หนึ่งด้าวฟ้าเดียว สนิมเกิดแต่เนื้อในตน

สัปดาห์นี้ศึกนางพญาฝ่ายในคุกรุ่น จนหวยไปออกที่พระเอกได้เป็น ออกพระศรีขันทิน หรือ กงกงหนุ่ม
แทนออกพระราชาข่านที่ช้างเหยียบตาย นำความอิจฉาริษยามาให้ขันทีรุ่นพี่จนเก็บอาการไม่อยู่

นักแสดงขันทีกลุ่มนี้ ทำการบ้านมาดี แม้ตอนโกรธจัด ผูกใจเจ็บยังเก็บความเป็นชายได้สนิท
ดูจริตไม่ต่างจากขันทีจีน เกาหลี ละครย้อนยุคกรุงศรีเรื่องต่อๆไปหากมีนักเทศขันทีในละคร คงใช้การแสดงขันทีในเรื่องนี้เป็นต้นแบบ

แม้พระเอกเป็นออกพระ กุมอำนาจฝ่ายในกึ่งหนึ่ง แต่ถือศักดินาน้อยกว่าพระยา คุณหลวง ทั่วไปที่สามพันถึงหมื่น
ในพระไอยการตำแหน่งนาพลเรือน ออกหลวงขันทีกำหนดศักดินาเพียง ๑๐๐๐ ใกล้กับ ขุน น่าจะรับอิทธิพลจากต้าหมิง
จูหยวนจางปฐมฮ่องเต้ต้าหมิง ได้ตราขั้นสูงสุดของขันทีไว้เพียงขั้น ๔ เท่ากับหัวหน้าองครักษ์วังหลวง และหัวหน้าองครักษ์เสื้อแพร
ด้วยเกรงว่าฝ่ายในจะมีอำนาจมากเกินไป จนควบคุมฝ่ายบุ๋น บู๊ ได้ทั้งหมดเป็นเหตุให้แผ่นดินวิบัติ นับแต่ขันทีจ้าวเกา ต้าฉินเป็นเหตุ

พระเจ้าตากสิน ลงมากรุงศรีเพื่อขอเกณฑ์ไพร่เพิ่มไว้ตั้งรับทัพอังวะ ด้วยเพลานั้นเงื่อนไขการเกณฑ์ต่างจากราชวงศ์ก่อนๆ
หากทำโดยพลการ ต้องโทษฟันคอริบเรือน ออกญาพลเทพ เจ้ากรมนา กลับกุมอำนาจกลาโหมในมือได้ ด้วยเส้นสายเจ้าจอมเพ็ญ
สามารถสั่งการอวยยศโยกย้ายได้ตามสะดวก ไม่ต่างจากตำแหน่ง เฉิงเซี่ยง ควบคุมทั้งบุ๋น บู๊ นับแต่หลี่ซือ ต้าฉิน เป็นปฐม

พระเอก ร่ำเรียน บุ๋น บู๊ เจนจบพิชัยสงคราม จากหลวงตา ถึงกับเก็บอาการไม่อยู่เมื่อประชุมรับศึกอังวะ จึงชี้แนะอย่างกุนซือ
แต่ด้วยหน้าตาเป็นแขกโต้ระกี่ กลับเป็นที่ขบขันแทน ด้วยคนต่างด้าวท้าวต่างแดน จะใคร่แจ้งในภูมิประเทศแถบนี้ได้อย่างไร
แม้เจ้าจอมเพ็ญยังเห็นว่า ออกพระเป็นกระต่ายตื่นตูมไปได้ กรุงศรีเราเป็นเมืองแมนแดนสวรรค์มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง
คราศึกพระเจ้าอลองพญา ยังแพ้ภัยตัวเอง ด้วยบุญาบารมีของอโยธยาศรีรามเทพนคร ย่อมชำนะอีกคราเป็นแน่แท้

คงลืมไปว่า พระนเรศ กรีฑาทัพไปตั้งรับ ณ หนองสาหร่าย กระทำยุทธหัตถีให้ปรากฏเป็นพระเกียรติยศบรมกษัตราธิราช
หาได้แต่พึ่งปราการเกาะเมือง ซึ่งเสียทีแก่พระเจ้าชนะสิบทิศถึงสองครา จนพงศาวดารล้านนาบันทึกว่า กรุงศรีเสียกรุงถึง ๓ ครั้ง

