การเดินทางทุกครั้ง เพื่อทลายความกลัวบางอย่างในตัวเอง ใช้ทุกวิธีการที่เที่ยวโดยใช้เงินให้น้อยที่สุด มันจึงเกิดทริปนี้ขึ้นมา อย่าคิดมากเพราะถ้าคิดมากจะไม่ได้ไป ฮ่าๆ
สวัสดีค่ะ ไปเที่ยวมาก็หลายที่ แต่นี่เป็นการเขียนรีวิวครั้งแรกของเรา เป็นการบอกเล่าประสบการณ์การเดินทางของตัวเอง ผ่านความรู้สึกส่วนตัวและสิ่งที่พบเห็นในขณะนั้น เผื่อจะมีประโยชน์กับคนอื่นๆ บ้างค่ะ
อินโดนีเซีย ที่แห่งนี้ มีความหลากหลายทั้งทางธรรมชาติ และวัฒนธรรม
การเดินทางครั้งนี้เราไปกันเองโดยไม่ได้ผ่านทัวร์ ซึ่งเรามีโอกาสได้รู้จักกับน้องนักเรียนไทย (ฟาเดล) ที่ไปเรียนอยู่ที่โน่นเป็นคนอาสาพาเที่ยว (จริงๆไปกับเพื่อนซึ่งเขียนรีวิวไปแล้วแต่เราอยากมีเป็นของตัวเองบ้าง อิอิ) เข้าเรื่องเลยดีกว่า ก่อนอื่นขอสรุปเป็นข้อๆ ค่ะ
1.ตั๋วเครื่องบิน เราจองล่วงหน้าประมาณ 4-5 เดือน แยกจองเป็น 4 เที่ยว คือ ขาไป-หาดใหญ่-กัวลาลัมเปอร์-สุบารายา ส่วนขากลับ-บาหลี-กัวลาลัมเปอร์-หาดใหญ่ รวมราคาตั๋ว 4,441 บาท
2.ที่พักบาหลี 3 คืน จองล่วงหน้า ประมาณ 1-2 เดือน ค่าใช้จ่าย เฉลี่ย 1,300 บาท/คน
3.ปลั๊กไฟที่อินโดไม่เหมือนบ้านเราต้องเอาตัวแปลงไปด้วย หาซื้อได้ในเซเว่น
4.ขึ้นโบรโม่เตรียมอุปกรณ์กันหนาวไปด้วย ผ้าปิดปาก ป้องกันฝุ่น/ลม และระยะทางขึ้นเขาถนนแคบคดเคี้ยวหลายโค้งใครเมารถง่ายๆอย่าลืมพกยาแก้เมารถไปด้วยนะ
5.ช่วงเวลาที่ไป คือ 13-18 เม.ย. 2561 ช่วงนี้อากาศดี ไม่เจอฝนเลยค่ะ
6..การแลกเงิน สกุลเงินที่ใช้คือรูเปียร์ ควรแลกดอลล่าไปก่อนจะได้เรทดีกว่า คิดค่าเงินง่ายๆคือ เอา 400 หาร
ถือเงินล้านกันเลยทีเดียว
7.การเดินทางตลอดทริป โดยรถที่น้องฟาเดลเป็นคนเช่ามา โดยค่าใช้จ่ายกองกลางที่เป็น ค่าเช่ารถ ค่าน้ำมัน ค่าเข้าสถานที่ต่างๆ ค่ารถจิ๊บขึ้นโบรโม่ ค่าเรือข้ามเกาะ ค่าจอดรถ ค่าซิมโทรศัพท์ เฉลี่ย 3,500 บาท/คน
8.ค่ากองกลางอาหารตลอดทริป เฉลี่ย 2,000 บาท/คน
9.สมาชิกจากไทย 6 คน น้องนักเรียนที่อินโด 2 คน รวมเป็น 8 คน
10.สรุปค่าใช้จ่ายทั้งหมดเป็นตัวเลขกลมๆ ประมาณ 11,000 บาท ไม่รวมค่าทิปซึ่งเป็นสินน้ำใจให้กับน้องๆทั้ง 2 (น้องฟาเดลและน้องเจต) ที่เป็นคนขับรถพาพี่ๆเที่ยว
DAY 1
ออกจากสนามบินนานาชาติหาดใหญ่ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 15 นาที ถึงสนามบินกัวลาลัมเปอร์ ทำเรื่องผ่าน ตม.เสร็จก็หาอะไรรองท้องก่อน รอต่อเครื่องไปสุราบายา สนามบินที่นี่มีฟรี wifi ฟรี อินเตอร์เน็ตให้เล่นด้วย อ่อ! อย่าลืมแลกเงินริงกิตมาไว้ใช้ที่นี่ด้วยเพราะที่สนามบินเรทแพงกว่าเยอะมากๆ
