คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 2
ผมก็เคยสงสัยผู้ชายหลายคน ที่เป็นแบบที่คุณว่า
อยากจะได้เมียเรียบร้อย เป็นผ้าพับ เพื่อออกสังคม แล้วไม่ให้ความสุขเมีย
กลับยอมเสียตัง เพื่อไปให้ความสุขผู้หญิงบริการ แล้วบางทีก็หลงหัวปักหัวปำ
ไม่ยุติธรรมกับคนเป็นเมียด้วยประการทั้งปวง
แต่สรุปคนพวกนี้เห็นแก่ตัว อยากได้หน้าก็อยากได้ อยากให้สังคมชื่นชมว่ามีเมียดี
แล้วก็อยากได้ความสุขมันส์ๆ จากผู้หญิงบริการ เสียเท่าไหร่เท่ากัน ขอให้มันส์ก็พอ
อยากจะได้เมียเรียบร้อย เป็นผ้าพับ เพื่อออกสังคม แล้วไม่ให้ความสุขเมีย
กลับยอมเสียตัง เพื่อไปให้ความสุขผู้หญิงบริการ แล้วบางทีก็หลงหัวปักหัวปำ
ไม่ยุติธรรมกับคนเป็นเมียด้วยประการทั้งปวง
แต่สรุปคนพวกนี้เห็นแก่ตัว อยากได้หน้าก็อยากได้ อยากให้สังคมชื่นชมว่ามีเมียดี
แล้วก็อยากได้ความสุขมันส์ๆ จากผู้หญิงบริการ เสียเท่าไหร่เท่ากัน ขอให้มันส์ก็พอ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 40
ผู้หญิงกลางคืนไม่ใช่งานสบายครับ งานหนักมาก
1. นั่งรอแขก วันไหนแขกน้อยก็รอไป พวกเธอบอกว่ามันน่าเบื่อมาก จะไปไหนก็ไม่ได้
2. ชั่วโมงทำงานน่าจะเกิน 8 ชั่วโมง และอย่าลืมว่าถ้าเป็นแบบข้อ 1 มันไม่สนุกเหมือนการประกอบอาชีพอื่น เช่น นักการตลาดผู้เฉลี่ยวฉลาด, นักพีอาร์สาวสวย, เซลส์เวิร์คกิ้งวูเมิ่นคนเก่ง ฯลฯ ทำงานสนุก จะ 8 ชั่วโมง 10 ชั่วโมงก็ไม่ใช่ประเด็น
3. เจอแขกสารพัดรูปร่างหน้าตา เลือกไม่ได้นะครับว่าจะเอาหล่อ ๆ แบบ กัปตัน อเมริกา หรือ พระเอกธอร์ เทพเจ้าสายฟ้า คิดว่าพวกเธอจะเจอไหมครับ? ตอบเลยว่าแทบจะไม่
4. พฤติกรรมทางเพศของแขกแต่ละคนไม่เหมือนกัน และพูดเลยว่า สยดสยอง ซาดิสต์ ก็มี
5. อาบน้ำจนตัวเปื่อย และป่วย
6. อาชีพที่เธอทำนั้นไม่มีอนาคต ยิ่งนานวัน มูลค่ายิ่งตก และแม้จะได้เงินดีในช่วงแรก แต่น้อยคนจะรวยจนสามารถเลิกประกอบอาชีพไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่สดใสได้ หลายคนทำจนอายุเยอะ (30 อัพ ๆ ถือว่าแก่แล้ว) หลายคนเลิกทำก็ไม่ได้มีชีวิตดีขึ้น บางคนสวยมากจริง ๆ ก็อาจได้ผู้ชายรวยๆ พาไปเป็นเมียเก็บ แต่ก็ไม่ได้มีความสุข --- เหล่านี้คือคำสารภาพของผู้ประกอบอาชีพนี้
7. มีอะไรกับผู้ชายที่ไม่ใช่สามีวันละไม่ต่ำกว่า 4 คน คิดว่ามีความสุขไหม? หลายคนสารภาพว่าเครียดมากนะครับ...พวกเธอบอกเสมอ วันนี้ไม่รู้จะเจอแขกแบบไหน พรุ่งนี้ไม่รู้จะโดนอะไรบ้าง ฯลฯ --- จขกท. เป็นผู้หญิงน่าจะเข้าใจความรู้สึกดีนะครับ
เหล่านี้คือเรื่องจริง และอย่าได้สงสัยว่าผมรู้ได้อย่างไร...
