ต้นปีที่ผ่านมา โกเนี้ยที่เคารพท่านหนึ่งทักขึ้นมาว่า “ปีนี้ แฟนเธอมีเกณฑ์เดินทางเยอะนี่ เธอด้วย แฟนจะพาไปเที่ยวไหนเหรอ ?”
“หืม...อาโกวว่าไงนะคะ ?”
... อิชั้นเสียงสูงด้วยความแปลกใจ พลางนึกไม่ออกว่าจะได้ไปไหน
ตัวคนข้างตัวน่ะมีเกณฑ์เดินทางไปทำงานเยอะแน่ ๆ แต่ดู ๆ ทริปแล้ว ถ้าทริปทำงานที่ต้องไปร่วมกับลูกค้าลูกน้อง แล้วดิฉันไม่มีอะไรเกี่ยวข้องนี่ ...ดิฉันไม่ค่อยได้เข้าไปแจมอยู่แล้ว ให้พวกหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่เค้าไปกันเอง เค้าน่าจะสนุกกว่า
หลังตรุษจีน เรามีเหตุให้ต้องดีลงานซื้อของกับอาเฮียอาวุโสขาใหญ่ท่านหนึ่ง เฮียบอกว่า “เออ...ซื้อ xxx เดี๋ยวผมมีทัวร์ให้ไปเนเธอแลนด์ 2 ใบ” เรารีบต่อรองก่อนเลยด้วยความเขี้ยวว่า
“ไม่ต้องก็ได้เฮีย ... เอาค่าทัวร์มาลดราคาให้หนูดีกว่า”
เฮียโบกมือปฏิเสธบอกว่า
“ถึงไม่เอาทัวร์ ก็ไม่ลด ไปเหอะไป ทิวลิปออกพอดี ไปดูกันดีกว่า ผมอยากให้พวกคุณไปด้วย จะได้ไปรู้จักพวกกลุ่มลูกค้าผมคนอื่น ๆ ”
พอจะต้องรับให้ได้ ก็คิดถึงหม่าม้าและพี่สาวว่า หม่าม้ายังไม่เคยไปยุโรป ส่วนพี่สาวไปยุโรปมาก็เมื่อยี่สิบสามสิบปีมาแล้ว ให้หม่าม้ากับพี่สาวไปเที่ยวแทนดีกว่า ก็พบว่าทัวร์ปฏิเสธอีก เพราะบอกว่าหม่าม้าดิฉันอายุแปดสิบปลาย ๆ แล้ว กลัวมีปัญหาเรื่องขอวีซ่าไม่ผ่าน
ท้ายสุด อิชั้นก็เลยได้ควงคุณสามีจับพลัดจับผลูไปเที่ยวแบบงง ๆ กับทัวร์ ก็สไตล์เที่ยวแบบทัวร์ที่เค้ามักจะเรียกว่า ชะโงกทัวร์ หรือ ทัวร์เที่ยวแบบจิ้มดูดอ่ะนะคะ คือ ไม่ได้ค่อย ๆ ละเลียดไปตามสถานที่ตามใจฉันเท่าไร คือ แค่แวะจิ้ม ๆ นิด ๆ หน่อย ๆ จกกินบรรยากาศพอหอมปากหอมคอ แล้วก็ต้องรีบกลับมาที่จุดนัดพบภายในเวลาที่กำหนดไว้ แต่ไหน ๆ ก็ได้ไปแล้ว ก็ขอเก็บบรรยากาศเล็ก ๆ น้อย ๆ กะล่อยกะหลิบมาฝากกันพอหอมปากหอมคอนะคะ
ก่อนจะไปอัมสเตอร์ดัม ทัวร์พาแวะที่กีธูร์น Giethoorn ก่อนค่ะ
เมืองนี้เป็นเมืองเล็ก ๆ สวย สงบ น่าอยู่ และมีคลองล้อมรอบ ถ้าจะเปรียบกับเวนิซ ก็คงเทียบเรื่องขนาดและความรุ่มรวยทางสถาปัตยกรรมไม่ได้ แต่ดิฉันเลิฟเลิฟเมืองนี้อย่างสุดประมาณ เพราะเป็นเมืองเกษตรกรรมที่เล็ก ๆ สะอาด สงบ และมีดอกไม้น่ารัก ๆ เต็มไปหมด ที่สำคัญนักท่องเที่ยวยังไม่ค่อยเยอะ เดินเล่นไปตามถนนเลียบคลองเล็ก ๆ ที่น้ำสะอาดในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ชมดอกไม้ไปด้วย ฟินสุด ๆ ค่ะ
เนื่องจากเราไปเป็นคณะ เราเลยล่องเรือกันด้วยเรือใหญ่ลำนี้
