กลับมารีวิวอีกครั้ง แต่คราวนี้เป็นทริปการเดินทางท่องเที่ยวฉบับตะลุยเดี่ยวขี่รถเที่ยวดะในเวียดนามใต้กันนะครับ โดยเที่ยวเจาะลึกแค่ 5 เมืองคือ เมืองโฮจิมินห์หรือเมืองไซ่ง่อน เมืองญาจาง เมืองฟันรังทับจาม เมืองดาลัต และเมืองมุยเน่ โดยในทริปนี้เป็นท่องเที่ยวสไตล์ไปเช่ารถมอเตอร์ไซค์ขี่เที่ยวแวะชมสถานที่ท่องเที่ยวที่ผมสนใจ โดยเฉพาะกลุ่มปราสาทของชนเผ่าจามตามสไตล์คนชอบแนวประวัติศาสตร์เน้นขี่รถไปดูโบราณสถาน แต่ทริปนี้ก็ใช่จะมีแต่ไปชมโบราณสถานอย่างเดียว เรียกว่าทริปนี้ได้ไปชมสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลายอรรถรสทั้งโบราณสถาน ภูเขา น้ำตก สวนดอกไม้ ชายหาด ทะเลทราย โบสถ์คริสต์ และวัดวาอารามต่าง ๆ มากมาย สถานที่หลายแห่งก็ยังไม่เคยมีเพื่อน ๆ ชาวพันทิปเคยลงในกระทู้ห้องบลูเพลนเนตอีกด้วย เพราะสถานที่บางแห่งเหล่านี้หลายคนมักไม่รู้จัก หรือไม่ได้สนใจเพราะมีเวลาจำกัดในการเที่ยว ดังนั้นทริปนี้ของผมจึงมาเปิดเผยข้อมูลทั้งวิธีการเดินทางและความน่าสนใจของสถานที่นั้น ๆ เล่าประสบการณ์ให้ฟังนะครับ เผื่อจะทำให้เพื่อน ๆ บางคนเกิดแรงบันดาลใจอยากไปชมสถานที่นั้น ๆ กับตาของตนเองบ้างเหมือนผม ต้องบอกเลยว่าประเทศเวียดนามเป็นประเทศที่เหมาะต่อการเดินทางท่องเที่ยวด้วยตนเองแบบไม่ต้องง้อทัวร์มากอีกประเทศหนึ่ง เพราะเดินทางเองได้ง่ายและคุ้มค่าต่อราคาจริง ๆ นะครับ
ทริปการเดินทางครั้งนี้ของผมใช้เวลาเที่ยวทั้งหมด 9 วัน แต่ต้องออกตัวก่อนว่ารูปภาพที่ลงในกระทู้อาจไม่สวยถูกใจคุณผู้ชมนัก เพราะผมถ่ายรูปจากกล้องโทรศัพท์และกล้องถ่ายรูปธรรมดาเท่านั้นไม่ได้ตกแต่งภาพแต่อย่างใดนะครับ ก่อนอื่นมาทำความเข้าใจการเดินทางท่องเที่ยวของผมตลอด 9 วันก่อนนะครับว่าผมแบ่งการเที่ยวชมในแต่ละวันกันอย่างไร
ทริปการเดินทางท่องเที่ยวในเวียดนามใต้ 9 วัน ของผมมีดังนี้ครับ
วันแรก : เดินทางจากกรุงเทพฯ - โฮจิมินห์ และเที่ยวชมอาคารสำคัญต่าง ๆ ภายในเมืองยามค่ำคืน
วันที่ 2 : นั่งเครื่องบินไปญาจาง เที่ยวชมปราสาทโพนคร และชมเมืองญาจางยามค่ำคืน
วันที่ 3 : เที่ยวชมกลุ่มปราสาทจามที่ฟันรังทับจาม และทะเลทรายขาวแห่งฟันรัง
วันที่ 4 : เที่ยวเก็บตกภายในเมืองญาจาง และเที่ยวชมเมืองดาลัตยามค่ำคืน
วันที่ 5 : เที่ยวชมกลุ่มน้ำตกตอนใต้ของเมืองดาลัด
วันที่ 6 : เที่ยวชมสถานที่ท่องเที่ยวภายในเมืองดาลัด พวกสวนดอกไม้และโบสถ์คริสต์
