนะครับ เค้ามีให้นั่งกระเช้าผ่านหน้าผาน้ำตกในระยะประชิด แต่มุมมองนี้ต้องเสียค่าใช้บริการนะครับไม่ได้ฟรี
จุดขึ้นกระเช้าชมน้ำตกระยะประชิดจะอยู่เลยมาจากจุดจำหน่ายตั๋วเมื่อกี้นิดหน่อย ราคาค่าใช้บริการก็ 15,000 ด่อง แต่ผมว่าไม่ค่อยคุ้มนะครับ เพราะกระเช้าสั้นเหลือเกินนั่งแค่ผ่านหน้าผาน้ำตกเท่านั้นเหมือนที่เห็นในภาพด้านล่างแหละครับ
ภายในบริเวณร่มรื่นไปด้วยต้นไม้มากมาย และมีการจัดสวนดอกไม้อย่างสวยงามเรียกว่าเข้ามาชมแล้วไม่เสียดายตังค์เลยครับ ไปดูกันว่าบริเวณน้ำตกเป็นอย่างไงกันครับ....
น้ำตกแห่งนี้เป็นน้ำตกขนาดไม่ใหญ่ ตกลงมาจากหน้าผาแค่ชั้นเดียว หน้าด้านเป็นแอ่งน้ำขนาดใหญ่แต่เค้าไม่ให้นักท่องเที่ยวลงเล่นน้ำนะครับ ถ่ายรูปชมได้อย่างเดียว
บริเวณรอบ ๆ แอ่งน้ำตกจะมีทางเดินลัดเลาะไปถึงถ้ำที่อยู่ใต้น้ำตกให้เราสามารถเดินเข้าไปชมและถ่ายภาพน้ำตกในระยะใกล้ได้นะครับ เห็นมีนักท่องเที่ยวหลายคนชื่นชอบเดินเข้าไปกันอยู่ ชมน้ำตกได้สักระยะอยู่ดี ๆ ก็มีเสียงฟ้าร้องครืน ๆ แป๊บเดียวฝนก็ตกลงมาอย่างหนัก เรียกว่าเมื่อกี้แดดเปรี้ยงอยู่เลยเผลอแป๊บเดียวฝนฟ้ามาซะแล้ว ทำให้นักท่องเที่ยวเกือบทั้งหมดแถมอันตรธานหายไปจากบริเวณน้ำตกเลย พอฝนตกหนักคราวนี้น้ำตกจากน้ำใสสีขาวสวยกลับกลายเป็นน้ำป่าสีขี้โคลนเลยดูรุนแรงดุดันทันที
ผมรอจนฝนหยุดตกก็ค่อยไปเที่ยวที่อื่นต่อ ดีนะว่าฝนมาตกตอนนี้ถ้าขืนมาตกตอนขี่รถพอดีคงได้เปียกชุ่มฉ่ำแน่ ๆ เป้าหมายต่อไปขี่รถออกไปไกลเพื่อไปชมน้ำตกตอนใต้ของเมืองดาลัดอีก 2 แห่ง นั่นก็คือ น้ำตกเลียนคลองและน้ำตกฟงกัว
จากน้ำตกเพิร์นไปน้ำตกเลียนคลอง (Lien Khuong Waterfall) ค่อนข้างไกลและรถเยอะเพราะเป็นถนนใหญ่ที่วิ่งจากเมืองดาลัดไปสนามบินเลียนคลอง สนามบินของเมืองดาลัด ระยะทางอยู่ราว ๆ 25 ก.ม. ได้
สภาพถนนที่ขี่จากน้ำตกเพิร์นมายังน้ำตกเลียนคลอง
จริง ๆ การชมน้ำตกเลียนคลองนี้เราสามารถจอดรถแวะริมถนนถ่ายรูปได้เลย เพราะน้ำตกมีขนาดใหญ่ตกมาจากแม่น้ำทั้งสายเห็นได้จากริมถนน แต่เผอิญผมไม่ทราบในตอนแรกก็เลยขี่รถเข้ามาข้างในมาชมน้ำตก แต่เราก็เข้าไปชมใกล้น้ำตกไม่ได้เพราะสภาพถนนที่เล็กและเละเป็นโคลนเนื่องจากฝนเพิ่งตกมาไม่นาน ผมจึงจอดรถถ่ายภาพน้ำตกในระยะที่พอจะถ่ายได้แทน จึงได้ภาพมาอย่างที่เห็นด้านล่างนั่นแหละครับ