สวัสดีค่ะ ขอเล่าประสบการณ์การไปอยุ่ไต้หวัน 1 เดือนในฐานะเกษตรกรรุ่นใหม่จากไทย
กระทู้นี้เป็นตอนสุดท้ายแล้วค่ะ ขอบคุณทุกท่านที่อ่านนะคะ
....อ่านจนจบก็ขอบคุณ อ่านนิดๆก็ขอบคุณเหมือนกันค่ะ
สามารถย้อนอ่านตอนอื่นๆได้ที่นี่ค่ะ
Ep1: ศึกษาดูงานกับอาจารย์จาก National Taiwan University
https://ppantip.com/topic/37557457
Ep2: High-Value Crop Production under Protected Structure กับสถาบันวิจัย TARI
https://ppantip.com/topic/37565018
Ep3: On the Job Training ทำงานและกินอยู่กับเกษตรกรไต้หวัน
https://ppantip.com/topic/37578462
[กระทู้นี้] Ep4: ศึกษาเรียนรู้รูปแบบเกษตรในไต้หวัน ร่วมกับคณะเกษตรกรรุ่นใหม่ไทยอีกกลุ่มที่ตามมา
>>>>>>>>>> Day25 <<<<<<<<<
ฟาร์มผักออแกนิก ไม้ตัดใบ โรงเพาะกล้ามะระ
ตื่นเช้ามา มองไปนอกหน้าต่างโรงแรม เห็นวิวเมือง...ไม่ใช่ภูเขาและนาข้าวแล้ว
ต่อไปนี้เราจะได้นอนโรงแรมทุกคืน และขนกระเป๋าเปลี่ยนโรงแรมเกือบทุกวันด้วย
นี่คือเหตุผลที่ต้องซื้อกระเป๋าใหม่ ไม่งั้นลำบากในการโยกย้ายแน่ๆ
ช่วงโค้งสุดท้ายของการมาที่ไต้หวันครั้งนี้ ก็จะเป็นการดูงานตามฟาร์มต่างๆ 7วัน
พร้อมกับคณะเกษตรกร 9 คน ที่ได้รับการคัดเลือกให้เป็นตัวแทนจากเขตต่างๆทั่วประเทศ
พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากกรมฯอีก 4 คน, ล่ามคนไทย 2คน, ไกด์ชาวไต้หวัน 1 คน
พวกเค้ามาถึงที่นี่เมื่อคืนตอนมึดๆ หลังจากที่เรากลับจากเดินห้างแล้ว
เช้านี้ที่ห้องกินอาหารเช้าโรงแรม เจอคนไทยเยอะมากจนทำตัวไม่ถูก
หน้าพวกเราสามคนก็ดำเข้มแบบคนที่ผ่านแดดมาอย่างต่อเนื่องทุกวัน
การเดินทางใน 7วันต่อจากนี้จะเป็นรถทัวร์คันใหญ่ บรรยากาศบนรถแบบไทยมาก มีการเอนเตอร์เทนโดยเปิดเพลงด้วย แต่ก็เริ่มทัวร์ด้วยการอธิบายจุดประสงค์ และความคาดหวังจากกรมฯในการดูงานครั้งนี้
เช่น สามารถนำความรู้ การจัดการ เทคนิกต่างๆมาปรับใช้ และถ่ายทอดได้
รวมถึงการสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างไทยกับไต้หวัน
รู้สึกแปลกๆที่มีภาษาไทยด้วย ปกติเวลามีอธิบายอะไร เราจะฟังไม่ออก ต้องรอแต่ช่วงภาษาอังกฤษ
เหมือนมาทัวร์จริงๆนะ มีไกด์ชื่อพี่อีฟ พี่อีฟคอยแนะนำด้วยว่า ที่นี่เค้าไม่กินน้ำเปล่าตอนกินข้าวกัน ให้เราพกขวดน้ำไปเองด้วย
อันนี้เราก็งงแตกเหมือนกันตอนแรกที่มาแรกๆ แต่พอผ่านไปประสบการณ์ก็สอนเราเองว่า ควรพวกขวดน้ำเปล่าไปด้วยตอนกินข้าว ไม่งั้นจะไม่มีน้ำให้กิน!