เอารูปสวย ๆ ในมุมอื่น ๆ มาฝากเพิ่มเติมนะคะ
แต่ถ้าไปกันเอง จะเช่าจักรยานหรือเช่าเรือลำเล็ก ๆ ถีบไปตามคลองก็ได้นะคะ น่าเพลิดเพลินดีเหมือนกัน ดิฉันมีความรู้สึกว่า เมืองกีธูรน์นี้น่าจะมีคนไทยอยู่ หรือ อย่างน้อยก็ต้องเป็นฝรั่งที่เคยมาเที่ยวไทย เพราะเห็นภาพนูนต่ำที่ใช้ดินเหนียวปั้นเป็นรูปพระพุทธรูปวางอยู่ที่หน้าบ้านหลังหนึ่ง แถม ... ตอนนั่งเรือผ่านบ้านอีกหลังเห็น บ้าน (แบบฝรั่ง) หลังเล็ก ๆ ตั้งอยู่บนเสาขาเดียวแบบเดียวกับศาลพระภูมิบ้านเราเลยค่ะ เสียดายถ่ายรูปไม่ทัน เพราะไปทริปกับพวกที่ซื้อขายกัน บางทีก็ต้องนั่งคุยเรื่องค้าขายไปด้วย ทำให้โฟกัสได้ไม่ค่อยดี
อาหารกลางวันที่เมืองนี้อร่อยมากนะคะ ปลาสด (ขออภัยถ่ายภาพไม่ทัน) และผักสลัดก็รสอร่อย มีชีสหั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าคลุกมาให้กินแนมกับผักด้วย
เอาละ มาพูดถึงนางเอกของเราเสียที อัมสเตอร์ดัมที่รัก ระหว่างทางที่นั่งรถไปมีสะพานทรงแปลกตาที่ไกด์บอกว่าเป็นรูปยกทรง
อิอิ จริงๆ เราก็แอบคิดนะว่าดูเหมือนยกทรง แต่ไม่กล้าพูดออกไปกลัวเค้าหาว่าทะลึ่ง ปรากฏว่า ไกด์บอกว่าใคร ๆ ก็มองว่ามันเป็นรูปยกทรงจริง ๆ
เราแวะพักแถว ๆ Schiphol แล้ววันรุ่งขึ้นก็เข้าชมเมืองอัมสเตอร์ดัม
เสียดายเป็นที่สุด ที่เรามีเวลาน้อยนักที่เมืองนี้ ทำให้โปรแกรมมีแค่ นั่งเรือชมคลอง และตอนบ่ายไกด์ก็พาไปปล่อยที่ Dam Square ใจกลางเมืองเพื่อให้ช้อปปิ้งเที่ยวชมตามอัธยาศัย
เรือส้ม ๆ แบบนี้ล่ะค่ะ ที่เราจะล่องไปชมเมืองด้วยกัน
Amsterdam สมัยโบร่ำโบราณเป็นเมืองที่ทำการประมง มีแม่น้ำอัสเทลไหลผ่าน พอมีคนมาสร้างเขื่อน (Dam) ไว้เพื่อกั้นน้ำออกไปทำเป็นที่อยู่อาศัย เมืองนี้ก็เลยได้ชื่อว่า Amsterdam แปลว่า เขื่อนริมแม่น้ำอัมสเทล เมืองนี้เป็นเมืองเก่าแก่ที่สร้างขึ้นมาช่วงคริสตศตวรรษที่ 12
เมืองนี้มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน รุ่มรวยด้วยวัฒนธรรม มีที่เที่ยวและมิวเซียมที่น่าสนใจหลายอย่าง
ดูเหมือนคนเมืองนี้จะช่างเก็บช่างงำ ช่างทำประวัติเรื่องราวต่าง ๆ เป็นอย่างดี อัมสเตอร์ดัม จึงเป็นเมืองที่มีพิพิธภัณฑ์ แสดงข้าวของเครื่องใช้วัฒนธรรมหลายอย่างที่เกี่ยวกับตัวเมือง นับตั้งแต่ พิพิธภัณฑ์แว่นตา (National Museum of Spectacles) พิพิธภัณฑ์ทิวลิป (Tulip Museum) พิพิธภัณฑ์เบียร์ไฮเนเก้น พิพิธภัณฑ์แสดงเครื่องทรมาน (Torture Museum) พิพิธภัณฑ์กระเป๋า (Museum of Bags and Purses) พิพิธภัณฑ์ชีส (Cheese Museum) พิพิธภัณฑ์กัญชา (Hash Marijuana and Hemp Museum) ไปจนถึง พิพิธภัณฑ์เซ็กส์ (Sex Museum) นี่ยังไม่ได้พูดถึงพิพิธภัณฑ์ที่แสดงผลงานศิลปะของศิลปินฝีมือระดับโลกอย่าง แวนโก๊ะห์ (Van Gogh) เรมบรันด์ (Rembrandt) รวมไปถึงพอร์เทรตงาม ๆ และผลงานงามๆ ของศิลปินสำคัญอื่น ๆ ในพิพิธภัณฑ์ที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งอย่าง Rijksmuseum
โปรแกรมที่โด่งดังและนักท่องเที่ยวพลาดไม่ได้ และน่าจะได้ไปดู ไปเที่ยมชมคือ
1. ย่านชุมชนยิว และบ้านเก่าของ Anne Frank เจ้าของไดอารี่อันเลื่องชื่อ
2. พิพิธภัณฑ์แวนโก๊ะห์ (Van Gogh Museum)
3. Rijksmuseum
4. ล่องเรือชมเมือง
ดิฉันพบว่าคนที่นี่รักศิลปะมากทีเดียว ตอนดิฉันเข้าพักที่โรงแรมดิฉันพบภาพนี้ อยู่ที่หัวเตียง
แน่นอนค่ะว่าไม่ใช่ภาพ original ของแท้อยู่ที่ Rijksmuseum นู่น และมีคำอธิบายความเป็นมาของภาพแปะไว้ที่โต๊ะให้แขกได้อ่าน
บรรยากาศการล่องเรือ ก็สวยงามค่ะ เรือล่องไปตามแม่น้ำ เห็นตึกเก่า ๆ มีประวัติมายาวนาน อ้อ...เวลาขึ้นเรือครูส เค้ามีหูฟังบรรยายความเป็นมาของเมือง และจุดต่าง ๆ ที่เราล่องผ่านด้วยค่ะ มีหลายภาษา และแน่นอนรวมทั้งภาษาไทยของเราด้วย
บรรยากาศที่เรือล่องไป เพลินดีค่ะ อากาศช่วงฤดูใบไม้ผลิประมาณ 10 ต้น ๆ เย็นกำลังดี ไม่หนาวโหดร้ายจนเกินไป น้ำในคลอง และตามแม่น้ำ ไม่ใสเท่าไรนะคะ แต่ไม่เหม็นค่ะ
เรือส่งด่วนของ DHL
เค้าว่านี่เป็นบ้านพักของนายกเทศมนตรี
เมืองนี้คนขี่จักรยานเต็มไปหมด มีแผนที่ทางสำหรับจักรยานโดยเฉพาะด้วยค่ะ
วอลดอฟแอสโทเรีย อันลือลั่น
ปูนปั้นสวยงามแบบสะพานมัฆวาฬและสะพานหัวช้าง
วิวต่าง ๆ ในตัวเมืองและเส้นทางที่เรือแล่นผ่าน
โรงเจียระไนเพชร Gassan อันโด่งดัง ที่เคยเป็นฉาก James Bond สมัยสามสี่สิบปีก่อนตอน Diamonds are Forever ตึกที่เห็นนี่ ด้านหน้าเป็นกระจกกันกระสุนค่ะ
หลังจากเราทานข้าวกลางวันกันแล้ว เราก็มีชั่วโมงว่างประมาณ 2-3 ชั่วโมงค่ะ ไกด์ปล่อยแถว ๆ Dam Square แล้วก็ชี้ไปที่ห้างใหญ่ชื่อ De Bijenkorf (เพราะคงคิดว่าพี่ไทยขาช็อปน่าจะชอบเข้าห้าง) พร้อมอธิบายสั้น ๆ ว่า ห้างนี้มีเกือบทุกแบรนด์นะครับ ยกเว้น Chanel เดินเล่นกันได้ตามสบาย แล้วไกด์ก็พาไปดูจุดนัดพบและนัดหมายเวลาไว้ตอนเย็น
De Bijenkorf
[CR] อัมสเตอร์ดัม...พาดูคลองสวย ๆ Sex Museum และขนมรสกัญชา และป้าขอหมายไว้เลยว่า... อัมสเตอร์ดัม -- เราต้องได้เจอกันอีก
“หืม...อาโกวว่าไงนะคะ ?”
