เท็ดกับแม่มดสีดำ

เท็ดเป็นตุ๊กตาหมีสีน้ำตาลอ่อน ใส่หมวกฟางและชุดเอี๊ยมสีเหลือง ในมือถือวิทยุทรานซิสเตอร์ ใครๆเห็นก็อดอมยิ้มกับท่าทางทะมัดทะแมงและรอยยิ้มนั้นไม่ได้ นอกจากขนฟูนุ่มน่ากอดแล้วเท็ดยังมีกลไกในการออกเสียงโต้ตอบกับเจ้าของด้วย บริษัทที่ผลิตเท็ดต้องการให้เด็กๆอ่านหนังสือด้วยประสบการณ์แปลกใหม่ เท็ดจึงไม่ได้ถูกวางขายเพียงลำพัง แต่มีหนังสือชื่อ “การผจญภัยของเท็ด” วางจำหน่ายอยู่เคียงข้างเขาด้วย ทุกครั้งที่เท็ดได้ยินเสียงอ่านหนังสือเล่มนี้ เขาจะส่งเสียงประกอบตามเนื้อเรื่องในช่วงนั้นๆ เช่น “สวัสดี ผมชื่อเท็ด” “อ่านได้เก่งมาก ไม่ผิดตรงไหนเลย” “เธอน่ะ ยังอยู่ตรงนั้นใช่หรือเปล่า” “ตกใจหมดเลย” “อย่าจ้องเขม็งแบบนี้สิ ผมเขินนะ” และประโยคอื่นๆอีกมาก หรือถ้าต้องการให้เท็ดอ่านหนังสือให้ฟัง ก็สามารถทำได้ ยิ่งไปกว่านั้น วิทยุในมือของเท็ดยังบันทึกเสียงเอฟเฟกต์และเพลงต่างๆเอาไว้มากมาย นับเป็นนวัตกรรมของวงการหนังสือเด็กเลยทีเดียว

“คุณแม่ครับๆ ผมขอซื้อเล่มนี้นะครับ” เสียงเจื้อยแจ้วของเด็กชายเอ่ยปากหลังจากเขานั่งจ้องหน้าเท็ดอยู่นานหลายนาที เนื่องจากวันนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดของเด็กชาย เขาจึงได้รับโอกาสในการเลือกของขวัญด้วยตนเองได้ 1 ชิ้น เท็ดจำบรรยากาศในการพบกันครั้งนั้นได้ดีเหมือนมันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน วันนั้นห้างสรรพสินค้ามีลูกค้าเยอะกว่าทุกวัน เพลงที่ถูกเปิดในห้างฯมีทำนองที่ร่าเริงสดใสและสงบผ่อนคลายในเวลาเดียวกัน ขากลับคุณแม่เป็นคนขับรถ ในขณะเท็ดที่อยู่ในอ้อมกอดของเด็กชายตลอดทางจนถึงบ้าน เด็กชายกอดเท็ดไว้เบาๆราวกับว่าเขาไม่ใช่ตุ๊กตาหากแต่เป็นหมีน้อยตัวหนึ่ง ตลอดทางกลับบ้าน เท็ดสังเกตว่าต้นไม้สองข้างทางถูกประดับประดาด้วยไฟกระพริบและสายรุ้งหลายสีอย่างสวยงาม ใช่แล้ว นอกจากวันนี้จะเป็นวันครบรอบวันเกิดของเด็กชายแล้ว วันนี้ยังเป็นวันคริสต์มาสอีฟด้วย คืนนั้นเท็ดและเพื่อนหนังสือนิทานของเขานอนหลับใต้ต้นคริสต์มาสในห้องรับแขก ข้างกายของทั้งคู่มีกล่องของขวัญมากมาย เท็ดมองแสงไฟประดับต้นคริสต์มาสที่สว่างวาบเหมือนแสงของหิ่งห้อย แสงที่สะท้อนจากลูกบอลสีทอง สีเงิน สีเขียว และสีแดง จนผล็อยหลับไป

