"The Obedient Wife Club" หรือ "สมาคมภรรยาผู้เชื่อฟัง ของมาเลเซีย

กระทู้สนทนา
(3 มิ.ย. 54) นางมาซนาห์ ตัวฟิก ประธานกลุ่ม "The Obedient Wife Club" หรือ "สมาคมภรรยาผู้เชื่อฟัง" ซึ่งก่อตั้งเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา กล่าวว่า กลุ่มมีจุดประสงค์ในการชักจูงให้สตรีรู้จักวิธีการเอาอกเอาใจสามี เพื่อป้องกันไม่ให้พวกเธอถูกสามีทำร้ายและทอดทิ้งพวกเธอ เพราะหากว่าพวกเธอเป็นภรรยาที่อ่อนน้อมและเชื่อฟังสามี นั่นเท่ากับเป็นการลดปัญหาสังคม อาทิ การหย่าร้าง การนอกใจ และปัญหาความรุนแรงในครอบครัวด้วยไปในตัว

      ด้านนางมาซนาห์กล่าวว่า สามีเองก็ควรมีส่วนรับผิดชอบในการสอนให้ภรรยาของตนรู้จักเป็นคนอ่อนน้อมและเชื่อฟัง เนื่องจากผู้หญิงบางคนแต่งงานโดยไม่คำนึงถึงความรับผิดชอบที่ต้องตามมา และย้ำว่าการเอาอกเอาใจสามีเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง หากว่าผู้เป็นภรรยาทำหน้าที่ด้วยความบกพร่อง สามีก็อาจจะไปมีผู้หญิงคนใหม่ได้ และนั่นจะทำให้สถาบันครอบครัวร้าวฉาน
"สมาคมภรรยาผู้เชื่อฟัง" เปิดตัวเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ โดยจัดให้มีกิจกรรมต่างๆ ซึ่งรวมถึงการจัดอภิปรายและการสาธิตวิธีการเอาอกเอาใจสามี ขณะที่สมาคมลักษณะเช่นเดียวกันนี้เปิดตัวที่ประเทศจอร์แดนแล้วเมื่อเดือนก่อน

      ทั้งนี้ นางมาซนาห์ผู้มาทีหลัง อาจต้องต่อสู้ด้านแนวคิดกับสมาคมที่เป็นขั้วตรงข้ามของเธออย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และในปี 2009 ได้มีการก่อตั้ง "Ikhwan Polygamy Club" หรือ"สมาคมพหุสามีภรรยาอิควาน" เพื่อส่งเสริมการมีคู่ครองหลายคน เนื่องจากตามหลักศาสนาอิสลาม ผู้ชายสามารถมีภรรยาได้ถึง 4 คน

      อย่างไรก็ตาม นางมาซนาห์อยู่ในสถานะแต่งงานแล้วและอยู่ในฐานะภรรยาคนที่สอง




      การเป็นภรรยาที่อ่อนน้อมก็คือภรรยาที่คอยเอาอกเอาใจสามี ไม่เพียงแค่ตระเตรียมเสื้อผ้าหรือทำอาหารให้ทานเท่านั้น แต่ต้องเคารพและเชื่อฟังสามี ซึ่งเป็นหนึ่งในวิถีของชาวมุสลิม ซึ่งอิสลามได้เน้นหนักในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก

      มีสตรีนางหนึ่งเข้าพบนบีมูฮัมหมัด และกล่าวว่า “บรรดาผู้ชายสามารถออกญิฮาด(สงคราม)ได้ หากพวกเขาประสบชัยชนะ พวกเขาจะได้รับการตอบแทน(ทรัพย์เชลย)อันมากมาย หากเขาพ่ายแพ้หรือเสียชีวิต (ในสมรภูมิ) พวกเขาจะได้เข้าสวรรค์ด้วยผลบุญอันล้นพ้น ในขณะที่พวกเราไม่ได้รับผลบุญอันใดเลย”

     นบีมูฮัมหมัด จึงตอบว่า “จงบอกแก่สตรีทั้งหลายว่า การเชื่อฟังและปฏิบัติตามสามี และการยอมรับสิทธิที่สามีพึงได้จากภรรยา สามารถทดแทนผลบุญของการญิฮาดได้ แต่น้อยคนนักในหมู่ของพวกนางจะสามารถปฏิบัติได้” (รายงานโดยบัซซาร และเฏาะบารอนี)  จากสำนักข่าวไทยมุสลิม
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่