วันนี้จะไปฟาร์มผัก ไม้ตัดใบ โรงเพาะกล้าต้นกล้ามะระ และฟาร์มผักออแกนิก
เนื้อหาสาระ แยกไปอ่านที่นี่นะคะ
http://forloveandmelon.com/2018/04/04/organic-vegetable-garden/
http://forloveandmelon.com/2018/04/05/CutLeaf
http://forloveandmelon.com/2018/04/05/bitter-gourd-nursery/
ฟาร์มที่ประทับใจที่สุดของวันนี้คือ ฟาร์มผักอินทรีย์ของคุณลี
ผู้ซึ่งเป็น Young Farmer ทำการเกษตรปลูกผักในโรงเรือนมาเป็นเวลา 6 ปี
มี15 โรงเรือน คนงาน จำนวน 2 คน !!!! สองคนเท่านั้น ดูแลทั้งหมดนี่
คุณลีดูมีอุดมการณ์แรงกล้า ในการทำเกษตรแบบอินทรีย์
ยังจำแนวคิดของเค้าได้ดี
“คำว่าอินทรีย์สำหรับเขา ไม่ใช่แค่การงดใช้สารเคมีเท่านั้น แต่ยังคำนึงการรักษาสิ่งแวดล้อมรอบๆ เช่น ดิน น้ำ และผู้บริโภคที่ได้ผลิตภัณฑ์จากเขาไปก็จะได้ปลอดภัยจริงๆ
คนทั่วไปอาจไม่ยอมรับและไม่เชื่อในคุณภาพของพืชผักอินทรีย์ ดังนั้นในฐานะที่เขาเป็นเกษตรกรที่ผลิตพืชอินทรีย์เขาจะพยายามอธิบายและเปิดให้คนทั่วไปได้เข้ามาชมฟาร์ม เพื่อไขข้อสงสัยทั้งหมด ผู้บริโภคจะได้มีความเชื่อใจเกษตรกร และอยากให้เกษตรกรรุ่นใหม่ทำการเกษตรโดยไม่หวังกำไรเพียงอย่างเดียว แต่อยากให้ทำการเกษตรเพื่ออนาคต เพื่อรักษาสิ่งแวดล้อมให้ดีขึ้น และทำเพื่อคนรุ่นหลังต่อไป”
ขอยกให้เป็นแนวทางในการทำการเกษตรของตัวเองด้วยเลย นับตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไปค่ะ !!!
อ่านต่อเรื่องของพี่ลีได้ที่นี่
http://forloveandmelon.com/2018/04/05/facilities-for-organic-vegetable/
ว่าแล้วก็ชักภาพกับพี่ลีเป็นที่ระลึก ไอดอลคนใหม่ของเรา
เมื่อเริ่มเข้าโหมดดูงานอีกครั้ง ก็เหนื่อยมากๆ ต้องคอยตั้งใจฟังและจดให้ได้มากที่สุด
เราเริ่มลืมข้อมูลใน2อาทิตย์แรกละเนี่ย
คนร่วมทริปที่มาใหม่มีหลายแบบ เกษตรกร9คน เป็นYoung Smart Farmer ทั้งหมดและไม่มีใครเรียนจบด้านเกษตรซักคน เหมือนเราเลย และดูเป็นกลุ่มวัยรุ่นมาก ตอนดูงานก็มีวิธีอันหลากหลาย บางคนถ่ายรูป ถ่ายวิดีโอ มีLiveด้วย! บรรยากาศเปลี่ยนไปจากวันก่อนๆสิ้นเชิง
ดูงานวันนี้เราเพิ่งรู้ว่า ไต้หวันพยายามพัฒนาการเกษตรรุ่นใหม่อย่างมาก มีการส่งเกษตรกรรุ่นเก่า มาให้คำปรึกษาคนใหม่แบบประกบกันตัวต่อตัวด้วย ทำให้เกษตรกรใหม่ๆไม่รู้สึกเคว้งคว้างมึดแปดด้าน
ส่วนอาหารเที่ยง กลับมาเป็นโต๊ะจีนอาหารชุด10อย่างเหมือนเดิม เรารู้สึกอิ่มตั้งแต่เริ่มกิน
เราคงกินโต๊ะจีนมามากเกินไปแล้ว ตอนนี้ไม่มีอารมณ์แม้แต่จะกิน รูปยิ่งไม่ค่อยถ่าย