สรุปนะครับ
ข้อสงสัยทั้ง 4 ของ จขกท. ผมตอบในฐานะผู้ชายก็บอกได้ว่าทั้ง 4 ข้อนั้นคิดไปเอง และยังสัมผัสได้ว่าอิงจากความรู้สึกนึกคิดที่ไม่พอใจอะไรบางอย่างเป็นการส่วนตัว เพ่งเล็งออกไปที่ผู้ชายโดยดึงผู้หญิงกลางคืนมากระทบกระเทียบด้วย ซึ่งในความเป็นจริงผู้ชายไม่ได้เป็นอย่างนั้นเสมอไป และส่วนใหญ่ไม่ได้เป็นแบบนั้น
ผมไม่รู้ว่า คุณกำลังประสบเอง หรือไปเห็นคนที่คุณรัก (ญาติ เพื่อน) กำลังประสบ หรืออื่น ๆ ฯลฯ แต่ไม่ว่าจะกรณีไหน เราจะมองเห็นในสิ่งที่เราเฝ้าหา และอยากจะบอกว่า เมื่อใดที่เราเริ่มเกิดความรู้สึกนึกคิดอิจฉาในสิ่งที่ไม่ควรอิจฉา เมื่อนั้นอาจเป็นเราที่จิตใจเริ่มไม่ปกติ
หมั่นทบทวนใจตัวเองให้มาก เพ่งจิตออกนอกให้น้อยลงครับ
1. นั่งรอแขก วันไหนแขกน้อยก็รอไป พวกเธอบอกว่ามันน่าเบื่อมาก จะไปไหนก็ไม่ได้
2. ชั่วโมงทำงานน่าจะเกิน 8 ชั่วโมง และอย่าลืมว่าถ้าเป็นแบบข้อ 1 มันไม่สนุกเหมือนการประกอบอาชีพอื่น เช่น นักการตลาดผู้เฉลี่ยวฉลาด, นักพีอาร์สาวสวย, เซลส์เวิร์คกิ้งวูเมิ่นคนเก่ง ฯลฯ ทำงานสนุก จะ 8 ชั่วโมง 10 ชั่วโมงก็ไม่ใช่ประเด็น
3. เจอแขกสารพัดรูปร่างหน้าตา เลือกไม่ได้นะครับว่าจะเอาหล่อ ๆ แบบ กัปตัน อเมริกา หรือ พระเอกธอร์ เทพเจ้าสายฟ้า คิดว่าพวกเธอจะเจอไหมครับ? ตอบเลยว่าแทบจะไม่
4. พฤติกรรมทางเพศของแขกแต่ละคนไม่เหมือนกัน และพูดเลยว่า สยดสยอง ซาดิสต์ ก็มี
5. อาบน้ำจนตัวเปื่อย และป่วย
6. อาชีพที่เธอทำนั้นไม่มีอนาคต ยิ่งนานวัน มูลค่ายิ่งตก และแม้จะได้เงินดีในช่วงแรก แต่น้อยคนจะรวยจนสามารถเลิกประกอบอาชีพไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่สดใสได้ หลายคนทำจนอายุเยอะ (30 อัพ ๆ ถือว่าแก่แล้ว) หลายคนเลิกทำก็ไม่ได้มีชีวิตดีขึ้น บางคนสวยมากจริง ๆ ก็อาจได้ผู้ชายรวยๆ พาไปเป็นเมียเก็บ แต่ก็ไม่ได้มีความสุข --- เหล่านี้คือคำสารภาพของผู้ประกอบอาชีพนี้
7. มีอะไรกับผู้ชายที่ไม่ใช่สามีวันละไม่ต่ำกว่า 4 คน คิดว่ามีความสุขไหม? หลายคนสารภาพว่าเครียดมากนะครับ...พวกเธอบอกเสมอ วันนี้ไม่รู้จะเจอแขกแบบไหน พรุ่งนี้ไม่รู้จะโดนอะไรบ้าง ฯลฯ --- จขกท. เป็นผู้หญิงน่าจะเข้าใจความรู้สึกดีนะครับ
เหล่านี้คือเรื่องจริง และอย่าได้สงสัยว่าผมรู้ได้อย่างไร...
