โดยนัยเป็นต้นว่า อาโปธาตุ ธรรมชาติที่มีใจครอง ย่อมดับโดยไม่มีเหลือคือ เป็นไปไม่ได้
พระผู้มีพระภาคเจ้า เมื่อจะทรงแสดง อุบายดับไม่มีเหลือของธรรมชาตินั้น
จึงตรัสว่า เพราะวิญญาณดับ นามและรูปนั้นย่อมดับไม่มีเหลือในธรรมชาตินี้ ดังนี้.
บทว่า วิญญาณ คือ วิญญาณเดิมบ้างวิญญาณที่ปรุงแต่งบ้าง.
จริงอยู่ เพราะวิญญาณเดิมดับ นาม และรูปนั้นย่อมดับไม่มีเหลือในธรรมชาตินี้
คือว่า ย่อมถึงความไม่มีบัญญัติเหมือนเปลวประทีปที่ถูกเผาหมดไป ฉะนั้น
เพราะไม่เกิดขึ้น และดับไปโดยไม่เหลือแห่งวิญญาณที่ปรุงแต่งนามและรูป จึงดับโดยไม่เกิดขึ้น
เหมือนอย่างที่ท่านกล่าวไว้ว่า เพราะดับวิญญาณที่ปรุงแต่งด้วยโสดาปัตติมัคคญาณ นามและรูป
ที่พึงเกิดในสังสารวัฏอันไม่มีเบื้องต้น และที่สุด เว้นภพทั้ง ๗ ย่อมดับ โดยไม่มีเหลือ ในธรรมชาตินี้ ดังนี้.
วิญญาณ คือ วิญญาณเดิมบ้างวิญญาณที่ปรุงแต่งบ้าง.
พระผู้มีพระภาคเจ้า เมื่อจะทรงแสดง อุบายดับไม่มีเหลือของธรรมชาตินั้น
จึงตรัสว่า เพราะวิญญาณดับ นามและรูปนั้นย่อมดับไม่มีเหลือในธรรมชาตินี้ ดังนี้.
บทว่า วิญญาณ คือ วิญญาณเดิมบ้างวิญญาณที่ปรุงแต่งบ้าง.
จริงอยู่ เพราะวิญญาณเดิมดับ นาม และรูปนั้นย่อมดับไม่มีเหลือในธรรมชาตินี้
คือว่า ย่อมถึงความไม่มีบัญญัติเหมือนเปลวประทีปที่ถูกเผาหมดไป ฉะนั้น
เพราะไม่เกิดขึ้น และดับไปโดยไม่เหลือแห่งวิญญาณที่ปรุงแต่งนามและรูป จึงดับโดยไม่เกิดขึ้น
เหมือนอย่างที่ท่านกล่าวไว้ว่า เพราะดับวิญญาณที่ปรุงแต่งด้วยโสดาปัตติมัคคญาณ นามและรูป
ที่พึงเกิดในสังสารวัฏอันไม่มีเบื้องต้น และที่สุด เว้นภพทั้ง ๗ ย่อมดับ โดยไม่มีเหลือ ในธรรมชาตินี้ ดังนี้.