ตะลุยเดี่ยวขี่รถเที่ยวดะเวียดนามใต้ ตอนที่ 1


                           กลับมารีวิวอีกครั้ง  แต่คราวนี้เป็นทริปการเดินทางท่องเที่ยวฉบับตะลุยเดี่ยวขี่รถเที่ยวดะในเวียดนามใต้กันนะครับ  โดยเที่ยวเจาะลึกแค่  5  เมืองคือ  เมืองโฮจิมินห์หรือเมืองไซ่ง่อน   เมืองญาจาง   เมืองฟันรังทับจาม  เมืองดาลัต และเมืองมุยเน่   โดยในทริปนี้เป็นท่องเที่ยวสไตล์ไปเช่ารถมอเตอร์ไซค์ขี่เที่ยวแวะชมสถานที่ท่องเที่ยวที่ผมสนใจ  โดยเฉพาะกลุ่มปราสาทของชนเผ่าจามตามสไตล์คนชอบแนวประวัติศาสตร์เน้นขี่รถไปดูโบราณสถาน   แต่ทริปนี้ก็ใช่จะมีแต่ไปชมโบราณสถานอย่างเดียว  เรียกว่าทริปนี้ได้ไปชมสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลายอรรถรสทั้งโบราณสถาน  ภูเขา  น้ำตก  สวนดอกไม้  ชายหาด  ทะเลทราย  โบสถ์คริสต์  และวัดวาอารามต่าง ๆ  มากมาย   สถานที่หลายแห่งก็ยังไม่เคยมีเพื่อน ๆ ชาวพันทิปเคยลงในกระทู้ห้องบลูเพลนเนตอีกด้วย   เพราะสถานที่บางแห่งเหล่านี้หลายคนมักไม่รู้จัก หรือไม่ได้สนใจเพราะมีเวลาจำกัดในการเที่ยว  ดังนั้นทริปนี้ของผมจึงมาเปิดเผยข้อมูลทั้งวิธีการเดินทางและความน่าสนใจของสถานที่นั้น ๆ เล่าประสบการณ์ให้ฟังนะครับ  เผื่อจะทำให้เพื่อน ๆ บางคนเกิดแรงบันดาลใจอยากไปชมสถานที่นั้น ๆ กับตาของตนเองบ้างเหมือนผม   ต้องบอกเลยว่าประเทศเวียดนามเป็นประเทศที่เหมาะต่อการเดินทางท่องเที่ยวด้วยตนเองแบบไม่ต้องง้อทัวร์มากอีกประเทศหนึ่ง  เพราะเดินทางเองได้ง่ายและคุ้มค่าต่อราคาจริง ๆ นะครับ
                           ทริปการเดินทางครั้งนี้ของผมใช้เวลาเที่ยวทั้งหมด  9  วัน   แต่ต้องออกตัวก่อนว่ารูปภาพที่ลงในกระทู้อาจไม่สวยถูกใจคุณผู้ชมนัก  เพราะผมถ่ายรูปจากกล้องโทรศัพท์และกล้องถ่ายรูปธรรมดาเท่านั้นไม่ได้ตกแต่งภาพแต่อย่างใดนะครับ     ก่อนอื่นมาทำความเข้าใจการเดินทางท่องเที่ยวของผมตลอด  9 วันก่อนนะครับว่าผมแบ่งการเที่ยวชมในแต่ละวันกันอย่างไร
      
                            ทริปการเดินทางท่องเที่ยวในเวียดนามใต้   9  วัน  ของผมมีดังนี้ครับ
                            วันแรก    :   เดินทางจากกรุงเทพฯ - โฮจิมินห์  และเที่ยวชมอาคารสำคัญต่าง ๆ ภายในเมืองยามค่ำคืน
                            วันที่  2   :   นั่งเครื่องบินไปญาจาง   เที่ยวชมปราสาทโพนคร และชมเมืองญาจางยามค่ำคืน
                            วันที่  3   :   เที่ยวชมกลุ่มปราสาทจามที่ฟันรังทับจาม และทะเลทรายขาวแห่งฟันรัง
                            วันที่  4   :   เที่ยวเก็บตกภายในเมืองญาจาง  และเที่ยวชมเมืองดาลัตยามค่ำคืน
                            วันที่  5   :   เที่ยวชมกลุ่มน้ำตกตอนใต้ของเมืองดาลัด
                            วันที่  6   :   เที่ยวชมสถานที่ท่องเที่ยวภายในเมืองดาลัด  พวกสวนดอกไม้และโบสถ์คริสต์
                            วันที่  7   :   เที่ยวเก็บตกภายในเมืองดาลัด และน้ำตกช้าง
                            วันที่  8   :   เล่นน้ำชายหาดเมืองมุยเน่  และเที่ยวชมสถานที่ต่าง ๆ ของเมืองมุยเน่
                            วันที่  9   :   เดินเที่ยวชมเมืองโฮจิมินห์ครึ่งวัน  และเดินทางกลับกรุงเทพฯ  
                          