สรุปนะครับ
ข้อสงสัยทั้ง 4 ของ จขกท. ผมตอบในฐานะผู้ชายก็บอกได้ว่าทั้ง 4 ข้อนั้นคิดไปเอง และยังสัมผัสได้ว่าอิงจากความรู้สึกนึกคิดที่ไม่พอใจอะไรบางอย่างเป็นการส่วนตัว เพ่งเล็งออกไปที่ผู้ชายโดยดึงผู้หญิงกลางคืนมากระทบกระเทียบด้วย ซึ่งในความเป็นจริงผู้ชายไม่ได้เป็นอย่างนั้นเสมอไป และส่วนใหญ่ไม่ได้เป็นแบบนั้น
ผมไม่รู้ว่า คุณกำลังประสบเอง หรือไปเห็นคนที่คุณรัก (ญาติ เพื่อน) กำลังประสบ หรืออื่น ๆ ฯลฯ แต่ไม่ว่าจะกรณีไหน เราจะมองเห็นในสิ่งที่เราเฝ้าหา และอยากจะบอกว่า เมื่อใดที่เราเริ่มเกิดความรู้สึกนึกคิดอิจฉาในสิ่งที่ไม่ควรอิจฉา เมื่อนั้นอาจเป็นเราที่จิตใจเริ่มไม่ปกติ
หมั่นทบทวนใจตัวเองให้มาก เพ่งจิตออกนอกให้น้อยลงครับ
ความคิดเห็นที่ 6
คุณไม่มีทางดีพอ สำหรับคนที่ไม่รู้จักพอครับ
ปัญหาที่คุณถามมาทั้ง 4 ข้อ
ผมมองว่ามันคือเรื่องเดียวกันทั้งหมด
คนทุกคนต่างมีความคาดหวังว่าชีวิตเราจะมีความสุขและสมบูรณ์ขึ้น
หากเราได้มีคู่รักดีๆสักคน
ขั้นตอนในจิตใจเราจึงโยนทุกความคาดหวังที่เราขาด หรือเก็บซ่อนไว้มาตลอด
ใส่ลงไปในคำหนึ่งคำที่เรียกว่า "Spec"
เราเอาคำๆนี้ไปตีตราใส่ทุกคนที่เดินเข้ามาในชีวิตเรา
เพื่อที่จะหวังว่าเราจะได้เจอกับคนที่สามารถแบกความคาดหวังนี้ไว้ได้ทั้งหมด
แต่มันไม่มีไงครับ
เราจึงเอาคำๆนี้ ไปโยนให้กับใครสักคนหนึ่งแทน
ที่ดูหน่วยก้านดี พอที่จะแบกมันไหว และฉันพอหาได้ในตอนนี้ ช่วงนี้
แล้วก็พาเขาเดินไปด้วยกัน
แต่พอนานวันเข้า ความคาดหวังนี้ไม่ได้ลดลงเลย
เราพยายามที่จะ Shape คนๆนั้น ให้ใกล้เคียงกับความคาดหวังของเรามากที่สุด
ด้วยการไล่ให้ไปลดน้ำหนัก ไล่ให้ไปแต่งหน้า ไล่ให้ทำนั่นทำนี่
เพียงแค่หวังว่ามันจะ "ทดแทน" กันได้
แต่สุดท้ายพอมันไม่ได้
เราก็เลยไปหาอีกคนที่มาช่วยแบก
ต่อให้คุณจะเป็นคนที่มีข้อดี 99 อย่าง
แต่ถ้าเขาต้องการ 100
เขาก็จะหาอีกคนมาแบก 1 ข้อที่คุณทำไม่ได้อยู่ดี
และแม้แต่คุณทำได้ทั้งหมด 100
มันก็อาจจะมีบางทีที่เขาอยากได้เป็น 200 เป็น 1000
คุณก็ไม่ตอบโจทย์แล้ว
แล้วอะไรคือจุดจบที่ยั่งยืนครับ ?
