จากนวนิยายรางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ดสู่ละครดัง



ซีพี ออลล์ จัดงานเสวนาพิเศษเซเว่นบุ๊คอวอร์ด หัวข้อ “จากนวนิยายรางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ดสู่ละครดัง” โดยมี “กนกวลี พจนปกรณ์” นายกสมาคมนักเขียนฯ “รอมแพง” และ “ปราปต์” นักเขียนรางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ผู้สร้างปรากฏการณ์การเขียนแห่งยุคสมัย ร่วมเผยเคล็ดลับเทคนิคการเขียนนวนิยายให้กลายเป็นละครดัง เพื่อเป็นต้นแบบให้นักเขียนรุ่นใหม่ๆ  โดยงานนี้จัดขึ้นเมื่อวันอังคารที่ 24 เมษายน 2561 ณ ห้องคราวน์4-5 ชั้น 21 โรงแรมคราวน์ พลาซ่า (ถนนพระราม 4 – ตรงข้ามรพ.จุฬา)



นายสุวิทย์ กิ่งแก้ว รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บมจ.ซีพี ออลล์ ผู้ก่อตั้งร้านเซเว่น อีเลฟเว่น ในประเทศไทย กล่าวว่าตลอดระยะเวลา 15 ปี ที่ซีพี ออลล์ ได้ดำเนินโครงการประกวดหนังสือดีเด่นรางวัล เซเว่นบุ๊คอวอร์ด โดยมีวัตถุประสงค์สำคัญเพื่อช่วยส่งเสริมนักเขียนคุณภาพ และสนับสนุนผลงานที่มีเนื้อหาจรรโลงสังคม โดยได้รับเกียรติจากท่านคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านวรรณกรรมจำนวนมากมาร่วมตัดสิน เพื่อคัดสรรหนังสือดีมีคุณภาพทั้ง 7 ประเภทสู่สังคม ประกอบด้วย กวีนิพนธ์, นวนิยาย, นิยายภาพ (การ์ตูน), รวมเรื่องสั้น, วรรณกรรมสำหรับเยาวชน, สารคดี (ทั่วไป) และประเภทนักเขียนรุ่นเยาว์

“ปัจจุบันโครงการเซเว่นบุ๊คอวอร์ดเป็นส่วนหนึ่งของสังคมในการยกย่องเชิดชูนักเขียนนวนิยายที่ประสบความสำเร็จ ผลิตผลงานที่สร้างชื่อเสียงและได้รับความนิยมทั้งในโลกออฟไลน์ และออนไลน์ ซึ่งเป็นไปตามนโยบายด้านซีเอสอาร์ของซีพี ออลล์ ที่มุ่งส่งเสริมการศึกษา พัฒนาการอ่าน การเรียนรู้และหวังว่าโครงการเซเว่นบุ๊คอวอร์ดจะได้รับการส่งเสริม สนับสนุนเพื่อร่วมกันสร้างสังคมอุดมปัญญา พัฒนาเยาวชนอย่างต่อเนื่องและนำไปสู่การพัฒนาประเทศชาติต่อไป ขอขอบคุณวิทยากรที่ให้เกียรติและสละเวลาอันมีค่ามาร่วมเสวนามอบความรู้และแบ่งปันประสบการณ์ดีๆ ให้แก่นักเขียนรุ่นใหม่และผู้สนใจ เพื่อเป็นแรงบันดาลใจในการเป็นนักเขียนที่มีคุณภาพสูงในอนาคต”
    


สำหรับการเสวนาพิเศษหัวข้อ “จากนวนิยายรางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ดสู่ละครดัง” โดยมี นางกนกวลี พจนปกรณ์ นายกสมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย, น.ส. จันทร์ยวีร์ สมปรีดา (รอมแพง)และ นายชัยรัตน์ พิพิธพัฒนาปราปต์ (ปราปต์) เป็นวิทยากรร่วมเผยเคล็ดลับเทคนิคในการเขียนนวนิยายที่สามารถนำไปสร้างให้เป็นละครดัง เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้นักเขียนยุคใหม่หันมาให้ความสนใจเขียนนวนิยายกันมากขึ้น  โดยมีรายละเอียดที่น่าสนใจดังนี้

(รายละเอียดจากเวทีเสวนาในครั้งนี้  ผมจดเป็นบันทึกช่วยจำย่อ (จดเลคเชอร์) แล้วจึงนำมาเรียบเรียงใหม่  โดยมีการคัดสรรตัดย่อเพื่อเขียนสรุปเป็นประเด็น  ดังนั้นถ้ามีรายละเอียดประการใดที่ผิดพลาด  หรือคาดเคลื่อนผิดไปจากที่ท่านวิทยากรพูด  ผมก็ต้องกราบขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ)



พิธีกรถามว่าปัจจุบันนี้ลักษณะของการอ่านการเขียนเป็นอย่างไรบ้าง?