                            ค่าใช้จ่ายในทริปเวียดนามใต้  9  วัน   ผมใช้จ่ายเงินไปทั้งหมด  24,000  บาท   โดยแบ่งเป็น
                            - ค่าเครื่องบิน  3  ไฟล์ (กรุงเทพฯ - โฮจิมินห์)  , (โฮจิมินห์ - ญาจาง) , (โฮจิมินห์ - กรุงเทพฯ)  +  สัมภาระ  20  ก.ก. (ขาไป) และ  25  ก.ก. (ขากลับ)   4,474.20  บาท
                            - ค่าโรงแรมที่พัก  8  คืน  (โฮจิมินห์  2  คืน , ญาจาง  2  คืน , ดาลัด  3  คืน , มุยเน่  1  คืน)    8,729.65   บาท
                            - ค่าเดินทางไปและกลับจากบ้านไปสนามบินดอนเมือง  ค่าเข้าชม   ค่าเช่ารถมอเตอร์ไซค์ขี่เที่ยว  ค่าน้ำมันรถ  ค่ารถบัส  ค่าแท็กซี่   ค่ากิน  ค่าของฝากที่ระลึก  และค่าซิมโทรศัพท์   10,796.15  บาท


วันแรก  :  เดินทางจากกรุงเทพฯ -  โฮจิมินห์  และเที่ยวชมอาคารสำคัญต่าง ๆ ภายในเมืองยามค่ำคืน

                             ออกจากบ้าน  9  โมงเพื่อมาขึ้นเครื่องที่สนามบินดอนเมืองที่บินไฟล์บ่ายโมงกว่า   เครื่องบินใช้เวลาบินแค่  1  ชั่วโมง 20  นาทีก็มาถึงสนามบินเตินเซินเญิ้ตของเมืองโฮจิมินห์  เวียดนามใต้แล้ว  ใช้ระยะเวลาการบินพอ ๆ กับบินไปเชียงใหม่เลย  


เครื่องบินลำนี้ที่วันนี้นั่งไปโฮจิมินห์


ถึงแล้วเมืองโฮจิมินห์ของประเทศเวียดนาม  อยู่ใกล้ปากแม่น้ำโขงเลย  ตอนเครื่องกำลังลงเห็นตึกรามบ้านช่องแออัดกันพอ ๆ กับกรุงเทพฯ บ้านเราเลย


ลงจากเครื่อง  ผ่านด่าน ตม. แล้ว  ผมก็มาซื้อซิมเน็ตภายในสนามบิน  เพราะผมต้องใช้  google map  นำทางในการขี่รถมอเตอร์ไซค์   ร้านที่ขายซิมจะอยู่ใกล้ประตูทางออก  มีให้เลือกหลายเจ้า


แต่รอบนี้ผมเลือกใช้บริการของค่าย  Vinaphone   เพราะเห็นว่ากำลังว่างไม่มีคน  ผิดกับเจ้าข้าง ๆ Viettel  ต้องต่อคิวกันซื้อเพราะคนเยอะ


ค่าย  vinaphone  ก็มีแพ็คเก็ตให้เลือกหลายแบบตามกระดาษที่เขาพิมพ์นี้นะครับ   รอบนี้ผมใช้ซิม  9  GB  ราคา 135,000 ด่อง (198.45  บาท)  
ใช้ดีนะครับ   โดยเฉพาะตามเมืองใหญ่จะเปิดเล่นเน็ตวิ่งฉับไวดี   ที่นี่ราคาซิมถูกมากและถูกกว่าที่พม่าและอินโดนีเซียที่เคยไปมาเสียอีก


เมื่อซิมโทรศัพท์พร้อม  คราวนี้ผมก็เดินออกมานอกสนามบินเพื่อไปนั่งรถเมล์สาย  152  เข้าเมืองกันครับ  


รถเมล์สาย  152  ที่จอดอยู่ด้านหน้าของสนามบิน   ออกจากสนามบินมาให้เดินมาทางขวาจะเจอกับรถคันนี้จอดอยู่ครับ  ข้างรถมีเขียนชัดเจนว่าผ่านจุดไหนบ้างของเมือง   โดยเฉพาะตลาดเบนถั่น  จุดหมายที่นักท่องเที่ยว Backpack จะนิยมลงกัน  เพราะอยู่ใกล้ถนนฟามงูเหลา  