แม้จะเจอคนใหม่ๆมากมาย แต่ชัยเลิกเล่าเรื่องสวนตัวเองให้คนอื่นฟังแล้ว
หันมาเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นที่Fuliมากกว่า
มันดูมีความสุข และน่าประทับใจมาก
ไม่มีไรแน่นอนเลย โดยเฉพาะใจคนเรามันเปลี่ยนได้ตลอดเวลา
วันก่อนพวกเรายังบ่นคิดถึงไข่เอิน ต่อมาเราก็เริ่มเลือนลาง วันนี้เอาแต่นึกถึงและพูดถึงพวกหมินจง เรน เพจ ฟ่านฟ่านและคนอื่น
การมาดูงานกับกลุ่มนี้ีข้อดีอีกอย่างคือ เมื่อดูงานที่สุดท้ายของวันนี้เสร็จ จะให้แต่ละคนสรุปสิ่งที่ได้และแนวคิดที่น่าเอาไปปรับใช้ แล้วพูดให้คนอื่นๆฟังคนละ 3 นาที พูดทุกคน แม้กระทั่งพี่ล่าม
เป็นการฝึกให้เราพยายามสรุปความคิดทั้งหมด ให้เหลือแต่ประเด็นหลักๆสั้นๆ
และมีการประเมินภาพรวมของวันนี้ด้วย มีการตักเตือนให้ตั้งใจฟังและจดมากขึ้น
ส่วนเรา น้องเปิ้ลและชัย ก็ทำตัวเป็นดรีมทีมเหมือนเดิม แบ่งหน้าที่กันทำ
ตอนนี้มีล่ามแปลจากไต้หวันเป็นไทยให้เลย เราจึงไม่ต้องแปลภาษาให้เปิ้ลกะชัยฟังแล้ว
งานนี้มีผอ.มาประกบด้วย 1 คน ผอ.สอนว่า
เรามาดูงานเพื่อศึกษาวิธีการคิดของเขา แล้วเอาไปapplyในประเทศเรา ไปเปลี่ยนแปลงสวนของเราให้ดีขึ้น เปลี่ยนMind Set , skill set, eco system
ทางกรมฯก็ต้องกลับไปคิดเหมือนกัน ต้องสร้างจนท.ที่มีคุณภาพมาเพิ่ม เป็นsmart officer เหมือนอย่างที่ส่งเปิ้ลมานี่ เพื่อให้ต่อไปให้จนท.ของรัฐคิดสร้างสรรค์ไอเดียใหม่ๆ แล้วเขียนโครงการมาเสนอได้
หลังอาหารเย็นที่โรงแรม พวกเราเดินออกไปตามหาชานมไข่มุกกิน หายี่ห้อ presotea
โชคดีที่มีแถวโรงแรม แต่รอบนี้ไม่ได้มีแค่สามคนแล้ว มีคนอื่นไปด้วย รวมๆกัน10กว่าคน วุ่นวายดีแท้
10กว่าคน เดินออกไปซื้อชานมไข่มุก
พออยู่กันคนหลายคน จากหลายแห่งทั่วประเทศ ก็ได้เข้าใจจริงๆว่าคนมันมีหลายแบบ
บางคนกินยาก บางคนกินง่าย บางคนเงียบ บางคนชอบพูด ...เยอะจริงๆ
พวกเค้ายังดูตื่นตาตื่นใจกับประเทศนี้อยู่ แต่มาแค่ 7 วัน มันเร็วมากเลยนะ นี่อีก5วันก็กลับละ
มันจะตื่นเต้นๆ และจบลงอย่างรวดเร็วมาก
หันมาดูตัวเอง เมื่อมาถึงวันนี้เราเพิ่งตระหนักว่า จุดตื่นเต้นมันอยู่ตรงที่ต้องไปอยู่กับเกษตรกรนี่แหละ เพราะไม่รู้เลยว่าต้องเจอไร เดาไม่ออก ไม่เหมือนการนั่งรถตะลอนดูงาน
เราขนเสื้อผ้ามาเตรียมทำงานหนักเพียบ (มีอีกหลายตัวยังไม่ใส่เรย)
ถ้าเปรียบเทียบการมาฝึกครั้งนี้เป็นการเดินขึ้นเขา
เรื่องราวที่Fuli ก็คงจะเป็นจุดสูงสุดของภูเขาที่เราปีนขึ้นมา
แล้ววันนี้มันคือขาลงละ เริ่มหมดแรง