อาจารย์กนกวลี  - ปัจจุบันนี้คนอ่านอยากอ่านเรื่องที่มันสนุก  ถ้าเรื่องไหนไม่สนุกก็ไม่อยากอ่าน  นิยายไทยแนวสนุกๆ แบบนี้มีมานานแล้วตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5  ในสมัยนั้นมีเรื่องสั้นสนุกนิ์นึกเกิดขึ้น

-ในสังคมบ้านเราเรื่องราวของนวนิยายต่างๆ ก็วนอยู่อย่างเดิม  คือมีพล็อตเดิมๆ เนื่องจากมีพล็อตต่างๆ อยู่ไม่มากนัก  แต่ตัวที่ทำให้นวนิยายเรื่องนั้นอ่านสนุกคือบริบทที่อยู่ในเรื่อง  ซึ่งอาจจะเป็นเรื่องที่มีพล็อตลักษณะเดียวกันแต่รายละเอียดในเรื่องแตกต่างกันออกไป  รวมทั้งสิ่งใหม่ๆ ที่ปรากฎอยู่ในเรื่องทำให้เรื่องนั้นสนุกขึ้น

-ในช่วงหลังนักเขียนในบ้านเราเริ่มมีเทคนิคใหม่ๆ เข้ามาใช้ในการเล่าเรื่องมากขึ้น  ซึ่งที่ผ่านมาเราจะเห็นว่านวนิยายส่วนใหญ่จะเน้นกันที่พล็อตเรื่อง  เรียกว่าเป็นเรื่องที่มีพล็อตเด่น  แต่ปัจจุบันนวนิยายแข่งขันกันด้วยเทคนิคการนำเสนอที่แปลกใหม่ออกไป

-การเขียนวนิยายนั้นคือการเล่าเรื่องผ่านปากกาของผู้เขียน  (แต่ในสมัยก่อนจะเล่ากันผ่านปากเรียกว่ามุขปาฐะ)  เป็นการเล่าเรื่องราวของมนุษย์หรือเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นโดยเกี่ยวข้องกับการกระทำของมนุษย์

-งานเขียนในสมัยใหม่อย่างเช่นงานของปราปต์ (กาหลมหรทึก) มีการเล่าเรื่องแบบใหม่ที่แตกต่างไปจากในสมัยก่อน  ทำให้นักเขียนรุ่นใหม่ๆ ต้องแสวงหาวิธีการเล่าเรื่องแบบใหม่ๆ อยู่เสมอ

-ในบ้านเราพอมีเรื่องดิจิทัลเข้ามาก็ทำให้รูปแบบการอ่านเปลี่ยนแปลงไป ตั้งแต่ปลายปี 2559 นิตยสารต่างๆ ที่นำเสนองานวรรณกรรมเริ่มปิดตัวกัน  พอถึงปี 2560 ก็เริ่มปิดตัวกันมาก

-แต่พอไปดูในงานสัปดาห์หนังสือฯ จะเห็นว่ามีคนเดินเลือกหาซื้อหนังสือกันอยู่เยอะมาก จึงเดิคำถามขึ้นมามันคืออะไรกันแน่?  เราจึงได้คำตอบว่าถึงแม้โลกจะเปลี่ยนแปลงไปก็ตาม  แต่คนก็ยังอ่านหนังสืออยู่  ซึ่งคนอ่านจะเลือกอ่านเฉพาะหนังสือที่ตัวเองชอบเท่านั้น