... อิชั้นเสียงสูงด้วยความแปลกใจ พลางนึกไม่ออกว่าจะได้ไปไหน
ตัวคนข้างตัวน่ะมีเกณฑ์เดินทางไปทำงานเยอะแน่ ๆ แต่ดู ๆ ทริปแล้ว ถ้าทริปทำงานที่ต้องไปร่วมกับลูกค้าลูกน้อง แล้วดิฉันไม่มีอะไรเกี่ยวข้องนี่ ...ดิฉันไม่ค่อยได้เข้าไปแจมอยู่แล้ว ให้พวกหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่เค้าไปกันเอง เค้าน่าจะสนุกกว่า
หลังตรุษจีน เรามีเหตุให้ต้องดีลงานซื้อของกับอาเฮียอาวุโสขาใหญ่ท่านหนึ่ง เฮียบอกว่า “เออ...ซื้อ xxx เดี๋ยวผมมีทัวร์ให้ไปเนเธอแลนด์ 2 ใบ” เรารีบต่อรองก่อนเลยด้วยความเขี้ยวว่า
“ไม่ต้องก็ได้เฮีย ... เอาค่าทัวร์มาลดราคาให้หนูดีกว่า”
เฮียโบกมือปฏิเสธบอกว่า
“ถึงไม่เอาทัวร์ ก็ไม่ลด ไปเหอะไป ทิวลิปออกพอดี ไปดูกันดีกว่า ผมอยากให้พวกคุณไปด้วย จะได้ไปรู้จักพวกกลุ่มลูกค้าผมคนอื่น ๆ ”
พอจะต้องรับให้ได้ ก็คิดถึงหม่าม้าและพี่สาวว่า หม่าม้ายังไม่เคยไปยุโรป ส่วนพี่สาวไปยุโรปมาก็เมื่อยี่สิบสามสิบปีมาแล้ว ให้หม่าม้ากับพี่สาวไปเที่ยวแทนดีกว่า ก็พบว่าทัวร์ปฏิเสธอีก เพราะบอกว่าหม่าม้าดิฉันอายุแปดสิบปลาย ๆ แล้ว กลัวมีปัญหาเรื่องขอวีซ่าไม่ผ่าน
ท้ายสุด อิชั้นก็เลยได้ควงคุณสามีจับพลัดจับผลูไปเที่ยวแบบงง ๆ กับทัวร์ ก็สไตล์เที่ยวแบบทัวร์ที่เค้ามักจะเรียกว่า ชะโงกทัวร์ หรือ ทัวร์เที่ยวแบบจิ้มดูดอ่ะนะคะ คือ ไม่ได้ค่อย ๆ ละเลียดไปตามสถานที่ตามใจฉันเท่าไร คือ แค่แวะจิ้ม ๆ นิด ๆ หน่อย ๆ จกกินบรรยากาศพอหอมปากหอมคอ แล้วก็ต้องรีบกลับมาที่จุดนัดพบภายในเวลาที่กำหนดไว้ แต่ไหน ๆ ก็ได้ไปแล้ว ก็ขอเก็บบรรยากาศเล็ก ๆ น้อย ๆ กะล่อยกะหลิบมาฝากกันพอหอมปากหอมคอนะคะ
ก่อนจะไปอัมสเตอร์ดัม ทัวร์พาแวะที่กีธูร์น Giethoorn ก่อนค่ะ
เมืองนี้เป็นเมืองเล็ก ๆ สวย สงบ น่าอยู่ และมีคลองล้อมรอบ ถ้าจะเปรียบกับเวนิซ ก็คงเทียบเรื่องขนาดและความรุ่มรวยทางสถาปัตยกรรมไม่ได้ แต่ดิฉันเลิฟเลิฟเมืองนี้อย่างสุดประมาณ เพราะเป็นเมืองเกษตรกรรมที่เล็ก ๆ สะอาด สงบ และมีดอกไม้น่ารัก ๆ เต็มไปหมด ที่สำคัญนักท่องเที่ยวยังไม่ค่อยเยอะ เดินเล่นไปตามถนนเลียบคลองเล็ก ๆ ที่น้ำสะอาดในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ชมดอกไม้ไปด้วย ฟินสุด ๆ ค่ะ
เนื่องจากเราไปเป็นคณะ เราเลยล่องเรือกันด้วยเรือใหญ่ลำนี้
เอารูปสวย ๆ ในมุมอื่น ๆ มาฝากเพิ่มเติมนะคะ