วันที่ 7 : เที่ยวเก็บตกภายในเมืองดาลัด และน้ำตกช้าง
วันที่ 8 : เล่นน้ำชายหาดเมืองมุยเน่ และเที่ยวชมสถานที่ต่าง ๆ ของเมืองมุยเน่
วันที่ 9 : เดินเที่ยวชมเมืองโฮจิมินห์ครึ่งวัน และเดินทางกลับกรุงเทพฯ
ค่าใช้จ่ายในทริปเวียดนามใต้ 9 วัน ผมใช้จ่ายเงินไปทั้งหมด 24,000 บาท โดยแบ่งเป็น
- ค่าเครื่องบิน 3 ไฟล์ (กรุงเทพฯ - โฮจิมินห์) , (โฮจิมินห์ - ญาจาง) , (โฮจิมินห์ - กรุงเทพฯ) + สัมภาระ 20 ก.ก. (ขาไป) และ 25 ก.ก. (ขากลับ) 4,474.20 บาท
- ค่าโรงแรมที่พัก 8 คืน (โฮจิมินห์ 2 คืน , ญาจาง 2 คืน , ดาลัด 3 คืน , มุยเน่ 1 คืน) 8,729.65 บาท
- ค่าเดินทางไปและกลับจากบ้านไปสนามบินดอนเมือง ค่าเข้าชม ค่าเช่ารถมอเตอร์ไซค์ขี่เที่ยว ค่าน้ำมันรถ ค่ารถบัส ค่าแท็กซี่ ค่ากิน ค่าของฝากที่ระลึก และค่าซิมโทรศัพท์ 10,796.15 บาท
วันแรก : เดินทางจากกรุงเทพฯ - โฮจิมินห์ และเที่ยวชมอาคารสำคัญต่าง ๆ ภายในเมืองยามค่ำคืน
ออกจากบ้าน 9 โมงเพื่อมาขึ้นเครื่องที่สนามบินดอนเมืองที่บินไฟล์บ่ายโมงกว่า เครื่องบินใช้เวลาบินแค่ 1 ชั่วโมง 20 นาทีก็มาถึงสนามบินเตินเซินเญิ้ตของเมืองโฮจิมินห์ เวียดนามใต้แล้ว ใช้ระยะเวลาการบินพอ ๆ กับบินไปเชียงใหม่เลย
เครื่องบินลำนี้ที่วันนี้นั่งไปโฮจิมินห์
ถึงแล้วเมืองโฮจิมินห์ของประเทศเวียดนาม อยู่ใกล้ปากแม่น้ำโขงเลย ตอนเครื่องกำลังลงเห็นตึกรามบ้านช่องแออัดกันพอ ๆ กับกรุงเทพฯ บ้านเราเลย
ลงจากเครื่อง ผ่านด่าน ตม. แล้ว ผมก็มาซื้อซิมเน็ตภายในสนามบิน เพราะผมต้องใช้ google map นำทางในการขี่รถมอเตอร์ไซค์ ร้านที่ขายซิมจะอยู่ใกล้ประตูทางออก มีให้เลือกหลายเจ้า
แต่รอบนี้ผมเลือกใช้บริการของค่าย Vinaphone เพราะเห็นว่ากำลังว่างไม่มีคน ผิดกับเจ้าข้าง ๆ Viettel ต้องต่อคิวกันซื้อเพราะคนเยอะ
ค่าย vinaphone ก็มีแพ็คเก็ตให้เลือกหลายแบบตามกระดาษที่เขาพิมพ์นี้นะครับ รอบนี้ผมใช้ซิม 9 GB ราคา 135,000 ด่อง (198.45 บาท)
ใช้ดีนะครับ โดยเฉพาะตามเมืองใหญ่จะเปิดเล่นเน็ตวิ่งฉับไวดี ที่นี่ราคาซิมถูกมากและถูกกว่าที่พม่าและอินโดนีเซียที่เคยไปมาเสียอีก
เมื่อซิมโทรศัพท์พร้อม คราวนี้ผมก็เดินออกมานอกสนามบินเพื่อไปนั่งรถเมล์สาย 152 เข้าเมืองกันครับ
รถเมล์สาย 152 ที่จอดอยู่ด้านหน้าของสนามบิน ออกจากสนามบินมาให้เดินมาทางขวาจะเจอกับรถคันนี้จอดอยู่ครับ ข้างรถมีเขียนชัดเจนว่าผ่านจุดไหนบ้างของเมือง โดยเฉพาะตลาดเบนถั่น จุดหมายที่นักท่องเที่ยว Backpack จะนิยมลงกัน เพราะอยู่ใกล้ถนนฟามงูเหลา