แต่ก็พยายามกระตุ้นให้ตัวเองกระตือรือร้นต่อไป ฮึบๆ
EP4/4 [แชร์ประสบการณ์] ชีวิต30วันของYoung Smart Farmerไทยในไต้หวัน On-the-Job-Training
กระทู้นี้เป็นตอนสุดท้ายแล้วค่ะ ขอบคุณทุกท่านที่อ่านนะคะ
....อ่านจนจบก็ขอบคุณ อ่านนิดๆก็ขอบคุณเหมือนกันค่ะ
สามารถย้อนอ่านตอนอื่นๆได้ที่นี่ค่ะ
Ep1: ศึกษาดูงานกับอาจารย์จาก National Taiwan University https://ppantip.com/topic/37557457
Ep2: High-Value Crop Production under Protected Structure กับสถาบันวิจัย TARI https://ppantip.com/topic/37565018
Ep3: On the Job Training ทำงานและกินอยู่กับเกษตรกรไต้หวัน https://ppantip.com/topic/37578462
[กระทู้นี้] Ep4: ศึกษาเรียนรู้รูปแบบเกษตรในไต้หวัน ร่วมกับคณะเกษตรกรรุ่นใหม่ไทยอีกกลุ่มที่ตามมา
ฟาร์มผักออแกนิก ไม้ตัดใบ โรงเพาะกล้ามะระ
ตื่นเช้ามา มองไปนอกหน้าต่างโรงแรม เห็นวิวเมือง...ไม่ใช่ภูเขาและนาข้าวแล้ว
ต่อไปนี้เราจะได้นอนโรงแรมทุกคืน และขนกระเป๋าเปลี่ยนโรงแรมเกือบทุกวันด้วย
นี่คือเหตุผลที่ต้องซื้อกระเป๋าใหม่ ไม่งั้นลำบากในการโยกย้ายแน่ๆ
ช่วงโค้งสุดท้ายของการมาที่ไต้หวันครั้งนี้ ก็จะเป็นการดูงานตามฟาร์มต่างๆ 7วัน
พร้อมกับคณะเกษตรกร 9 คน ที่ได้รับการคัดเลือกให้เป็นตัวแทนจากเขตต่างๆทั่วประเทศ
พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากกรมฯอีก 4 คน, ล่ามคนไทย 2คน, ไกด์ชาวไต้หวัน 1 คน
พวกเค้ามาถึงที่นี่เมื่อคืนตอนมึดๆ หลังจากที่เรากลับจากเดินห้างแล้ว
เช้านี้ที่ห้องกินอาหารเช้าโรงแรม เจอคนไทยเยอะมากจนทำตัวไม่ถูก
หน้าพวกเราสามคนก็ดำเข้มแบบคนที่ผ่านแดดมาอย่างต่อเนื่องทุกวัน
การเดินทางใน 7วันต่อจากนี้จะเป็นรถทัวร์คันใหญ่ บรรยากาศบนรถแบบไทยมาก มีการเอนเตอร์เทนโดยเปิดเพลงด้วย แต่ก็เริ่มทัวร์ด้วยการอธิบายจุดประสงค์ และความคาดหวังจากกรมฯในการดูงานครั้งนี้
เช่น สามารถนำความรู้ การจัดการ เทคนิกต่างๆมาปรับใช้ และถ่ายทอดได้
รวมถึงการสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างไทยกับไต้หวัน
รู้สึกแปลกๆที่มีภาษาไทยด้วย ปกติเวลามีอธิบายอะไร เราจะฟังไม่ออก ต้องรอแต่ช่วงภาษาอังกฤษ
เหมือนมาทัวร์จริงๆนะ มีไกด์ชื่อพี่อีฟ พี่อีฟคอยแนะนำด้วยว่า ที่นี่เค้าไม่กินน้ำเปล่าตอนกินข้าวกัน ให้เราพกขวดน้ำไปเองด้วย
อันนี้เราก็งงแตกเหมือนกันตอนแรกที่มาแรกๆ แต่พอผ่านไปประสบการณ์ก็สอนเราเองว่า ควรพวกขวดน้ำเปล่าไปด้วยตอนกินข้าว ไม่งั้นจะไม่มีน้ำให้กิน!