แต่ถ้าไปกันเอง จะเช่าจักรยานหรือเช่าเรือลำเล็ก ๆ ถีบไปตามคลองก็ได้นะคะ น่าเพลิดเพลินดีเหมือนกัน ดิฉันมีความรู้สึกว่า เมืองกีธูรน์นี้น่าจะมีคนไทยอยู่ หรือ อย่างน้อยก็ต้องเป็นฝรั่งที่เคยมาเที่ยวไทย เพราะเห็นภาพนูนต่ำที่ใช้ดินเหนียวปั้นเป็นรูปพระพุทธรูปวางอยู่ที่หน้าบ้านหลังหนึ่ง แถม ... ตอนนั่งเรือผ่านบ้านอีกหลังเห็น บ้าน (แบบฝรั่ง) หลังเล็ก ๆ ตั้งอยู่บนเสาขาเดียวแบบเดียวกับศาลพระภูมิบ้านเราเลยค่ะ เสียดายถ่ายรูปไม่ทัน เพราะไปทริปกับพวกที่ซื้อขายกัน บางทีก็ต้องนั่งคุยเรื่องค้าขายไปด้วย ทำให้โฟกัสได้ไม่ค่อยดี
อาหารกลางวันที่เมืองนี้อร่อยมากนะคะ ปลาสด (ขออภัยถ่ายภาพไม่ทัน) และผักสลัดก็รสอร่อย มีชีสหั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าคลุกมาให้กินแนมกับผักด้วย
เอาละ มาพูดถึงนางเอกของเราเสียที อัมสเตอร์ดัมที่รัก ระหว่างทางที่นั่งรถไปมีสะพานทรงแปลกตาที่ไกด์บอกว่าเป็นรูปยกทรง
อิอิ จริงๆ เราก็แอบคิดนะว่าดูเหมือนยกทรง แต่ไม่กล้าพูดออกไปกลัวเค้าหาว่าทะลึ่ง ปรากฏว่า ไกด์บอกว่าใคร ๆ ก็มองว่ามันเป็นรูปยกทรงจริง ๆ
เราแวะพักแถว ๆ Schiphol แล้ววันรุ่งขึ้นก็เข้าชมเมืองอัมสเตอร์ดัม
เสียดายเป็นที่สุด ที่เรามีเวลาน้อยนักที่เมืองนี้ ทำให้โปรแกรมมีแค่ นั่งเรือชมคลอง และตอนบ่ายไกด์ก็พาไปปล่อยที่ Dam Square ใจกลางเมืองเพื่อให้ช้อปปิ้งเที่ยวชมตามอัธยาศัย
เรือส้ม ๆ แบบนี้ล่ะค่ะ ที่เราจะล่องไปชมเมืองด้วยกัน
Amsterdam สมัยโบร่ำโบราณเป็นเมืองที่ทำการประมง มีแม่น้ำอัสเทลไหลผ่าน พอมีคนมาสร้างเขื่อน (Dam) ไว้เพื่อกั้นน้ำออกไปทำเป็นที่อยู่อาศัย เมืองนี้ก็เลยได้ชื่อว่า Amsterdam แปลว่า เขื่อนริมแม่น้ำอัมสเทล เมืองนี้เป็นเมืองเก่าแก่ที่สร้างขึ้นมาช่วงคริสตศตวรรษที่ 12
เมืองนี้มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน รุ่มรวยด้วยวัฒนธรรม มีที่เที่ยวและมิวเซียมที่น่าสนใจหลายอย่าง
ดูเหมือนคนเมืองนี้จะช่างเก็บช่างงำ ช่างทำประวัติเรื่องราวต่าง ๆ เป็นอย่างดี อัมสเตอร์ดัม จึงเป็นเมืองที่มีพิพิธภัณฑ์ แสดงข้าวของเครื่องใช้วัฒนธรรมหลายอย่างที่เกี่ยวกับตัวเมือง นับตั้งแต่ พิพิธภัณฑ์แว่นตา (National Museum of Spectacles) พิพิธภัณฑ์ทิวลิป (Tulip Museum) พิพิธภัณฑ์เบียร์ไฮเนเก้น พิพิธภัณฑ์แสดงเครื่องทรมาน (Torture Museum) พิพิธภัณฑ์กระเป๋า (Museum of Bags and Purses) พิพิธภัณฑ์ชีส (Cheese Museum) พิพิธภัณฑ์กัญชา (Hash Marijuana and Hemp Museum) ไปจนถึง พิพิธภัณฑ์เซ็กส์ (Sex Museum) นี่ยังไม่ได้พูดถึงพิพิธภัณฑ์ที่แสดงผลงานศิลปะของศิลปินฝีมือระดับโลกอย่าง แวนโก๊ะห์ (Van Gogh) เรมบรันด์ (Rembrandt) รวมไปถึงพอร์เทรตงาม ๆ และผลงานงามๆ ของศิลปินสำคัญอื่น ๆ ในพิพิธภัณฑ์ที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งอย่าง Rijksmuseum
โปรแกรมที่โด่งดังและนักท่องเที่ยวพลาดไม่ได้ และน่าจะได้ไปดู ไปเที่ยมชมคือ
1. ย่านชุมชนยิว และบ้านเก่าของ Anne Frank เจ้าของไดอารี่อันเลื่องชื่อ
2. พิพิธภัณฑ์แวนโก๊ะห์ (Van Gogh Museum)
3. Rijksmuseum
4. ล่องเรือชมเมือง
ดิฉันพบว่าคนที่นี่รักศิลปะมากทีเดียว ตอนดิฉันเข้าพักที่โรงแรมดิฉันพบภาพนี้ อยู่ที่หัวเตียง
แน่นอนค่ะว่าไม่ใช่ภาพ original ของแท้อยู่ที่ Rijksmuseum นู่น และมีคำอธิบายความเป็นมาของภาพแปะไว้ที่โต๊ะให้แขกได้อ่าน
บรรยากาศการล่องเรือ ก็สวยงามค่ะ เรือล่องไปตามแม่น้ำ เห็นตึกเก่า ๆ มีประวัติมายาวนาน อ้อ...เวลาขึ้นเรือครูส เค้ามีหูฟังบรรยายความเป็นมาของเมือง และจุดต่าง ๆ ที่เราล่องผ่านด้วยค่ะ มีหลายภาษา และแน่นอนรวมทั้งภาษาไทยของเราด้วย
บรรยากาศที่เรือล่องไป เพลินดีค่ะ อากาศช่วงฤดูใบไม้ผลิประมาณ 10 ต้น ๆ เย็นกำลังดี ไม่หนาวโหดร้ายจนเกินไป น้ำในคลอง และตามแม่น้ำ ไม่ใสเท่าไรนะคะ แต่ไม่เหม็นค่ะ
เรือส่งด่วนของ DHL
เค้าว่านี่เป็นบ้านพักของนายกเทศมนตรี
เมืองนี้คนขี่จักรยานเต็มไปหมด มีแผนที่ทางสำหรับจักรยานโดยเฉพาะด้วยค่ะ
วอลดอฟแอสโทเรีย อันลือลั่น
ปูนปั้นสวยงามแบบสะพานมัฆวาฬและสะพานหัวช้าง
วิวต่าง ๆ ในตัวเมืองและเส้นทางที่เรือแล่นผ่าน
โรงเจียระไนเพชร Gassan อันโด่งดัง ที่เคยเป็นฉาก James Bond สมัยสามสี่สิบปีก่อนตอน Diamonds are Forever ตึกที่เห็นนี่ ด้านหน้าเป็นกระจกกันกระสุนค่ะ
หลังจากเราทานข้าวกลางวันกันแล้ว เราก็มีชั่วโมงว่างประมาณ 2-3 ชั่วโมงค่ะ ไกด์ปล่อยแถว ๆ Dam Square แล้วก็ชี้ไปที่ห้างใหญ่ชื่อ De Bijenkorf (เพราะคงคิดว่าพี่ไทยขาช็อปน่าจะชอบเข้าห้าง) พร้อมอธิบายสั้น ๆ ว่า ห้างนี้มีเกือบทุกแบรนด์นะครับ ยกเว้น Chanel เดินเล่นกันได้ตามสบาย แล้วไกด์ก็พาไปดูจุดนัดพบและนัดหมายเวลาไว้ตอนเย็น
De Bijenkorf