ถึงสนามบินสุราบายาเวลาประมาณ 4 ทุ่ม รอน้องฟาเดลมารับไปกินข้าวก่อนเดินทางต่อไปยังภูเขาไฟโบรโม่อีกประมาณ 3 ชั่วโมง อาหารหลักของที่นี่จะเป็นข้าวไก่ทอด
DAY 2
ระหว่างทางขึ้นเขาถนนจะแคบ และคดเคี้ยวหลายโค้งทำให้น้องที่ไปด้วยกันถึงกับอ๊วกแตก แต่นั่นทำให้เราได้จอดรถและลงข้างทางเลยได้เห็นทางช้างเผือกสวยงามมาก เสียดายมีแต่กล้องมือถือถ่ายไม่ติดดาว อากาศข้างนอกนี่หนาวไปถึงไส้ติ่งเลยทีเดียว
ขึ้นไปถึงข้างบนประมาณตี2 เราต้องนั่งรอให้ฟ้าสว่าง จะมีร้านค้าให้นั่งกินมาม่า จิบกาแฟ ผิงไฟอุ่นๆ รอกันไปอย่างฟินๆ
พอเวลาประมาณเกือบๆตี 5 ที่นี่ฟ้าจะเริ่มสว่าง ผู้คนก็จะเริ่มจับจองหามุมสวยๆเพื่อรอชมความงดงามของภูเขาไฟ ซึ่งอากาศจะหนาวมากๆ ลมก็แรงด้วย ที่นี่หนาวตลอดทั้งปีแม้ว่าช่วงที่เราไปจะเป็นหน้าร้อน
ฟาเดลบอกว่าวันนี้โชคดีมากที่ไม่มีหมอก เพราะถ้ามีหมอกเยอะๆ จะมองไม่เห็นภูเขาไฟ
หลังจากชื่นชมความงาม ณ จุดชมวิว Love hill กันมาพอสมควรแล้ว ได้เวลาลงไปยังด้านล่างกัน โดยที่โบรโม่จะมี 4 จุดที่ต้องไป คือ
1.จุดชมวิว
2.ทุ่งหญ้าสะวันนา
3.ทะเลทรายดำหรือทะเลทรายกระซิป
4.ปากปล่องภูเขาไฟ
มีความอลังการและสวยงาม คือจะแวะถ่ายรูปตรงไหนก็สวยไปหมด
ตรงนี้คือทุ่งหญ้าสะวันนา(ที่บ้านเราจะเรียกทุ่งหญ้าคานั่นเอง555) มีภูเขาสีเขียวที่ทอดยาว อย่างกับหลุดไปอยู่ในจูราสสิค เวิล์ดเลยอ่ะ สวยจริงๆ
ระหว่างทางขึ้นไปปากปล่องภูเขาไฟต้องผ่านทะเลทรายดำ จะมีคนจูงม้าบริการให้ขี่ไปจนถึงบริเวณทางขึ้น ราคาก็แล้วแต่ต่อรอง สวยถึกอย่างเราก็เลือกที่จะเดิน เพราะจะได้ถ่ายรูปไปได้ตลอดทาง หึหึ ลมแรงและอากาศหนาวทำให้เดินได้สบายๆ แต่จะเหนื่อยหน่อยตรงทางขึ้นที่เริ่มจะชันเล็กน้อย
พอขึ้นไปถึงนี่หายเหนื่อยเลยค่ะ จากที่ไม่ได้นอนหลับมาหนึ่งวันหนึ่งคืนนี่ไม่ได้รู้สึกเพลียเลย ไม่รู้เหมือนกันว่าเอาพลังมาจากไหน อาจเป็นภาพที่อยู่เบื้องหน้าก็ได้ค่ะที่ทำให้หายเหนื่อย
ข้างล่างปล่องภูเขาไฟ คือกำมะถันสีเหลืองอมเขียวที่กำลังเดือดปุดๆ รอวันประทุรึเปล่าน้อ
ระหว่างทางเดินกลับจะมีแกะสลักเป็นรูปหน้าคนไว้
ออกจากโบรโม่เรานั่งรถต่อไปอีก 7 ชั่วโมงเพื่อรอขึ้นอิเจี้ยนตั้งแต่ตี 1 โดยที่ไม่ได้นอนพักและไม่ได้อาบน้ำด้วยเช่นกัน555 แต่ไม่รู้ทำไมเจ้าหน้าที่เปิดขายตั๋วเวลาตี 4 กว่าแล้ว (ปกติฟาเดลบอกว่าขายตั้งแต่ตี 2) ซึ่งถ้าขึ้นไปก็จะไม่เห็นบลูเฟลมแล้ว ไม่คุ้มกับค่าตั๋วเข้า คณะเราจึงตัดสินใจไม่ขึ้นและเดินทางต่อเพื่อขึ้นเรือข้ามฟากไปยังเกาะบาหลี