ผมเสียค่าโดยสาร 10,000 ด่อง (14.70 บาท) เพราะมีสัมภาระเป็นกระเป๋าใบใหญ่
รถจอดรอคนได้สักครู่ก็ออกเดินทาง รถใช้เวลาในการวิ่งเข้าเมืองถึงตลาดเบนถั่นประมาณ 1 ชั่วโมง ทั้ง ๆ ที่ระยะทางแค่ 6 ก.ม. เพราะช่วงเย็นที่นี่รถติด และติดไฟแดงหลายแยกนะครับ
ระหว่างนั่งรถไป เราก็ชมวิวไปเรื่อย ๆ เสียงแตรรถมอเตอร์ไซค์ที่นี่บีบกันให้ดังตลอด อันนี้เป็นสัญลักษณ์แสดงว่าเรามาถึงเมืองโฮจิมินห์แล้วอย่างแท้จริง เพราะที่นี่จะเหมือนกับที่พม่าและอินโดนีเซีย เวลาเค้าขี่รถจะแซงกันก็จะบีบแตรให้สัญญาณบอกคนขี่ข้างหน้าเสมอ ทำให้บนท้องถนนตลอดเวลามีแต่เสียงแตรรถดังสนั่นทั่วเมือง
รถเมล์ขับผ่านหน้าตลาดเบนถั่น ผู้คนต่างทยอยลงกันเป็นจำนวนมากที่ป้ายรถเมล์นี้ แต่ผมลงตอนเลยตลาดเบนถั่นไป 1 ป้าย เพราะโรงแรมที่ผมพักจะอยู่ด้านหลังเลยตลาดเบนถั่นไปเล็กน้อย ลงจากรถก็เดินผ่านวัดฮินดูที่อยู่ใกล้ ๆ โรงแรมที่พัก เดินไปสักประมาณ 500 เมตรก็ถึงโรงแรม
โรงแรมที่พักคืนนี้คือ โรงแรมไฮเฮี๋ยน ซิเนเจอร์ ที่ตั้งโรงแรมดีมากอยู่ในย่านคนเดินพลุกพล่าน ข้าง ๆ โรงแรมมีร้านอาหารและร้านสะดวกซื้อ k-circle อยู่หลายร้าน แถมเดินไปตลาดเบนถั่นหรือโบสถ์นอธเธอดามก็ใกล้ดีจริง ๆ เสียแต่ห้องพักของโรงแรมเล็กเกินไป
ห้องอาหารชั้นบนสุดของโรงแรม มองจากห้องอาหารเห็นวิวอาคารต่าง ๆ ของเมืองโฮจิมินห์ได้ อาหารเช้ามีให้เลือกหลากหลายดี ถือว่าราคาแอบแพงเกินไปนิดถ้าเทียบกับคุณภาพของห้องพักนะครับ
ถึงโรงแรมที่พักก็เกือบค่ำแล้ว เพราะที่นี่ 5 โมงเย็น ท้องฟ้าก็เริ่มจะมืดแล้ว บรรยากาศเหมือนตอน 6 โมงเย็นของบ้านเราเลยครับ ผมเลยเดินออกไปสำรวจบ้านเมืองของเค้า เดินเล่น ๆ ชมเมืองไปจนไปถึงโบสถ์นอธเธอดาม ระยะทางแค่ 1 ก.ม. เดินแป๊บ ๆ ก็ถึงแล้ว
เดินมาดันเจอด้านหลังของโบสถ์
ก็เลยต้องเดินเลาะรั้วโบสถ์ไปชมด้านหน้าที่มีรูปปั้นพระแม่มาเรียอยู่ด้านหน้าของโบสถ์
ที่นี่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติ รวมทั้งคนเวียดนามเองนิยมมานั่งเล่นและถ่ายรูปด้านหน้าของโบสถ์ในยามหัวค่ำกันมาก บริเวณด้านหน้าของโบสถ์ก็มีพ่อค้าแม่ค้าเอาของกินเล่นมากขายกัน อย่างเช่นลุงคนนี้แกขายปลาหมึกย่าง ย่างแล้วบดเป็นแผ่นบาง ๆ จิ้มกินกับน้ำจิ้มเหมือนที่ขายที่บ้านเราเลยครับ นั่งเล่นอยู่ด้านหน้าโบสถ์กลิ่นเผาปลาหมึกแห้งนี่หอมยั่วน้ำลายจริง ๆ
