ครั้งนี้เรามาประชุมที่ Amsterdam, Netherland ประชุมเสร็จ ลาพักร้อนต่อสิคะยาวไปๆ
ยังคง Concept เรื่องงานเรื่องเที่ยวเรื่องเดียวกันเช่นเคย

เราสมัครเชงเก้นวีซ่าประเภท Business และถือโอกาส Sightseeing ดูบ้านเมืองเค้าต่อ  จากท่าอากาศยานสุววรณภูมิถึงท่าอากาศยาน Sciphol ใช้เวลาในการเดินทาง 11 ชม.อากาศตอนนั้น-3 องศา



เราพักที่ Amsterdam Marriott Hotel  บริษัทจ่ายให้ค่ะ โชคดีที่โรงแรมอยู่ใจกลางเมือง เราจึงไปไหนค่อนข้างที่จะสะดวก

เนเธอร์แลนด์ถือว่าเป็นเมืองที่ปลอดภัยแห่งหนึ่งของโลก ประเทศนี้อัตราการปิดคุกเพิ่มขึ้นเพราะขาดแคลนนักโทษ
เป็นประเทศเสรีแต่คนมีระเบียบวินัยและจิตสำนึกสูง เราจึงสามารถเดินเที่ยวคนเดียวได้อย่างสบายใจ แต่ต้องไม่ประมาทนะคะ

เนเธอร์แลนด์เป็นเมืองจักรยาน มีเลนจักรยานสำหรับนักปั่นโดยเฉพาะ


เราเลือกไปนั่งเรือชมแม่น้ำ ผ่านคลองอัมสเตอร์ดัม เป็นวิธีที่ช่วยให้เห็นเมืองโดยรอบได้เร็วขึ้นในระยเวลาอันสั้น 60 นาที เรานั่ง Amsterdam Canal Cruise ราคา15.5 Euro เราไม่ได้จองออนไลน์ ถ้าจองออนไลน์จะได้ราคาถูกกว่านี้อีก เพราะเราไม่สามารถกำหนดเวลาได้ ว่าจะไปกี่โมง ถ้าว่างจากเตรียมงานก็สามารถไปนั่งได้เลย
ที่โต๊ะจะมีหูฟังสามารถเลือกภาษาที่บรรยายได้แต่เราหาภาษาไทยไม่เจอ เลยต้องฟังภาษาอังกฤษ


2.Damrak Street  เป็นแหล่งชอปปิ้ง มีสินค้าแบรนด์เนมต่างๆ เป็นแหล่งชอปปิ้งของวัยรุ่น มีตั้งแต่เครื่องสำอาง รองเท้า เสื้อผ้ากระเป๋า ซื้อของอย่าลืมขอ refund tax  ด้วยนะคะ

รอบเมืองอัมสเตอร์ดัมเต็มไปด้วยคลอง ผสมกับตัวอาคารบ้านเรือนสีสันสดใส และสถาปัตยกรรมเก่าแก่ ทำให้เมืองดูอบอุ่น ทัศนียภาพสวยงาม


อัมสเตอร์ดัมเป็นเมืองของศิลปะ จิตรกร พิพิธภัณฑ์ต่างๆ
เราไม่ได้เข้าไปข้างใน ถ่ายรูปอยู่ด้านหน้า
พิพิธภัณฑ์แวนโกะห์ (Van Gogh Museum)

พิพิธภัณฑ์ไรค์ (Rijksmuseum) พิพิธภัณฑ์อันดับหนึ่งของประเทศ แหล่งรวมผลงานศิลปะเนเธอร์แลนด์ทุกแขนง

หน้าพิพิธภัณฑ์ไรค์จะมี แลนด์มาร์คเลยก็ว่าได้ เป็นป้ายอัมสเตอร์ดัม คนที่มาอัมสเตอร์ดัมนิยมมาถ่ายกับป้ายนี้

เราได้เข้าไปชมพิพิธภัณฑ์เดียวเป็นพิพิธภัณฑ์ที่เราชอบและสนใจ พิพิธภัณฑ์นั้นคือ Heineken Experience พิพิธภัณฑ์ไฮเนเก้น

เรามาช่วงเดือนพฤศจิกายน จึงอดดูดอกทิวลิปที่ Keukenhof
เราเลยเดินไปดูดอกไม้ที่ floating market แทน

ในเมื่อมาถึงเนเธอร์แลนด์แล้วสัญลักษณ์อีกอย่างหนึ่งเราจะพลาดไม่ได้นั่นก็คือ Windmill