ไว้มาต่อบาหลีนะค่ะ วันนี้ราตรีสวัสดิ์จ้าาาา
JAWA-BALI อินโดนีเซีย ที่แห่งนี้ มีความหลากหลาย 5 คืน 6 วัน ด้วยงบหมื่นต้นๆ (รวมทุกอย่างแล้ว)
สวัสดีค่ะ ไปเที่ยวมาก็หลายที่ แต่นี่เป็นการเขียนรีวิวครั้งแรกของเรา เป็นการบอกเล่าประสบการณ์การเดินทางของตัวเอง ผ่านความรู้สึกส่วนตัวและสิ่งที่พบเห็นในขณะนั้น เผื่อจะมีประโยชน์กับคนอื่นๆ บ้างค่ะ
การเดินทางครั้งนี้เราไปกันเองโดยไม่ได้ผ่านทัวร์ ซึ่งเรามีโอกาสได้รู้จักกับน้องนักเรียนไทย (ฟาเดล) ที่ไปเรียนอยู่ที่โน่นเป็นคนอาสาพาเที่ยว (จริงๆไปกับเพื่อนซึ่งเขียนรีวิวไปแล้วแต่เราอยากมีเป็นของตัวเองบ้าง อิอิ) เข้าเรื่องเลยดีกว่า ก่อนอื่นขอสรุปเป็นข้อๆ ค่ะ
1.ตั๋วเครื่องบิน เราจองล่วงหน้าประมาณ 4-5 เดือน แยกจองเป็น 4 เที่ยว คือ ขาไป-หาดใหญ่-กัวลาลัมเปอร์-สุบารายา ส่วนขากลับ-บาหลี-กัวลาลัมเปอร์-หาดใหญ่ รวมราคาตั๋ว 4,441 บาท
2.ที่พักบาหลี 3 คืน จองล่วงหน้า ประมาณ 1-2 เดือน ค่าใช้จ่าย เฉลี่ย 1,300 บาท/คน
3.ปลั๊กไฟที่อินโดไม่เหมือนบ้านเราต้องเอาตัวแปลงไปด้วย หาซื้อได้ในเซเว่น
4.ขึ้นโบรโม่เตรียมอุปกรณ์กันหนาวไปด้วย ผ้าปิดปาก ป้องกันฝุ่น/ลม และระยะทางขึ้นเขาถนนแคบคดเคี้ยวหลายโค้งใครเมารถง่ายๆอย่าลืมพกยาแก้เมารถไปด้วยนะ
5.ช่วงเวลาที่ไป คือ 13-18 เม.ย. 2561 ช่วงนี้อากาศดี ไม่เจอฝนเลยค่ะ
6..การแลกเงิน สกุลเงินที่ใช้คือรูเปียร์ ควรแลกดอลล่าไปก่อนจะได้เรทดีกว่า คิดค่าเงินง่ายๆคือ เอา 400 หารถือเงินล้านกันเลยทีเดียว
7.การเดินทางตลอดทริป โดยรถที่น้องฟาเดลเป็นคนเช่ามา โดยค่าใช้จ่ายกองกลางที่เป็น ค่าเช่ารถ ค่าน้ำมัน ค่าเข้าสถานที่ต่างๆ ค่ารถจิ๊บขึ้นโบรโม่ ค่าเรือข้ามเกาะ ค่าจอดรถ ค่าซิมโทรศัพท์ เฉลี่ย 3,500 บาท/คน
8.ค่ากองกลางอาหารตลอดทริป เฉลี่ย 2,000 บาท/คน
9.สมาชิกจากไทย 6 คน น้องนักเรียนที่อินโด 2 คน รวมเป็น 8 คน
10.สรุปค่าใช้จ่ายทั้งหมดเป็นตัวเลขกลมๆ ประมาณ 11,000 บาท ไม่รวมค่าทิปซึ่งเป็นสินน้ำใจให้กับน้องๆทั้ง 2 (น้องฟาเดลและน้องเจต) ที่เป็นคนขับรถพาพี่ๆเที่ยว
DAY 1
ออกจากสนามบินนานาชาติหาดใหญ่ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 15 นาที ถึงสนามบินกัวลาลัมเปอร์ ทำเรื่องผ่าน ตม.เสร็จก็หาอะไรรองท้องก่อน รอต่อเครื่องไปสุราบายา สนามบินที่นี่มีฟรี wifi ฟรี อินเตอร์เน็ตให้เล่นด้วย อ่อ! อย่าลืมแลกเงินริงกิตมาไว้ใช้ที่นี่ด้วยเพราะที่สนามบินเรทแพงกว่าเยอะมากๆ