  

ผมเสียค่าโดยสาร  10,000  ด่อง (14.70  บาท)   เพราะมีสัมภาระเป็นกระเป๋าใบใหญ่


รถจอดรอคนได้สักครู่ก็ออกเดินทาง   รถใช้เวลาในการวิ่งเข้าเมืองถึงตลาดเบนถั่นประมาณ  1  ชั่วโมง  ทั้ง ๆ ที่ระยะทางแค่  6  ก.ม.  เพราะช่วงเย็นที่นี่รถติด และติดไฟแดงหลายแยกนะครับ


ระหว่างนั่งรถไป  เราก็ชมวิวไปเรื่อย ๆ  เสียงแตรรถมอเตอร์ไซค์ที่นี่บีบกันให้ดังตลอด  อันนี้เป็นสัญลักษณ์แสดงว่าเรามาถึงเมืองโฮจิมินห์แล้วอย่างแท้จริง  เพราะที่นี่จะเหมือนกับที่พม่าและอินโดนีเซีย  เวลาเค้าขี่รถจะแซงกันก็จะบีบแตรให้สัญญาณบอกคนขี่ข้างหน้าเสมอ  ทำให้บนท้องถนนตลอดเวลามีแต่เสียงแตรรถดังสนั่นทั่วเมือง  


รถเมล์ขับผ่านหน้าตลาดเบนถั่น  ผู้คนต่างทยอยลงกันเป็นจำนวนมากที่ป้ายรถเมล์นี้  แต่ผมลงตอนเลยตลาดเบนถั่นไป  1  ป้าย  เพราะโรงแรมที่ผมพักจะอยู่ด้านหลังเลยตลาดเบนถั่นไปเล็กน้อย     ลงจากรถก็เดินผ่านวัดฮินดูที่อยู่ใกล้ ๆ โรงแรมที่พัก  เดินไปสักประมาณ  500  เมตรก็ถึงโรงแรม


โรงแรมที่พักคืนนี้คือ  โรงแรมไฮเฮี๋ยน  ซิเนเจอร์  ที่ตั้งโรงแรมดีมากอยู่ในย่านคนเดินพลุกพล่าน  ข้าง ๆ โรงแรมมีร้านอาหารและร้านสะดวกซื้อ k-circle  อยู่หลายร้าน  แถมเดินไปตลาดเบนถั่นหรือโบสถ์นอธเธอดามก็ใกล้ดีจริง ๆ  เสียแต่ห้องพักของโรงแรมเล็กเกินไป

  

ห้องอาหารชั้นบนสุดของโรงแรม  มองจากห้องอาหารเห็นวิวอาคารต่าง ๆ ของเมืองโฮจิมินห์ได้  อาหารเช้ามีให้เลือกหลากหลายดี  ถือว่าราคาแอบแพงเกินไปนิดถ้าเทียบกับคุณภาพของห้องพักนะครับ


ถึงโรงแรมที่พักก็เกือบค่ำแล้ว  เพราะที่นี่  5  โมงเย็น  ท้องฟ้าก็เริ่มจะมืดแล้ว  บรรยากาศเหมือนตอน  6  โมงเย็นของบ้านเราเลยครับ   ผมเลยเดินออกไปสำรวจบ้านเมืองของเค้า   เดินเล่น ๆ ชมเมืองไปจนไปถึงโบสถ์นอธเธอดาม  ระยะทางแค่  1  ก.ม.  เดินแป๊บ ๆ ก็ถึงแล้ว    


เดินมาดันเจอด้านหลังของโบสถ์  


ก็เลยต้องเดินเลาะรั้วโบสถ์ไปชมด้านหน้าที่มีรูปปั้นพระแม่มาเรียอยู่ด้านหน้าของโบสถ์


ที่นี่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติ รวมทั้งคนเวียดนามเองนิยมมานั่งเล่นและถ่ายรูปด้านหน้าของโบสถ์ในยามหัวค่ำกันมาก  บริเวณด้านหน้าของโบสถ์ก็มีพ่อค้าแม่ค้าเอาของกินเล่นมากขายกัน   อย่างเช่นลุงคนนี้แกขายปลาหมึกย่าง ย่างแล้วบดเป็นแผ่นบาง ๆ จิ้มกินกับน้ำจิ้มเหมือนที่ขายที่บ้านเราเลยครับ   นั่งเล่นอยู่ด้านหน้าโบสถ์กลิ่นเผาปลาหมึกแห้งนี่หอมยั่วน้ำลายจริง ๆ

แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่