ตะลุยเดี่ยวขี่รถเที่ยวดะเวียดนามใต้ ตอนที่ 1
กลับมารีวิวอีกครั้ง แต่คราวนี้เป็นทริปการเดินทางท่องเที่ยวฉบับตะลุยเดี่ยวขี่รถเที่ยวดะในเวียดนามใต้กันนะครับ โดยเที่ยวเจาะลึกแค่ 5 เมืองคือ เมืองโฮจิมินห์หรือเมืองไซ่ง่อน เมืองญาจาง เมืองฟันรังทับจาม เมืองดาลัต และเมืองมุยเน่ โดยในทริปนี้เป็นท่องเที่ยวสไตล์ไปเช่ารถมอเตอร์ไซค์ขี่เที่ยวแวะชมสถานที่ท่องเที่ยวที่ผมสนใจ โดยเฉพาะกลุ่มปราสาทของชนเผ่าจามตามสไตล์คนชอบแนวประวัติศาสตร์เน้นขี่รถไปดูโบราณสถาน แต่ทริปนี้ก็ใช่จะมีแต่ไปชมโบราณสถานอย่างเดียว เรียกว่าทริปนี้ได้ไปชมสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลายอรรถรสทั้งโบราณสถาน ภูเขา น้ำตก สวนดอกไม้ ชายหาด ทะเลทราย โบสถ์คริสต์ และวัดวาอารามต่าง ๆ มากมาย สถานที่หลายแห่งก็ยังไม่เคยมีเพื่อน ๆ ชาวพันทิปเคยลงในกระทู้ห้องบลูเพลนเนตอีกด้วย เพราะสถานที่บางแห่งเหล่านี้หลายคนมักไม่รู้จัก หรือไม่ได้สนใจเพราะมีเวลาจำกัดในการเที่ยว ดังนั้นทริปนี้ของผมจึงมาเปิดเผยข้อมูลทั้งวิธีการเดินทางและความน่าสนใจของสถานที่นั้น ๆ เล่าประสบการณ์ให้ฟังนะครับ เผื่อจะทำให้เพื่อน ๆ บางคนเกิดแรงบันดาลใจอยากไปชมสถานที่นั้น ๆ กับตาของตนเองบ้างเหมือนผม ต้องบอกเลยว่าประเทศเวียดนามเป็นประเทศที่เหมาะต่อการเดินทางท่องเที่ยวด้วยตนเองแบบไม่ต้องง้อทัวร์มากอีกประเทศหนึ่ง เพราะเดินทางเองได้ง่ายและคุ้มค่าต่อราคาจริง ๆ นะครับ
ทริปการเดินทางครั้งนี้ของผมใช้เวลาเที่ยวทั้งหมด 9 วัน แต่ต้องออกตัวก่อนว่ารูปภาพที่ลงในกระทู้อาจไม่สวยถูกใจคุณผู้ชมนัก เพราะผมถ่ายรูปจากกล้องโทรศัพท์และกล้องถ่ายรูปธรรมดาเท่านั้นไม่ได้ตกแต่งภาพแต่อย่างใดนะครับ ก่อนอื่นมาทำความเข้าใจการเดินทางท่องเที่ยวของผมตลอด 9 วันก่อนนะครับว่าผมแบ่งการเที่ยวชมในแต่ละวันกันอย่างไร
ทริปการเดินทางท่องเที่ยวในเวียดนามใต้ 9 วัน ของผมมีดังนี้ครับ
วันแรก : เดินทางจากกรุงเทพฯ - โฮจิมินห์ และเที่ยวชมอาคารสำคัญต่าง ๆ ภายในเมืองยามค่ำคืน
วันที่ 2 : นั่งเครื่องบินไปญาจาง เที่ยวชมปราสาทโพนคร และชมเมืองญาจางยามค่ำคืน
วันที่ 3 : เที่ยวชมกลุ่มปราสาทจามที่ฟันรังทับจาม และทะเลทรายขาวแห่งฟันรัง
วันที่ 4 : เที่ยวเก็บตกภายในเมืองญาจาง และเที่ยวชมเมืองดาลัตยามค่ำคืน
วันที่ 5 : เที่ยวชมกลุ่มน้ำตกตอนใต้ของเมืองดาลัด
วันที่ 6 : เที่ยวชมสถานที่ท่องเที่ยวภายในเมืองดาลัด พวกสวนดอกไม้และโบสถ์คริสต์