ถ้าผมถามคนทุกคนที่มีแฟนอยู่ตอนนี้ว่า
"ถ้าตอนนี้คุณโสด และเลือกได้แบบไม่มีเงื่อนไข
เราจะเลือกใครมาเป็นแฟนเรา?"
คุณมองว่ามีกี่เปอร์เซนต์ที่จะตอบคนที่ยืนอยู่ข้างๆคนเดิม
และถ้าคุณเป็นคนที่ตอบได้รวดเร็วเลยว่าคนเดิม
ผมก็จะถามต่อว่า "แล้วอีกสิบปีข้างหน้ายังจะตอบแบบนี้อยู่หรือเปล่า?"
ผมว่าก็น้อยคนลงไปอีกที่จะตอบได้เร็วเท่าเดิม
คำตอบของคำถามทั้งหมด
มันก็แค่เราไปอยู่กับคนที่ไม่รู้จักพอ
มันก็เท่านั้นครับ
สุดท้ายชีวิตมันก็ต้อง Go On ครับ
ทนไหวก็ทน ทนไม่ไหวก็เลิก
คู่ชีวิตที่เขาอยู่กันมานานๆ ผมไม่เคยเห็นสักคู่ที่ไม่ต้องใช้ความอดทน
มันอยู่ที่ว่าข้อเสียที่เราต้องอดทนนั้น
เรายอมรับมันได้แค่ไหนก็เท่านั้นเอง
ขอให้โชคดีครับ
ปัญหาที่คุณถามมาทั้ง 4 ข้อ
ผมมองว่ามันคือเรื่องเดียวกันทั้งหมด
คนทุกคนต่างมีความคาดหวังว่าชีวิตเราจะมีความสุขและสมบูรณ์ขึ้น
หากเราได้มีคู่รักดีๆสักคน
ขั้นตอนในจิตใจเราจึงโยนทุกความคาดหวังที่เราขาด หรือเก็บซ่อนไว้มาตลอด
ใส่ลงไปในคำหนึ่งคำที่เรียกว่า "Spec"
เราเอาคำๆนี้ไปตีตราใส่ทุกคนที่เดินเข้ามาในชีวิตเรา
เพื่อที่จะหวังว่าเราจะได้เจอกับคนที่สามารถแบกความคาดหวังนี้ไว้ได้ทั้งหมด
แต่มันไม่มีไงครับ
เราจึงเอาคำๆนี้ ไปโยนให้กับใครสักคนหนึ่งแทน
ที่ดูหน่วยก้านดี พอที่จะแบกมันไหว และฉันพอหาได้ในตอนนี้ ช่วงนี้
แล้วก็พาเขาเดินไปด้วยกัน
แต่พอนานวันเข้า ความคาดหวังนี้ไม่ได้ลดลงเลย
เราพยายามที่จะ Shape คนๆนั้น ให้ใกล้เคียงกับความคาดหวังของเรามากที่สุด
ด้วยการไล่ให้ไปลดน้ำหนัก ไล่ให้ไปแต่งหน้า ไล่ให้ทำนั่นทำนี่
เพียงแค่หวังว่ามันจะ "ทดแทน" กันได้
แต่สุดท้ายพอมันไม่ได้
เราก็เลยไปหาอีกคนที่มาช่วยแบก
ต่อให้คุณจะเป็นคนที่มีข้อดี 99 อย่าง
แต่ถ้าเขาต้องการ 100
เขาก็จะหาอีกคนมาแบก 1 ข้อที่คุณทำไม่ได้อยู่ดี
และแม้แต่คุณทำได้ทั้งหมด 100
มันก็อาจจะมีบางทีที่เขาอยากได้เป็น 200 เป็น 1000
คุณก็ไม่ตอบโจทย์แล้ว
แล้วอะไรคือจุดจบที่ยั่งยืนครับ ?