บรรดาผู้ดีกรุงศรี ไม่ต่างจากนั่งเรือไตตานิค จึงสนุกกับมหรสพมากกว่า เตรียมตั้งรับ สะสมเสบียง อาวุธ ฝึกเกณฑ์ทหาร ด้วยเหตุนี้
ส่วนบรรดาหัวเมืองทั้งหลาย ช่วยตัวเองไปก่อน แค่ประเทศราชส่งส่วย ช่วยไปก็เปลืองไพร่พล อาวุธ กลัวส่งไปซ่องสุมก่อกบฎ

ตรงกับโคลงโลกนิติ์ ความว่า

สนิมเหล็กเกิดแต่เนื้อ        ในตน
กินกัดเนื้อเหล็กจน         กร่อนขร้ำ
บาปเกิดแต่ตนคน         เป็นบาป
บาปย่อมทำโทษซ้ำ         ใส่ผู้บาปเอง

โคควายวายชีพได้        เขาหนัง
เป็นสิ่งเป็นอันยัง         อยู่ไซร้
คนเด็ดดับสูญสัง-        ขารร่าง
เป็นชื่อเป็นเสียงได้      แต่ร้ายกับดี

เหล็กกล้าที่ว่าแกร่ง มิอาจหักงอด้วยกำลังภายนอกได้ฉันใด หากแต่แพ้พ่ายต่อสนิมในเนื้อเหล็กผุพังเองฉันนั้น
ดังเช่น ป้อมค่ายที่แข็งแกร่ง ข้าศึกมิอาจตีหักทะลายลงจากภายนอก แต่ล่มสลายด้วยไส้ศึกจากภายใน



มีเพียงออกญาวังผู้เดียวที่ใจตรงกับพระเอก ออกญามีชื่อผู้นี้หลักแหลมยิ่งนัก จึงเริ่มสงสัยในตัวพระเอกว่า ไปร่ำเรียนพิชัยสงครามจากสำนักใด
เมื่อพระเอกแจ้งว่า ร่ำเรียนจากโต้ระกี่ ใครๆที่โน้นก็เรียนกัน ออกญาวังถึงกับทึ้งในความเจริญรุ่งเรืองและการศึกษาของอีกซีกโลกหนึ่ง
ไม่ต่างจากต่างชาติบางคนมองคนไทยว่า

คนไทยเป็นมวยไทยทุกคน ขี่ช้างไปไหนมาไหน มีป่ามะพร้าวพบเห็นได้ทั่วไป บ้านปลูกใกล้แม่น้ำ ทะเลทุกหลัง

หมายถึง

คนไทยทุกคนเก่งการต่อสู้ รวยมากขนาดเลี้ยงสัตว์ใหญ่ไว้เป็นพาหนะได้ชั่วชีวิต บางบ้านเลี้ยงหลายตัว แพงยิ่งกว่าเลี้ยงม้า
มีมะพร้าวรสอร่อยกว่าภูมิภาคอื่นๆ กินได้ทุกวัน บ้านปลูกใกล้แม่น้ำ ทะเล ถือเป็นทำเลทองที่ดินราคาแพง

นางเอกสองตอนนี้ ห้าวเป้ง เป็นห่วงบ้านเมือง อยากมีส่วนร่วมในการรับศึกอังวะ จนประทับใจซึ่งกันและกันกับพระเอก
นี่ขนาดไม่มีวรยุทธหนักมือหนักตีนตลอดเมื่อออกท่า ถ้าฝึกมารับรองพระเอกไม่ได้บู๊แน่
นางเอกอาสารับเป็นคนทรงไปลวงคองูเห่า ผีเข้าโดยไม่ต้องสั่นเป็นเจ้าเข้า แค่พูดแทงใจดำก็ได้ความแล้ว

แต่เจ้าจอมเพ็ญนกรู้ แสร้งเป็นลมเลี่ยงการตอบ มารยาสาไถเช่นนี้ยังต้องเล่นของ ไม่แปลกที่อารมณ์คุ้มดีคุ้มร้าย โมโหร้ายทีเป็นคนละคน
ต้องเชื่อในสิ่งที่ทำให้ใจชื้น มากกว่าความจริงที่ปรากฏ จึงต้องไปขอของดีจากขรัวเถื่อน เพื่อความมั่นใจ
พระเอกจึงสะกดรอยตาม จากรอยย่ำใบไม้ที่เพิ่งถูกเหยียบใหม่ๆ ถึงได้รู้ว่าทั้งทำเสน่ห์ ทำของใส่ แถมนำยันต์มาสะกดวิญญาณแม่พระเอกอีก
นางคงลืมคิดไปว่า ผีแขกต่างจากผีไทย กลัวคนละอย่าง ไม่ต่างจากเอายันต์ไปสู้แดรกคูล่า มนุษย์หมาป่า คนละสายพันธุ์กัน