ทันทีที่เท็ดรู้สึกตัวตื่น รอบข้างทั้งมืดมิดและเงียบงัน เสียงลมหนาวพัดหวีดหวิวมาทางซอกของหน้าต่าง เท็ดยังคงนอนอยู่ในห้องรับแขก ใต้ต้นคริสต์มาสต้นเดิม แต่เขารู้สึกได้ว่ามีบางอย่างแปลกไป เพื่อนหนังสือนิทานของเขาหายไปแล้ว เหลือเพียงวิทยุทรานซิสเตอร์ที่ยังอยู่ในมือ “นั่นไม่ใช่ความฝัน มันเกิดขึ้นจริงๆ” เท็ดคิดพลางรวบรวมความทรงจำที่ยังคงเหลือจากฝันเมื่อครู่ ในความฝันนั้น เป็นคืนวันคริสต์มาสอีฟ เมื่อใกล้จะถึงเวลาเที่ยงคืน แม่มดสีดำได้ปรากฏตัวขึ้นบนท้องฟ้าสีดำสนิท ไม่มีแสงจากดวงจันทร์หรือดวงดาว ราวกับทุกอย่างจะหยุดนิ่ง นางได้ร่ายมนต์สาปให้นิทานหายไปจากโลกใบนี้

เดิมทีแม่มดสีดำตนนี้เคยมีชื่อเสียงและได้รับคำกล่าวขวัญอย่างมากจากหนังสือนิทานชุดหนึ่ง ที่มาของความโหดร้ายของนางไม่เคยได้รับการเปิดเผย กล่าวกันว่าเมื่อใดท้องฟ้าที่เคยแจ่มใส ถูกปกคลุมด้วยเมฆสีดำทะมึน เมฆที่คล้ายเมฆฝนนั้นจะก่อตัวอย่างรวดเร็วผิดปกติ ซึ่งก่อให้เกิดฟ้าแล่บแต่ไม่มีเสียงฟ้าร้อง เป็นความกดดันที่เงียบงัน ฉับพลันแม่มดสีดำก็จะปรากฏตัวด้วยความเกรี้ยวกราด พร้อมกับคำสาปที่สามารถทำให้ทุกสิ่งที่นางสาปนั้นหายไป คำสาปของนางนั้นมีลักษณะเป็นประกายแสงเช่นเดียวกับฟ้าแล่บ แต่สีของมันเป็นสีแดงเข้ม ประกายแสงนั้นสว่างจ้าจนทุกคนต้องหลับตา เมื่อลืมตาขึ้นมาก็จะพบว่า ของที่ถูกนางสาปได้หายไปเสียแล้ว