วันที่ 7 : เที่ยวเก็บตกภายในเมืองดาลัด และน้ำตกช้าง
วันที่ 8 : เล่นน้ำชายหาดเมืองมุยเน่ และเที่ยวชมสถานที่ต่าง ๆ ของเมืองมุยเน่
วันที่ 9 : เดินเที่ยวชมเมืองโฮจิมินห์ครึ่งวัน และเดินทางกลับกรุงเทพฯ
ค่าใช้จ่ายในทริปเวียดนามใต้ 9 วัน ผมใช้จ่ายเงินไปทั้งหมด 24,000 บาท โดยแบ่งเป็น
- ค่าเครื่องบิน 3 ไฟล์ (กรุงเทพฯ - โฮจิมินห์) , (โฮจิมินห์ - ญาจาง) , (โฮจิมินห์ - กรุงเทพฯ) + สัมภาระ 20 ก.ก. (ขาไป) และ 25 ก.ก. (ขากลับ) 4,474.20 บาท
- ค่าโรงแรมที่พัก 8 คืน (โฮจิมินห์ 2 คืน , ญาจาง 2 คืน , ดาลัด 3 คืน , มุยเน่ 1 คืน) 8,729.65 บาท
- ค่าเดินทางไปและกลับจากบ้านไปสนามบินดอนเมือง ค่าเข้าชม ค่าเช่ารถมอเตอร์ไซค์ขี่เที่ยว ค่าน้ำมันรถ ค่ารถบัส ค่าแท็กซี่ ค่ากิน ค่าของฝากที่ระลึก และค่าซิมโทรศัพท์ 10,796.15 บาท
วันแรก : เดินทางจากกรุงเทพฯ - โฮจิมินห์ และเที่ยวชมอาคารสำคัญต่าง ๆ ภายในเมืองยามค่ำคืน
ออกจากบ้าน 9 โมงเพื่อมาขึ้นเครื่องที่สนามบินดอนเมืองที่บินไฟล์บ่ายโมงกว่า เครื่องบินใช้เวลาบินแค่ 1 ชั่วโมง 20 นาทีก็มาถึงสนามบินเตินเซินเญิ้ตของเมืองโฮจิมินห์ เวียดนามใต้แล้ว ใช้ระยะเวลาการบินพอ ๆ กับบินไปเชียงใหม่เลย
เครื่องบินลำนี้ที่วันนี้นั่งไปโฮจิมินห์
ถึงแล้วเมืองโฮจิมินห์ของประเทศเวียดนาม อยู่ใกล้ปากแม่น้ำโขงเลย ตอนเครื่องกำลังลงเห็นตึกรามบ้านช่องแออัดกันพอ ๆ กับกรุงเทพฯ บ้านเราเลย
ลงจากเครื่อง ผ่านด่าน ตม. แล้ว ผมก็มาซื้อซิมเน็ตภายในสนามบิน เพราะผมต้องใช้ google map นำทางในการขี่รถมอเตอร์ไซค์ ร้านที่ขายซิมจะอยู่ใกล้ประตูทางออก มีให้เลือกหลายเจ้า
แต่รอบนี้ผมเลือกใช้บริการของค่าย Vinaphone เพราะเห็นว่ากำลังว่างไม่มีคน ผิดกับเจ้าข้าง ๆ Viettel ต้องต่อคิวกันซื้อเพราะคนเยอะ
ค่าย vinaphone ก็มีแพ็คเก็ตให้เลือกหลายแบบตามกระดาษที่เขาพิมพ์นี้นะครับ รอบนี้ผมใช้ซิม 9 GB ราคา 135,000 ด่อง (198.45 บาท)
ใช้ดีนะครับ โดยเฉพาะตามเมืองใหญ่จะเปิดเล่นเน็ตวิ่งฉับไวดี ที่นี่ราคาซิมถูกมากและถูกกว่าที่พม่าและอินโดนีเซียที่เคยไปมาเสียอีก
เมื่อซิมโทรศัพท์พร้อม คราวนี้ผมก็เดินออกมานอกสนามบินเพื่อไปนั่งรถเมล์สาย 152 เข้าเมืองกันครับ
รถเมล์สาย 152 ที่จอดอยู่ด้านหน้าของสนามบิน ออกจากสนามบินมาให้เดินมาทางขวาจะเจอกับรถคันนี้จอดอยู่ครับ ข้างรถมีเขียนชัดเจนว่าผ่านจุดไหนบ้างของเมือง โดยเฉพาะตลาดเบนถั่น จุดหมายที่นักท่องเที่ยว Backpack จะนิยมลงกัน เพราะอยู่ใกล้ถนนฟามงูเหลา