ถ้าผมถามคนทุกคนที่มีแฟนอยู่ตอนนี้ว่า
"ถ้าตอนนี้คุณโสด และเลือกได้แบบไม่มีเงื่อนไข
เราจะเลือกใครมาเป็นแฟนเรา?"
คุณมองว่ามีกี่เปอร์เซนต์ที่จะตอบคนที่ยืนอยู่ข้างๆคนเดิม
และถ้าคุณเป็นคนที่ตอบได้รวดเร็วเลยว่าคนเดิม
ผมก็จะถามต่อว่า "แล้วอีกสิบปีข้างหน้ายังจะตอบแบบนี้อยู่หรือเปล่า?"
ผมว่าก็น้อยคนลงไปอีกที่จะตอบได้เร็วเท่าเดิม
คำตอบของคำถามทั้งหมด
มันก็แค่เราไปอยู่กับคนที่ไม่รู้จักพอ
มันก็เท่านั้นครับ
สุดท้ายชีวิตมันก็ต้อง Go On ครับ
ทนไหวก็ทน ทนไม่ไหวก็เลิก
คู่ชีวิตที่เขาอยู่กันมานานๆ ผมไม่เคยเห็นสักคู่ที่ไม่ต้องใช้ความอดทน
มันอยู่ที่ว่าข้อเสียที่เราต้องอดทนนั้น
เรายอมรับมันได้แค่ไหนก็เท่านั้นเอง
ขอให้โชคดีครับ
ความคิดเห็นที่ 4
ขึ้นอยู่กับว่าคุณเลือกผู้ชายแบบไหน(คนที่คุณหามาได้)
ผมไม่ได้เป็นผู้ชายเหมือนที่คุณ จขกท กล่าวมาเลย
ผมเป็นคนที่ เหล้าไม่กิน บุหรี่ไม่สูบ การพนันไม่เล่น ไม่ติดเพื่อน ไม่เที่ยวกลางคืน สนใจแต่ทำมาหากินสร้างครอบครัว ผมทำตัวดีจนภรรยาไม่กล้าเอาตัวเองมาเปรียบกับผม เพราะข้อที่ภรรยาของผมที่ทำไม่ดีมีเยอะอยู่ ภรรยาจึงไม่กล้าออกฤทธิ์กับผมเลย
และเมื่อผมทำดีขนาดนี้ ผมมีสิทธิ์ไหมครับที่จะเลือกผู้หญิงที่ดีๆ เป็นผู้หญิงในฝันของผม
ฉะนั้น ถ้าเราอยากจะเป็นผู้หญิงกลางคืน ก็เป็นเถอะ เพราะผู้ชายที่ชอบยังมีอยู่(แต่ไม่ใช่ตัวผม)
ถ้าเราอยากจะหาผู้ชายเลี้ยงก็เชิญทำเถอะ เพราะผู้ชายที่ชอบเลี้ยงผู้หญิงยังมีอยู่(แต่ไม่ใช่ผม)
.....ผมเป็นผู้ชายที่ยึดหลักการทำดี ผู้หญิงที่ทำไม่ดีผมก็รังเกียจ(ให้เป็นแม่ของลูก)ถ้าเราเป็นผู้หญิงประเภทนั้นเราก็จะต้องหาผู้ชายที่ชอบแบบเดียวกัน ไม่งั้นจะเป็นปัญหาชีวิตเหมือนกับในละคร "แม่อายสะอื้น"
ผมไม่ได้เป็นผู้ชายเหมือนที่คุณ จขกท กล่าวมาเลย