ตอนนางเอกถูกไอ้กล้าฉุด ออกญาวังปกป้องสาวได้ดี ทางมวยแบบคว้าจับดึงให้ศัตรูเสียหลักแล้วเข้าตี แต่เจอผงเข้าตาเกือบไม่รอด
เผอิญเป้ากับขันทีเพื่อนพระเอกมาช่วยทัน และบอกว่า อย่าขยี้ตา(เดี๋ยวตาบอด)ตรงนี้เขียนบทใส่ใจรายละเอียด ทุกตัวละครมีความสำคัญ
เช่นเดียวกับสุ่น เมียรองม่วงที่ไม่ไปไถ่ตัวเสียที ช่วยวางแผนตามหานางเอก และเข้าใจหัวอกเมียแต่ง

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

พระเอกแปลงร่างเป็น ขันทองยอดนักบู๊ ไปช่วยนางเอกใครขวางฆ่าไม่เหลือ ถ้าไม่ออกทีวีป่านนี้เป็นผีหัวขาดกันหมดแล้ว
ใช้ท่ายันเอราวัณ เอี้ยวตัวยันเข่าไปที่หน้าอกผู้ร้าย จากนั้นใช้เพลงดาบสังหาร โหดจนแม่อินสลบ พระเอกบู๊ไม่ห่วงเจ็บ
ขนาดมือแตก ยังกอดนางเอกได้นุ่มนวล แต่น้องเอกเจอกล้ามอกพระเอกกระแทกแรงไปหน่อย น่าจะถ่ายอีกเทค
ฉากเข้าพระนางหอมแก้มได้น่าทะนุถนอม ได้แต่เก็บรักไว้ลึกสุดใจ ดูสุขุมคัมภีรภาพแบบ ชนะ ศรีอุบล ไม่มีดูดปากให้เสียของ

นางเอกแสดงสีหน้าดีมาก อากัปกิริยา ดูแล้วเป็นแมงเม่า กุมารี คนเปิดเผย ใจถึงเที่ยงธรรม รักชายที่เป็นผู้กล้า สุภาพชน
จึงแบ่งรับแบ่งสู้เมื่อเจอออกญาวัง ถ้าคืนนั้นรู้ว่าพระเอกเป็นขันเทียม คงถีบอีเยื้อนตกท่าน้ำวันลอยกระทงไปแล้ว

CG แผนที่การรบทำได้ดี พากย์เข้าใจง่าย บอกเล่าเรื่องราวได้กระชับชวนติดตาม


มณีปุระ(Manipur)  อังวะ(Ava)

มณีปุระตอนเหนือ ติดดินแดนเผ่านากะ ล่าหัวมนุษย์

ทัพมณีปุระ บุกวัดเจดีย์กองมูดอว์(KaungHmuDaw Pagoda) หรือ วัดเจดีย์นมสาว เมืองสะกาย ค.ศ.1738
ก่อนตั้งราชวงศ์คองบอง ค.ศ.1752–1885


ฝ่ายพุกามประเทศ พระเจ้ามังระติดศึกมณีปุระ หมายใจใคร่ยกทัพโยธาหาญมาพิชิตกรุงศรีด้วยพระองค์เอง
แผ่พระบรมเดชานุภาพไปทั้งสิบทิศ หากแต่ในสมัยพระเจ้าชนะสิบทิศ ราชวงศ์ตองอู แม้พิชิตกรุงศรีได้
จำต้องเสียไพร่พล ทรัพย์สินเป็นอันมาก แลมีศึกต่อเนื่องตลอดรัชกาลจนพระองค์สวรรคต เป็นเหตุให้ราชวงศ์อ่อนแอจนยากฟื้นคืน

หากยกทัพหลวงไปกรุงศรี แม้พิชิตได้ แต่ทัพต้าชิงทางเหนือคงยกทัพเรือนแสนมาบดขยี้ พม่ารามัญจนยับเยิน
อาจถึงสิ้นราชวงศ์ได้ ซึ่งอะแซหวุ่นกี้เห็นพ้อง จึงรั้งทัพหลวงไว้ที่กรุงชเวโบ ส่งสองยอดขุนพลมากรำศึกล้างแค้นแทน ได้แก่