วันนี้จะไปฟาร์มผัก ไม้ตัดใบ โรงเพาะกล้าต้นกล้ามะระ และฟาร์มผักออแกนิก
เนื้อหาสาระ แยกไปอ่านที่นี่นะคะ
http://forloveandmelon.com/2018/04/04/organic-vegetable-garden/
http://forloveandmelon.com/2018/04/05/CutLeaf
http://forloveandmelon.com/2018/04/05/bitter-gourd-nursery/
ฟาร์มที่ประทับใจที่สุดของวันนี้คือ ฟาร์มผักอินทรีย์ของคุณลี
ผู้ซึ่งเป็น Young Farmer ทำการเกษตรปลูกผักในโรงเรือนมาเป็นเวลา 6 ปี
มี15 โรงเรือน คนงาน จำนวน 2 คน !!!! สองคนเท่านั้น ดูแลทั้งหมดนี่
คุณลีดูมีอุดมการณ์แรงกล้า ในการทำเกษตรแบบอินทรีย์
ยังจำแนวคิดของเค้าได้ดี
“คำว่าอินทรีย์สำหรับเขา ไม่ใช่แค่การงดใช้สารเคมีเท่านั้น แต่ยังคำนึงการรักษาสิ่งแวดล้อมรอบๆ เช่น ดิน น้ำ และผู้บริโภคที่ได้ผลิตภัณฑ์จากเขาไปก็จะได้ปลอดภัยจริงๆ
คนทั่วไปอาจไม่ยอมรับและไม่เชื่อในคุณภาพของพืชผักอินทรีย์ ดังนั้นในฐานะที่เขาเป็นเกษตรกรที่ผลิตพืชอินทรีย์เขาจะพยายามอธิบายและเปิดให้คนทั่วไปได้เข้ามาชมฟาร์ม เพื่อไขข้อสงสัยทั้งหมด ผู้บริโภคจะได้มีความเชื่อใจเกษตรกร และอยากให้เกษตรกรรุ่นใหม่ทำการเกษตรโดยไม่หวังกำไรเพียงอย่างเดียว แต่อยากให้ทำการเกษตรเพื่ออนาคต เพื่อรักษาสิ่งแวดล้อมให้ดีขึ้น และทำเพื่อคนรุ่นหลังต่อไป”
ขอยกให้เป็นแนวทางในการทำการเกษตรของตัวเองด้วยเลย นับตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไปค่ะ !!!
อ่านต่อเรื่องของพี่ลีได้ที่นี่ http://forloveandmelon.com/2018/04/05/facilities-for-organic-vegetable/
ว่าแล้วก็ชักภาพกับพี่ลีเป็นที่ระลึก ไอดอลคนใหม่ของเรา
เมื่อเริ่มเข้าโหมดดูงานอีกครั้ง ก็เหนื่อยมากๆ ต้องคอยตั้งใจฟังและจดให้ได้มากที่สุด
เราเริ่มลืมข้อมูลใน2อาทิตย์แรกละเนี่ย
คนร่วมทริปที่มาใหม่มีหลายแบบ เกษตรกร9คน เป็นYoung Smart Farmer ทั้งหมดและไม่มีใครเรียนจบด้านเกษตรซักคน เหมือนเราเลย และดูเป็นกลุ่มวัยรุ่นมาก ตอนดูงานก็มีวิธีอันหลากหลาย บางคนถ่ายรูป ถ่ายวิดีโอ มีLiveด้วย! บรรยากาศเปลี่ยนไปจากวันก่อนๆสิ้นเชิง
ดูงานวันนี้เราเพิ่งรู้ว่า ไต้หวันพยายามพัฒนาการเกษตรรุ่นใหม่อย่างมาก มีการส่งเกษตรกรรุ่นเก่า มาให้คำปรึกษาคนใหม่แบบประกบกันตัวต่อตัวด้วย ทำให้เกษตรกรใหม่ๆไม่รู้สึกเคว้งคว้างมึดแปดด้าน
ส่วนอาหารเที่ยง กลับมาเป็นโต๊ะจีนอาหารชุด10อย่างเหมือนเดิม เรารู้สึกอิ่มตั้งแต่เริ่มกิน