ผมเสียค่าโดยสาร 10,000 ด่อง (14.70 บาท) เพราะมีสัมภาระเป็นกระเป๋าใบใหญ่
รถจอดรอคนได้สักครู่ก็ออกเดินทาง รถใช้เวลาในการวิ่งเข้าเมืองถึงตลาดเบนถั่นประมาณ 1 ชั่วโมง ทั้ง ๆ ที่ระยะทางแค่ 6 ก.ม. เพราะช่วงเย็นที่นี่รถติด และติดไฟแดงหลายแยกนะครับ
ระหว่างนั่งรถไป เราก็ชมวิวไปเรื่อย ๆ เสียงแตรรถมอเตอร์ไซค์ที่นี่บีบกันให้ดังตลอด อันนี้เป็นสัญลักษณ์แสดงว่าเรามาถึงเมืองโฮจิมินห์แล้วอย่างแท้จริง เพราะที่นี่จะเหมือนกับที่พม่าและอินโดนีเซีย เวลาเค้าขี่รถจะแซงกันก็จะบีบแตรให้สัญญาณบอกคนขี่ข้างหน้าเสมอ ทำให้บนท้องถนนตลอดเวลามีแต่เสียงแตรรถดังสนั่นทั่วเมือง
รถเมล์ขับผ่านหน้าตลาดเบนถั่น ผู้คนต่างทยอยลงกันเป็นจำนวนมากที่ป้ายรถเมล์นี้ แต่ผมลงตอนเลยตลาดเบนถั่นไป 1 ป้าย เพราะโรงแรมที่ผมพักจะอยู่ด้านหลังเลยตลาดเบนถั่นไปเล็กน้อย ลงจากรถก็เดินผ่านวัดฮินดูที่อยู่ใกล้ ๆ โรงแรมที่พัก เดินไปสักประมาณ 500 เมตรก็ถึงโรงแรม
โรงแรมที่พักคืนนี้คือ โรงแรมไฮเฮี๋ยน ซิเนเจอร์ ที่ตั้งโรงแรมดีมากอยู่ในย่านคนเดินพลุกพล่าน ข้าง ๆ โรงแรมมีร้านอาหารและร้านสะดวกซื้อ k-circle อยู่หลายร้าน แถมเดินไปตลาดเบนถั่นหรือโบสถ์นอธเธอดามก็ใกล้ดีจริง ๆ เสียแต่ห้องพักของโรงแรมเล็กเกินไป
ห้องอาหารชั้นบนสุดของโรงแรม มองจากห้องอาหารเห็นวิวอาคารต่าง ๆ ของเมืองโฮจิมินห์ได้ อาหารเช้ามีให้เลือกหลากหลายดี ถือว่าราคาแอบแพงเกินไปนิดถ้าเทียบกับคุณภาพของห้องพักนะครับ
ถึงโรงแรมที่พักก็เกือบค่ำแล้ว เพราะที่นี่ 5 โมงเย็น ท้องฟ้าก็เริ่มจะมืดแล้ว บรรยากาศเหมือนตอน 6 โมงเย็นของบ้านเราเลยครับ ผมเลยเดินออกไปสำรวจบ้านเมืองของเค้า เดินเล่น ๆ ชมเมืองไปจนไปถึงโบสถ์นอธเธอดาม ระยะทางแค่ 1 ก.ม. เดินแป๊บ ๆ ก็ถึงแล้ว
เดินมาดันเจอด้านหลังของโบสถ์
ก็เลยต้องเดินเลาะรั้วโบสถ์ไปชมด้านหน้าที่มีรูปปั้นพระแม่มาเรียอยู่ด้านหน้าของโบสถ์
ที่นี่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติ รวมทั้งคนเวียดนามเองนิยมมานั่งเล่นและถ่ายรูปด้านหน้าของโบสถ์ในยามหัวค่ำกันมาก บริเวณด้านหน้าของโบสถ์ก็มีพ่อค้าแม่ค้าเอาของกินเล่นมากขายกัน อย่างเช่นลุงคนนี้แกขายปลาหมึกย่าง ย่างแล้วบดเป็นแผ่นบาง ๆ จิ้มกินกับน้ำจิ้มเหมือนที่ขายที่บ้านเราเลยครับ นั่งเล่นอยู่ด้านหน้าโบสถ์กลิ่นเผาปลาหมึกแห้งนี่หอมยั่วน้ำลายจริง ๆ