ผมเป็นคนที่ เหล้าไม่กิน บุหรี่ไม่สูบ การพนันไม่เล่น ไม่ติดเพื่อน ไม่เที่ยวกลางคืน สนใจแต่ทำมาหากินสร้างครอบครัว ผมทำตัวดีจนภรรยาไม่กล้าเอาตัวเองมาเปรียบกับผม เพราะข้อที่ภรรยาของผมที่ทำไม่ดีมีเยอะอยู่ ภรรยาจึงไม่กล้าออกฤทธิ์กับผมเลย
และเมื่อผมทำดีขนาดนี้ ผมมีสิทธิ์ไหมครับที่จะเลือกผู้หญิงที่ดีๆ เป็นผู้หญิงในฝันของผม
ฉะนั้น ถ้าเราอยากจะเป็นผู้หญิงกลางคืน ก็เป็นเถอะ เพราะผู้ชายที่ชอบยังมีอยู่(แต่ไม่ใช่ตัวผม)
ถ้าเราอยากจะหาผู้ชายเลี้ยงก็เชิญทำเถอะ เพราะผู้ชายที่ชอบเลี้ยงผู้หญิงยังมีอยู่(แต่ไม่ใช่ผม)
.....ผมเป็นผู้ชายที่ยึดหลักการทำดี ผู้หญิงที่ทำไม่ดีผมก็รังเกียจ(ให้เป็นแม่ของลูก)ถ้าเราเป็นผู้หญิงประเภทนั้นเราก็จะต้องหาผู้ชายที่ชอบแบบเดียวกัน ไม่งั้นจะเป็นปัญหาชีวิตเหมือนกับในละคร "แม่อายสะอื้น"
แสดงความคิดเห็น
บางทีก็นึกอิจฉาผู้หญิงกลางคืนว่ามั้ยคะ แล้วก็ไม่เข้าใจความคิดของผู้ชายด้วย
ผู้หญิงธรรมดา
1.ต้องทำงานหนักวันละ8ชั่วโมง เงินเดือนตามแต่ความสามารถและตำแหน่ง
2.มีแฟนแล้วก็คอยประคับประคองความสัมพันธ์ตลอดเวลา ยิ่งสมัยนี้เลิกกันง่ายยิ่งกว่าเปลี่ยนผ้าอนามัยอีก
3.แต่งงานแล้วก็ต้องดูแลสามี ต้องช่วยสามีทำงานหาเงิน ไม่ทำงานเดี๋ยวจะหาว่าเห็นแก่ตัว เกาะสามีกิน แก่ไม่ได้ โทรมไม่ได้ ต้องสวยตลอดเวลา เดี๋ยวสามีอายคนอื่น ต้องทำงาน ไม่ทำก็บอกว่าขี้เกียจ ไม่มีความเป็นแม่บ้านแม่เรือน
เราสังเกตุว่าผู้หญิงธรรมดาเสี่ยงจะถูกทิ้งง่ายมากกกก(ก.ไก่ ล้านตัว) ถ้าไม่อยู่ในคุณธรรมความดีทั้งหลายที่ใครก็ไม่รู้ตีกรอบให้อยู่มาตั้งแต่สมัยพระเจ้าเหา
ส่วนผู้หญิงกลางคืน
1.คอยแต่งหน้าสวยๆ แต่งตัวสวยๆ คอยดูแลเอาอกเอาใจคุณผู้ชายไปตามหน้าที่ เธอก็ได้เงินมาก แถมงานสบายไม่ปวดหัว รู้จักเล่มเกมใช้เสน่ห์นิดหน่อย ผู้ชายก็หลงแล้ว บางคนหลงจนหัวปักหัวปำถึงกับยอมเลิกกับเมียที่บ้าน ก็มีถมไป