ในทุกๆตอนของนิทานชุด แม่มดสีดำจะต้องรับบทบาทเป็นตัวร้าย คอยกลั่นแกล้ง ขัดขวางตัวเอกด้วยวิธีการต่างๆนานา จนกระทั่งวันหนึ่ง ด้วยความเบื่อที่จะต้องถูกกำจัดอย่างซ้ำๆในตอนจบ และความกลัวว่าตนเองอาจจะหายไปตลอดกาลในสักวัน ดังที่นางเคยทำกับผู้อื่นมาแล้ว นางจึงชิงลงมือสาปให้นิทานและทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับนิทาน ไม่ว่าจะเป็นหนังสือ สมุดภาพ ภาพยนตร์ ผู้แต่ง สำนักพิมพ์ ให้หายไปในคราวเดียว ช่างเป็นการแก้แค้นที่น่าเศร้าและโดดเดี่ยว ราวกับทุกๆอย่างถูกดูดเข้าไปในหลุมดำเลยทีเดียว เท็ดยังจำคำพูดสุดท้ายที่นางกล่าวไว้ก่อนเกิดประกายแสงสีแดงเข้มได้ “สิ่งที่ไม่เคยได้รับความสนใจ จะกลับมาเป็นที่สนใจอีกครั้งก็ต่อเมื่อมันเลิกทำหน้าที่ของมันแล้วนั่นล่ะ” เขารีบจดบันทึกลงบนกระดาษก่อนที่จะลืมเลือนมันไปแล้วรีบวิ่งไปยังห้องหนังสือของบ้านหลังนี้ แล้วเขาก็พบว่าหนังสือนิทานทั้งหมดได้หายไปแล้ว หนังสือที่ยังเหลืออยู่บางเล่มมีเนื้อหาซับซ้อน บางเล่มเต็มไปด้วยความรุนแรง การใช้ภาษาที่หยาบคาย จนเท็ดขมวดคิ้ว ชั้นสำหรับเก็บดีวีดี และบลูเรย์ก็เช่นกัน ทันใดนั้นที่นอกหน้าต่าง สายตาของเท็ดก็เหลือบไปเห็นแม่มดสีดำบนท้องฟ้า นางลอยอยู่นิ่งๆกลางท้องฟ้าของคืนคริสต์มาสอีฟอันเงียบงันและมืดมิด ดวงตาของนางสีดำสนิทราวกับขนของอีกาเหม่อลอยไปยังที่ๆไกลแสนไกล เท็ดเห็นดังนั้นจึงรวมรวมความกล้า เขาผูกตัวเองกับลูกโป่งสวรรค์และลอยเข้าไปใกล้ๆแม่มดสีดำ พลางแนะนำตัวว่า “สวัสดี ผมชื่อเท็ด”    แม่มดสีดำหันมามองเขาด้วยความสงสัย เพราะว่าเท็ดเองก็เป็นส่วนหนึ่งของนิทาน แต่ทำไมเขาถึงไม่หายไป กลับมาส่งเสียงทักทายอยู่แบบนี้ แล้วก็คิดได้ว่า เพราะดวงตาที่เป็นประกายของเท็ดนั่นเอง ตุ๊กตาหมีทุกตัวไม่เคยหลับตา แต่จะจ้องมองสิ่งตรงหน้าอย่างเชื่อมั่น กล่าวกันว่าสาเหตุที่ตุ๊กตาหมีไม่เคยหลับตาก็เพื่อคอยระวังอันตรายตรงหน้าให้เจ้านายตัวน้อยของพวกเขานั่นเอง “แบบนี้เองสินะ คำสาปถึงไม่มีผล” แม่มดสีดำพูดเบาๆ “แต่ถึงเจ้าจะไม่หายไป ทุกอย่างก็กำลังจะจบลงแล้วล่ะ คำสาปในครั้งนี้ต้องใช้พลังเวทย์อย่างมาก นั่นทำให้ในที่สุดตัวของฉันก็ต้องหายไปเช่นกัน” เป็นน้ำเสียงที่ราบเรียบราวกับได้ปล่อยวางจากทุกสิ่งแล้ว เรื่องร้ายต่างๆที่แม่มดสีดำเคยทำนั้น บางครั้งก็หาสาเหตุไม่ได้ ทำให้หลายต่อหลายคนเดือดร้อนเสมอมา แต่ก็เพราะมีแม่มดสีดำอยู่เนื้อเรื่องจึงสนุกสนานน่าติดตาม “นิทานคงน่าเบื่อน่าดูถ้าไม่มีคุณ ชีวิตคงเป็นได้แค่ภาพขาวดำเพราะขาดอุปสรรคเป็นตัวแต่งแต้มสีสันนะครับ” เท็ดกล่าวประโยคที่ไม่เคยได้รับการบันทึกไว้ออกมา และพูดต่อว่า “สิ่งที่ไม่เคยได้รับความสนใจ จะกลับมาเป็นที่สนใจอีกครั้งก็ต่อเมื่อมันเลิกทำหน้าที่ของมันแล้ว ใช่มั้ยครับ” แม่มดสีดำฟังแล้วก็มีน้ำตาไหลออกมา ดวงตาสีดำนั้นก็ยังเป็นสีดำเช่นเดิมแต่กลับมีประกายสดใส ราวกับแสงแดดในยามเช้า ก่อนที่ร่างของนางจะค่อยๆจางหายไป เท็ดมั่นใจว่าเขาตาไม่ฝาด เขาเห็นนางยิ้มทั้งน้ำตา

เสียงระฆังตีบอกเวลาเที่ยงคืนแว่วมาพร้อมกับเสียงสายลมหวีดหวิว เท็ดพบว่าเขากลับมานอนอยู่ใต้ต้นคริสต์มาสอีกครั้ง แต่ครั้งนี้หนังสือนิทานก็อิงแอบอยู่กับเขาด้วย “ดูนายเหนื่อยๆนะ แอบไปเที่ยวไหนมา” เท็ดพูดแหย่หลังจากโล่งใจที่เรื่องราวต่างๆจบลงด้วยดี
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่