ประกัน Elite Health ของเมืองไทยฯ ดูน่าทำไหมครับ

ตอนแรกมีแผนจะทำ ประกันมะเร็งหายห่วง ของอีกที่หนึ่งวงเงินคุ้มครองปรัมาณ 3 ล้าน บาท..พอดีมีตัวแทนมาเสนอขายตัวelite health ซึ่งดูแล้วครอบคลุมดีครับในวงเงิน 20 ล้าน

อยากทราบความเห็นเพื่อน ๆ ครับว่าเห็นยังไงกันบ้างกับตัวนี้ครับ เห
นว่าคุ้มครองถึง 20 ล้าน ค่อนข้างคลอบคลุม แต่กลัวว่ามีการเพิ่มเบี้ยมหาโหด เมื่อเคลม เหมือนหลาย ๆ กระทู้โดนหรือเปล่า
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 6
ให้ความรู้เพิ่มครับ  ประกัน Elite Health ของเมืองไทยฯ  เมื่อเทียบกับประกันเหมาจ่ายค่ารักษา ของกรุงไทยแอกซ่าประกันชีวิต  
จะใกล้เคียงกันกับ iHealthy แผนโกลด์ แผนนี้ ค่ารักษา10 ล้านต่อปี
มีค่ารักษาผู้ป่วยนอก (opd) 50,000 ต่อปี  อันนี้โกาสใช้ได้มาก   และค่าทำฟันอีก 4,000/ต่อปี

วิเคราะห์เทียบแผน  10 ล้าน ของกรุงไทยแอกซ่า  กับ  แผน20ล้านของเมืองไทยฯ

https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=1366661050206309&id=100005872809386

1.ค่ารักษาต่อปี      เมืองไทย  20 ล้าน  กรุงไทยแอกซ่า 10 ล้าน
**อันนี้ให้เมืองไทยชนะขาดครับ  แต่ในความเป็นจริง ค่ารักษา10 ล้านต่อปี ใช้ถึง อันนี้ก็เกิดขึ้นได้ยากมากๆแล้วครับ  

2. ค่าห้อง  ค่าอาหาร   ค่าบริการพยาบาล            เมืองไทย        10,000 ต่อวัน  
    ค่าห้อง  ค่าอาหาร                                      กรุงไทยแอกซ่า 9,000  ต่อวัน
***อันนี้กรุงไทยแอกซ่า ชนะนะครับ ถ้าสงสัยสอบถามหลังไมค์ได้ครับ ว่าชนะยังไง

3.ภาวะแทรกซ้อนก่อนและหลังคลอดบุตร         เมืองไทย  ไม่คุ้มครอง        กรุงไทยแอกซ่า คุ้มครองไม่เกินผลประโยชน์สูงสุดต่อปี
***อันนี้กรุงไทยแอกซ่าชนะครับ

4.ค่ารักษาผู้ป่วยนอก (opd) เจ็บป่วยไปหาหมอแล้ว ไม่ต้องนอน รพ. เช่น เป็นหวัด ไอ เจ็บคอ ท้องเสีย ปวดหัว มีไข้ ปวดท้อง ตาอักเสบ เป็นต้น
                                                        เมืองไทย ไม่คุ้มครอง           กรุงไทยแอกซ่า 50,000/ปี
***อันนี้กรุงไทยแอกซ่าชนะขาดครับ  
หลักๆ ประกันสุขภาพ จะใช้บ่อย หรือโอกาสที่จะใช้  opd  จะมากกว่า  ipd   ยิ่งอนาคตถ้ามีโรคประจำตัว
ต้องไปรับยา หาหมอทุก 1-3 เดือน อันนี้ได้ใช้ opd แน่นอนครับ ถ้าไม่มีวงเงินตรงนี้ก็ต้องจ่ายเองตลอด      

  5.ค่ากายภาพบำบัด  ของเมืองไทยไม่คุ้มครอง  กรุงไทยแอกซ่า คุ้มครองในวงเงิน OPD ตามแผนที่เลือก***ของกรุงไทยแอกซ่าชนะขาดครับ

6.ค่าตรวจรักษาทางทันตกรรม เช่น อุดฟัน ถอนฟัน ขูดหินปูน เป็นต้น  
            เมืองไทย  ไม่คุ้มครอง    กรุงไทยแอกซ่า 4,000ต่อปี (เบิกได้80% ของใบเสร็จ)      ***ของกรุงไทยแอกซ่าชนะขาดครับ