เนเมียวสีหบดี หรือ เนมโยสีหปเต๊ะ
ฉายา ผู้พิชิตสามอาณาจักร คือ ล้านนาเชียงใหม่ ล้านช้างร่มขาว โยเดีย(อยุธยา)
เป็นเชื้อพระวงศ์หนึ่งใน 68 ทหารเอกร่วมสถาปนาราชวงศ์คองบอง และเป็นทหารเสือพระเจ้ามังระ

มังมหานรธา เป็นชื่อบรรดาศักดิ์ เทียบเท่าสมุหพระกลาโหม เดิมชื่อ มินฮละติยิ
หนึ่งในขุนพลเอกของพระเจ้ามังระที่ทรงไว้วางพระราชหฤทัย แม้กรำศึกมาค่อนชีวิต ขนาดในที่ประชุนค้านว่า
เป็นลูกครึ่งพม่ากับม่าน(ล้านนา) เกรงจะไม่กล้ารบกับเผ่าเดียวกัน จนพระเจ้ามังระทรงปรารภกับออกขุนนางว่า

การสงครามกับโยเดียจะสำเร็จได้ ต้องอาศัยมังมหานรธาเป็นผู้นำทัพอีกทางหนึ่ง

ศึกนี้หมายทำลายโยเดียให้ราบพนาสูญหาได้เป็นเสี้ยนหนามสืบไปเมื่อหน้า และขาดทัพหนุนช่วยตีกระหนาบกับต้าชิง
ทั้งพระเจ้าอลองพญาและพระเจ้ามังระ ใช้คนดั่งซุกเซ็กรวบรวมกังตั๋ง สมัยสามก๊ก ด้วยสำนวนสิบพยางค์ว่า

ใช้คนอย่าระแวง หากระแวงอย่าใช้

ทั้งสองทัพจากอังวะเดินทัพทางไกลสู้ศึกยืดเยื้อ พร้อมประกาศให้ทุกหัวเมืองที่ผ่านทราบว่า

ใครยอมข้าอยู่ ใครขวางข้าตาย

เป็นอุบายที่เจงกิสข่าน ใช้พิชิตมาแล้วครึ่งโลก กองทัพมีวินัย ไม่รังแกชาวบ้านที่ยอมจำนน
งานนี้มีเชือดไก่ให้ลิงดูเล็กน้อย นอกนั้นสวามิภักดิ์โดยทั่วหน้า
บรรดาหัวเมืองที่ถูกทอดทิ้งจึงแปรพักตร์เข้ากับอังวะ ส่งเสบียงอาหาร วัว ควาย ไพร่พล อาวุธ เป็นค่าคุ้มครอง

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

ขณะนั้น ณ บ้านระแหงแขวงเมืองตาก พระเจ้าตากสินได้นำทัพเข้าตีกองหาเสบียงพม่ารามัญ อย่างห้าวหาญกล้าแกร่งดุจตะวันฉาย
อ้ายเสมา ในขุนศึก มาบู๊ได้เจ๋งกว่าเดิม ใช้เพลงดาบได้ว่องไวปานเพลงกระบี่จีน ผู้อื่นฟันไปทีเดียว พระเจ้าตากสินฟันได้สองที
ข้าศึกล้มตายราวกับใบไม้ร่วง จบท้ายเข่าลอย หิรัญยักษ์ม้วนแผ่นดิน ตามด้วยด้วยท่าไพล่หลังเชือดคอไว้สังหารคนใส่เสื้อเกราะ

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

การใช้กระบี่จีนเชือดคอข้าศึกที่สวมเกราะ โดยหลี่เหลียงเจี๋ย ภาพยนตร์สามอหังการ์ เจ้าสุริยา

ด้านพระยาพิชัย ใช้เพลงดาบคู่ละลวงฟันหมู้ข้าศึกแตกกระเจิง ตีซ้ายซ้ายแตก ตีขวาขวาแตก เป็นที่กริ่งเกรงในสมรภูมิ

หลังเสร็จศึกพระเจ้าตากสินประชุมขุนนาง ด้วยมีหมายเรียกให้ไปรักษาพระนคร ทรงวางทางหนีทีไล่ให้
ขุนนางที่เฝ้าเมืองตากแทน แล้วกำชับว่า อย่าเอาไข่กระทบหิน เมื่อเกินต้านไหวให้เคลื่อนทัพมายังที่นัดหมาย


ท้ายนี้ผิดพลาดประการใด ผู้เขียนต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ ขอบคุณครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่