-ดังนั้นสิ่งที่จะดำรงอยู่ได้โดยไม่ล่มหายตายจากไปก็คือคอนเทนต์นั้นเอง   หนังสือที่มีเนื้อหาที่ดีคนอ่านจะอยากอ่านกันมาก  ซึ่งหนังสือที่มีเนื้อหาดีเหล่านี้มันจะมีพลังส่งต่อไปสู่คนอ่านอย่างมากมาย  หนังสือบางเล่มอ่านแล้วมันกระตุกจิตวิญญาณของคนอ่าน  หนังสือบางเล่มอ่านแล้วช่วยเยียวยาบาดแผลที่ฝังลึกอยู่ในจิตใจได้  หนังสือบางเล่มอ่านแล้วใช้เป็นไอดอล(เป็นตัวอย่างที่ดี)ได้  หนังสือบางเล่มอ่านแล้วมันกระชากพลังในตัวตนให้ลุกโชนขึ้นมาได้  ฯลฯ  จึงสามารถบอกได้ว่าวรรณกรรมคือพลังแห่งการสร้างสรรค์

-และหนังสือบางเล่มนำเสนอสิ่งที่มืดมัวและดำมืดอันแฝงตัวอยู่ในหลืบลึกที่คนอ่านไม่เคยได้รับรู้มาก่อน  คนอ่านอ่านแล้วจะได้เตรียมตัว ป้องกัน หลีกเลี่ยง หนีห่าง สิ่งที่มืดมนเหล่านั้นได้



พิธีกรถามว่า  ปัจจุบันกระแสนิยมของการอ่านเป็นอย่างไรบ้าง?

อาจารย์กนกวลี – เนื่องจากมีดิจิทัลเข้ามา  นักอ่านรุ่นเก่า(ผู้ใหญ่)เคยนิยมอ่านหนังสือเป็นเล่ม  แต่พอนิตยสารและหนังสือต่างๆ ปิดตัวลงไป  ทุกคนก็ตกใจกลัวว่าจะไม่มีหนังสือให้อ่านกันแล้ว แต่นักอ่านรุ่นใหม่(เด็กๆ)ใช้ไอแพ็คในการอ่าน  เด็กรุ่นใหม่เขาเติบโตมากับสิ่งเหล่านี้เขาจึงคุ้นชินกับมันมากกว่า เขาจึงหาทางกำจัดข้อด้อยเชิงลบของการอ่านในสื่อดิจิทัลออกไปได้  จึงกลายเป็นว่าอ่านนักรุ่นเก่าเหมือนจะไม่มีหนังสือให้อ่าน  เพราะว่าเขาใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ไม่เป็น  ปัญหาจึงมาตกลงสู่นักอ่านรุ่นเก่าพวกนี้แทน

-พวกวัยรุ่นที่เป็นนักอ่านรุ่นใหม่ไปเดินซื้อหนังสือในงานหนังสือฯ พวกเขาจะซื้อเรื่องที่เขาเคยอ่านในเน็ตมาแล้ว  ซึ่งเป็นเรื่องที่เขาชอบ  เด็กวัยรุ่นพวกนี้จึงไปตามหาซื้อหนังสือเล่มมาเก็บไว้  กลายเป็นว่าเด็กวัยรุ่นคนหนึ่งซื้อหนังสือมา 2 เล่มเหมือนกัน  เล่มหนึ่งเขาเอาไว้อ่าน  ส่วนอีกเล่มเขาเอาไว้เก็บ  

-ดังนั้นนักเขียนในปัจจุบันนี้ต้องก้าวตามให้ทัน ต้องเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ๆ สิ่งใหม่ๆ ให้เป็น  เพื่อตามการเปลี่ยนแปลงให้ทัน



พิธีกร ถามคุณรอมแพงว่า  กระแสละครบุพเพสันนิวาสกลายเป็นปรากฏการณ์ระดับชาติ  ตอนแรกที่คุณรอมแพงจะเขียนเรื่องนี้มีแรงบันดาลใจอย่างไรบ้าง?

คุณรอมแพง – เริ่มต้นเป็นนักเขียนจริงๆ ตอนปี 2549 พอได้เขียนนวนิยายไปสักระยะหนึ่งแล้วก็มีความคิดอยากจะเขียนนวนิยายอิงประวัติศาสตร์  ที่ย่อยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ให้อ่านง่ายขึ้น

-ด้วยความที่เรียนจบมาจากคณะโบราณคดี  สาขาวิชาเอกประวัติศาสตร์ศิลปะ  จึงมีความคิดที่อยากจะเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติศาสตร์  ถ้าได้เขียนนวนิยายย้อนยุค (พีเรียด) สักเล่มคงจะดี  เพราะเราเติบโตมาจากการอ่านนวนิยายเรื่อง ทวิภพ , เรือนมยุรา , สายโลหิต ฯลฯ