7.ค่ารักษาผู้ป่วยนอกเนื่องจากอุบัติเหตุภายใน 24ชม.   เมืองไทย จ่ายตามจริง(ถ้าหมอนัดกลับมาล้างแผล ถอดเฝือก ถอดเหล็ก อันนี้ จะต้องออกเองเพราะคุ้มครองตามจริงแค่ 24 ชม.แรกจากเกิดอุบัติเหตุ (ทางออกคือทำประกันอุบัติเหตุเพิ่ม)  กรุงไทยแอกซ่าใช้รวมกับ opd 50,000/ปี
***อันนี้ให้เมืองไทยเบียดชนะครับ   เนื่องจาก opd ของกรุงไทยแอกซ่าเป็นวงเงินที่ใช้แล้วหมดไปต่อปี  ( ทางออกข้อนี้ของกรุงไทยแอกซ่า ทำประกันอุบัติเหตุเพิ่มค่าเบี้ย 1,800 ต่อปี  ได้ค่ารักษา40,000 ต่อครั้ง แต่ได้ความคุ้มครองมากขึ้นจากประกันสุขภาพทั้ง2แบบนี้ไม่มี คือได้คุ้มครองการเสียชีวิต สูญเสียอวัยวะหรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิงจากอุบัติเหตุ 300,000   การฆาตกรรมลอบทำร้าย 300,000 )  

8.ค่าการบริการพยาบาลพิเศษในโรงพยาบาลหรือที่บ้านหลังจากออกโรงพยาบาลตามความจำเป็นทางการแพทย์
ของเมืองไทย ไม่คุ้มครอง           กรุงไทยแอกซ่าคุ้มครองตามจริง                             อันนี้ให้กรุงไทยแอกซ่าชนะขาด

9.การฟื้นฟูสภาพในฐานนะผู้ป่วยใน    ของเมืองไทย ไม่คุ้มครอง     กรุงไทยแอกซ่าคุ้มครอง(จ่ายตามจริง)      อันนี้ให้กรุงไทยแอกซ่าชนะขาด  

10.ค่าใช้จ่ายสำหรับการปลูกถ่ายอวัยวะ  ของเมืองไทย คุ้มครอง 1 ครั้งตลอดชีวิต  กรุงไทยแอกซ่าคุ้มครอง กี่ครั้งก็ได้ตามความจำเป็นทางการแพทย์
อันนี้ให้กรุงไทยแอกซ่าชนะขาดมากๆ  

11.ค่ารักษาผู้ป่วยนอก OPD รักษาโรคมะเร็งรวมถึงเคมีบำบัด รังสีบำบัด การรักษาแบบออกฤทธิ์จำเพาะเจาะจงต่อเซลล์มะเร็ง (Targeted Therapy)
ของเมืองไทย คุ้มครอง จ่ายตามจริง    กรุงไทยแอกซ่าคุ้มครอง(จ่ายตามจริง) อันนี้เสมอกัน    หมวดนี้ของกรุงไทยแอกซ่า ไม่ได้ชูจุดเด่นตรงนี้ขึ้นมาครับ แต่มีรูปตัวอย่าง สำหรับคนที่เคลม Targeted Therapy ที่เป็นแบบ OPD ไว้ให้ดูด้วยครับ

สรุป Elite Health ของเมืองไทย แผน1  VS iHealthy แผนโกลด์ ของกรุงไทยแอกซ่า

iHealthy แผนโกลด์ คุ้มค่ากว่า ได้ผลประโยชน์มากกว่า        1.หมวดค่าห้องค่าอาหาร ได้เยอะกว่า                2.ค่ากายภาพบำบัด  
3.คุ้มครองภาวะแทรกซ้อนก่อนและหลังคลอดบุตร             4.มีค่ารักษาแบบเหมาจ่ายผู้ป่วยนอก(OPD) 50,000/ปี  
5.ค่าทำฟัน 4,000/ปี                                         6. .ค่าการบริการพยาบาลพิเศษในโรงพยาบาลหรือที่บ้านหลังจากออกโรงพยาบาล  
7.การฟื้นฟูสภาพในฐานนะผู้ป่วยใน                       8.ค่าใช้จ่ายสำหรับการปลูกถ่ายอวัยวะ ที่ไม่ได้จำกัดจำนวนครั้ง

ประกันสุขภาพทุกที่ดีหมดครับ ขึ้นอยู่กับเราว่าเป็นคนเลือกว่าชอบความคุ้มครองของที่ไหน

เมื่อเลือกแบบประกันได้แล้วก็เลือกตัวแทนที่จะมาดูแลระยะยาวอันนี้สำคัญกว่าครับ

               ส่วนความคุ้มครองจะชอบแบบไหนก็เลือกได้ตามที่เห็นว่าชอบ พอใจอันไหนมากกว่ากัน และก็เลือกทำกับตัวแทนที่มีความรู้และเป็นมืออาชีพ ไว้ใจได้ในการดูแล สามารถติดต่อตัวแทนได้ตลอดนะครับ เวลามีปัญหาจะได้ปรึกษาตัวแทนได้ครับ


แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่