2.ส่วนบางคนเป็นสาวปิ่นโต ก็มีคอนโดอยู่ฟรี มีรถขับฟรี มีค่าใช้จ่าย+ค่าชอปปิ้ง เดือนละหลายหมื่นถึงหลายแสน ไม่ต้องทำงานเหนื่อย รอคุณผู้ชายคนจ่ายเงินมาหาก็พอ
เรารู้สึกว่าผู้หญิงกลางคืนไม่ต้องทำอะไรมากมายให้ปวดหัวเหมือนผู้หญิงกลางวัน แต่กลับได้ทุกอย่างทั้งคอนโด/บ้าน รถ เงินทองที่ใช้จ่ายได้อย่างสบายๆ แถมยังได้ความรักอีก โดยที่เธอลงทุนแค่ความสวยกับใช้เสน่ห์ เล่นเกมเป็นเท่านั้นเอง
เราเลยไม่เข้าใจความคิดของพวกผู้ชายว่า
1.ทำไม คุณเลือกผู้หญิงธรรมดาเป็นแม่ของลูก เป็นภรรยา แต่คุณกลับผลักภาระให้เธอต้องเหนื่อยทุกอย่าง แต่แล้วเธอกลับไม่ได้อะไรตอบแทน บางครั้งยังได้ความเสียตอบแทนกลับมา
2.แต่ผู้หญิงกลางคืนที่คุณบอกว่า ไม่มีเกียรติ ไม่มีศักดิ์ศรี ไม่น่าเอามาเป็นภรรยา ทำไมคุณถึงประเคนทุกอย่างให้เค้า ทั้งบ้าน/คอนโด รถ เงินสด ความรัก ทั้งๆที่ผู้หญิงเหล่านี้ ไม่เคยทำอะไรให้คุณ ไม่ใช่สิ คอยทำสวยเอาใจคุณเพียงอย่างเดียวเท่านั้นเอง
3.ในเมื่อคุณชอบผู้หญิงกลางคืนเพราะเค้าเอาใจคุณเก่ง เรื่องบนเตียงเคมีตรงกันขนาดนั้น ทำไมไม่แต่งงานกับเค้าเสียเลยล่ะคะ งานบ้านงานเรือนทำไม่เป็น ไม่เป็นไรนี่คะฝึกหัดกันได้ เธอไม่ได้ทำงานก็ไม่เป็นไรคุณมีเงินใ้ห้เธอใช้จ่ายอย่างสบายอยู่แล้ว แต่กลับมาเลือกแต่งงานกับผู้หญิงธรรมดาเพราะกลัวเสียหน้า
4.เวลาคุณอยากมีความสุขอยากสนุกคุณไปหาผู้หญิงกลางคืน แต่ทำไมเวลามีปัญหามีเรื่องเดือดร้อนกลับไปหาภรรยา(ผู้หญิงธรรมดา) นี่สรุปว่าจะให้ภรรยารับแต่ทุกข์ แต่ความสุขเอาให้คนอื่นใ่ช่มั้ยคะ
นี่แหละค่ะความสงสัยที่เราอัดอั้นมานาน แต่ไม่กล้าจะถามใคร เดี๋ยวเค้าจะหาว่าดราม่า แต่อยากรู้จริงๆนะคะว่าทำไมโลกแห่งความจริงถึงได้ย้อนแย้งกับความดีที่คนอื่นตีกรอบให้