ถึงสนามบินสุราบายาเวลาประมาณ 4 ทุ่ม รอน้องฟาเดลมารับไปกินข้าวก่อนเดินทางต่อไปยังภูเขาไฟโบรโม่อีกประมาณ 3 ชั่วโมง อาหารหลักของที่นี่จะเป็นข้าวไก่ทอด DAY 2
ระหว่างทางขึ้นเขาถนนจะแคบ และคดเคี้ยวหลายโค้งทำให้น้องที่ไปด้วยกันถึงกับอ๊วกแตก แต่นั่นทำให้เราได้จอดรถและลงข้างทางเลยได้เห็นทางช้างเผือกสวยงามมาก เสียดายมีแต่กล้องมือถือถ่ายไม่ติดดาว อากาศข้างนอกนี่หนาวไปถึงไส้ติ่งเลยทีเดียว
ขึ้นไปถึงข้างบนประมาณตี2 เราต้องนั่งรอให้ฟ้าสว่าง จะมีร้านค้าให้นั่งกินมาม่า จิบกาแฟ ผิงไฟอุ่นๆ รอกันไปอย่างฟินๆ
พอเวลาประมาณเกือบๆตี 5 ที่นี่ฟ้าจะเริ่มสว่าง ผู้คนก็จะเริ่มจับจองหามุมสวยๆเพื่อรอชมความงดงามของภูเขาไฟ ซึ่งอากาศจะหนาวมากๆ ลมก็แรงด้วย ที่นี่หนาวตลอดทั้งปีแม้ว่าช่วงที่เราไปจะเป็นหน้าร้อนฟาเดลบอกว่าวันนี้โชคดีมากที่ไม่มีหมอก เพราะถ้ามีหมอกเยอะๆ จะมองไม่เห็นภูเขาไฟ
หลังจากชื่นชมความงาม ณ จุดชมวิว Love hill กันมาพอสมควรแล้ว ได้เวลาลงไปยังด้านล่างกัน โดยที่โบรโม่จะมี 4 จุดที่ต้องไป คือ
1.จุดชมวิว
2.ทุ่งหญ้าสะวันนา
3.ทะเลทรายดำหรือทะเลทรายกระซิป
4.ปากปล่องภูเขาไฟ
มีความอลังการและสวยงาม คือจะแวะถ่ายรูปตรงไหนก็สวยไปหมด
ตรงนี้คือทุ่งหญ้าสะวันนา(ที่บ้านเราจะเรียกทุ่งหญ้าคานั่นเอง555) มีภูเขาสีเขียวที่ทอดยาว อย่างกับหลุดไปอยู่ในจูราสสิค เวิล์ดเลยอ่ะ สวยจริงๆ
ระหว่างทางขึ้นไปปากปล่องภูเขาไฟต้องผ่านทะเลทรายดำ จะมีคนจูงม้าบริการให้ขี่ไปจนถึงบริเวณทางขึ้น ราคาก็แล้วแต่ต่อรอง สวยถึกอย่างเราก็เลือกที่จะเดิน เพราะจะได้ถ่ายรูปไปได้ตลอดทาง หึหึ ลมแรงและอากาศหนาวทำให้เดินได้สบายๆ แต่จะเหนื่อยหน่อยตรงทางขึ้นที่เริ่มจะชันเล็กน้อย
พอขึ้นไปถึงนี่หายเหนื่อยเลยค่ะ จากที่ไม่ได้นอนหลับมาหนึ่งวันหนึ่งคืนนี่ไม่ได้รู้สึกเพลียเลย ไม่รู้เหมือนกันว่าเอาพลังมาจากไหน อาจเป็นภาพที่อยู่เบื้องหน้าก็ได้ค่ะที่ทำให้หายเหนื่อยข้างล่างปล่องภูเขาไฟ คือกำมะถันสีเหลืองอมเขียวที่กำลังเดือดปุดๆ รอวันประทุรึเปล่าน้อ
ระหว่างทางเดินกลับจะมีแกะสลักเป็นรูปหน้าคนไว้
ออกจากโบรโม่เรานั่งรถต่อไปอีก 7 ชั่วโมงเพื่อรอขึ้นอิเจี้ยนตั้งแต่ตี 1 โดยที่ไม่ได้นอนพักและไม่ได้อาบน้ำด้วยเช่นกัน555 แต่ไม่รู้ทำไมเจ้าหน้าที่เปิดขายตั๋วเวลาตี 4 กว่าแล้ว (ปกติฟาเดลบอกว่าขายตั้งแต่ตี 2) ซึ่งถ้าขึ้นไปก็จะไม่เห็นบลูเฟลมแล้ว ไม่คุ้มกับค่าตั๋วเข้า คณะเราจึงตัดสินใจไม่ขึ้นและเดินทางต่อเพื่อขึ้นเรือข้ามฟากไปยังเกาะบาหลี
ไว้มาต่อบาหลีนะค่ะ วันนี้ราตรีสวัสดิ์จ้าาาา