-เริ่มอ่านนวนิยายตั้งแต่อายุ 8 ขวบ พอคิดจะเขียนนวนิยายเราก็อยากจะเขียนให้เป็นนวนิยายรักแนวโรแมนติคคอมเมอร์ดี้  ยิ่งเป็นพีเรียดที่ตลกด้วยคิดว่าคนอ่านน่าจะชอบ  และเป็นแนวที่เราถนัดด้วย

-เริ่มต้นจากการหาข้อมูลก่อนว่าจะเขียนถึงยุคไหนดี?  จะย้อนไปยุคไหนดี?  ถ้าเขียนยุครัชกาลที่ 5 มันก็ใกล้ตัวเกินไปเกือบจะเป็นปัจจุบันแล้ว   คงจะเขียนแบบตลกมากไม่ได้แน่เพราะว่าลูกหลานเขายังคงอยู่  จึงตัดสินใจเขียนย้อนไปถึงยุคแผ่นดินสมเด็จพระนาราษณ์มหาราช ซึ่งเป็นยุคที่มีความเจริญรุ่งเรืองแล้ว  มีชาวต่างชาติเข้ามาแล้ว   น่าจะพอให้เราเข้าไปโลดแล่นในยุคนี้ได้  โดยตั้งใจจะเขียนเรื่องบุพเพสันนิวาสนี้แบบไม่ฟันธงในประด็นทางประวัติศาสตร์เลย

-พอดีว่าไปค้นข้อมูลเจอจดหมายเหตุของชาวบ้าน  อ่านเจอในเรื่องมีชีปะขาวที่มีอิทธิฤทธิ์  มีอำนาจศักดิ์สิทธิ์  ซึ่งเป็นความคิดเห็นของคนในยุคสมัยนั้นที่คนพวกนี้จะรักษาศีล 5 อย่างต่อเนื่อง  จะเอาประเด็นนี้มาเริ่มผูกเรื่อง

-เรื่องบุพเพสันนิวาส  หมายถึงเรื่องรักที่หายไปแล้วคืนกลับมาได้

-ตอนที่หาข้อมูลสำหรับเขียนเรื่องต้องเข้าไปที่หอสมุดแห่งชาติ  และหอสมุดมหาวิทยาลัยศิลปากร  แล้วก็ต้องไปดูสถานที่จริงด้วย  ต้องไปที่พิพิธภัณฑ์ต่างๆ   ไปชมแหล่งโบราณคดีต่างๆ ในจังหวัดอยุธยา  ถึงทำให้เราเห็นเรื่องราวได้มากกว่า  จนสามารถเห็นเป็นภาพตามที่เราสร้างเรื่องไว้ได้

-พอได้พล็อตเรื่องแล้ว  ต่อไปที่จะพูดถึงก็คือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในประวัติศาสตร์  ข้อมูลที่เราใช้อาจจะไม่เป็นประวัติศาสตร์ที่แท้จริงมาก  เพราะประวัติศาสตร์มันมีหลายกระแสมาก  เราจึงพยายามจับเอากระแสที่เข้ากับนวนิยายของเรามากที่สุดมาใช้

-ความง่ายของการเขียนเรื่องนี้คือตัวนางเอกที่ย้อนไป  ซึ่งเราสามารถใช้ความคิดเห็นของคนในยุคปัจจุบันได้  คือคิดว่าถ้าเราย้อนยุคไปได้จริงๆ เราอยากจะไปทำอะไรบ้าง  เราก็ให้ตัวนางเอกไปทำในนวนิยายแทน  ส่วนการที่ให้นางเอกกลับชาติไปเกิดใหม่แล้วยังจำความได้นั้น  มันทำให้เรื่องเข้าถึงคนในยุคปัจจุบันได้

-ความยากของการเขียนเรื่องนี้คือการตรวจสอบข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์  คือเราพยายามจะหาเหตุการณ์ต่างๆ ใส่ลงไปในนวนิยายโดยไม่ฟันธง  แต่จะบอกว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างนี้จริงในประวัติศาสตร์  โดยเล่าผ่านมุมมองของตัวการะเกด (ตัวนางเอก)  เพื่อให้คนอ่านได้ฉุกคิดและหาเหตุผลของตัวเขาเองได้

แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่