เราคงกินโต๊ะจีนมามากเกินไปแล้ว ตอนนี้ไม่มีอารมณ์แม้แต่จะกิน รูปยิ่งไม่ค่อยถ่าย
แม้จะเจอคนใหม่ๆมากมาย แต่ชัยเลิกเล่าเรื่องสวนตัวเองให้คนอื่นฟังแล้ว
หันมาเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นที่Fuliมากกว่า
มันดูมีความสุข และน่าประทับใจมาก
ไม่มีไรแน่นอนเลย โดยเฉพาะใจคนเรามันเปลี่ยนได้ตลอดเวลา
วันก่อนพวกเรายังบ่นคิดถึงไข่เอิน ต่อมาเราก็เริ่มเลือนลาง วันนี้เอาแต่นึกถึงและพูดถึงพวกหมินจง เรน เพจ ฟ่านฟ่านและคนอื่น
การมาดูงานกับกลุ่มนี้ีข้อดีอีกอย่างคือ เมื่อดูงานที่สุดท้ายของวันนี้เสร็จ จะให้แต่ละคนสรุปสิ่งที่ได้และแนวคิดที่น่าเอาไปปรับใช้ แล้วพูดให้คนอื่นๆฟังคนละ 3 นาที พูดทุกคน แม้กระทั่งพี่ล่าม
เป็นการฝึกให้เราพยายามสรุปความคิดทั้งหมด ให้เหลือแต่ประเด็นหลักๆสั้นๆ
และมีการประเมินภาพรวมของวันนี้ด้วย มีการตักเตือนให้ตั้งใจฟังและจดมากขึ้น
ส่วนเรา น้องเปิ้ลและชัย ก็ทำตัวเป็นดรีมทีมเหมือนเดิม แบ่งหน้าที่กันทำ
ตอนนี้มีล่ามแปลจากไต้หวันเป็นไทยให้เลย เราจึงไม่ต้องแปลภาษาให้เปิ้ลกะชัยฟังแล้ว
งานนี้มีผอ.มาประกบด้วย 1 คน ผอ.สอนว่า
เรามาดูงานเพื่อศึกษาวิธีการคิดของเขา แล้วเอาไปapplyในประเทศเรา ไปเปลี่ยนแปลงสวนของเราให้ดีขึ้น เปลี่ยนMind Set , skill set, eco system
ทางกรมฯก็ต้องกลับไปคิดเหมือนกัน ต้องสร้างจนท.ที่มีคุณภาพมาเพิ่ม เป็นsmart officer เหมือนอย่างที่ส่งเปิ้ลมานี่ เพื่อให้ต่อไปให้จนท.ของรัฐคิดสร้างสรรค์ไอเดียใหม่ๆ แล้วเขียนโครงการมาเสนอได้
หลังอาหารเย็นที่โรงแรม พวกเราเดินออกไปตามหาชานมไข่มุกกิน หายี่ห้อ presotea
โชคดีที่มีแถวโรงแรม แต่รอบนี้ไม่ได้มีแค่สามคนแล้ว มีคนอื่นไปด้วย รวมๆกัน10กว่าคน วุ่นวายดีแท้
10กว่าคน เดินออกไปซื้อชานมไข่มุก
พออยู่กันคนหลายคน จากหลายแห่งทั่วประเทศ ก็ได้เข้าใจจริงๆว่าคนมันมีหลายแบบ
บางคนกินยาก บางคนกินง่าย บางคนเงียบ บางคนชอบพูด ...เยอะจริงๆ
พวกเค้ายังดูตื่นตาตื่นใจกับประเทศนี้อยู่ แต่มาแค่ 7 วัน มันเร็วมากเลยนะ นี่อีก5วันก็กลับละ
มันจะตื่นเต้นๆ และจบลงอย่างรวดเร็วมาก
หันมาดูตัวเอง เมื่อมาถึงวันนี้เราเพิ่งตระหนักว่า จุดตื่นเต้นมันอยู่ตรงที่ต้องไปอยู่กับเกษตรกรนี่แหละ เพราะไม่รู้เลยว่าต้องเจอไร เดาไม่ออก ไม่เหมือนการนั่งรถตะลอนดูงาน
เราขนเสื้อผ้ามาเตรียมทำงานหนักเพียบ (มีอีกหลายตัวยังไม่ใส่เรย)
ถ้าเปรียบเทียบการมาฝึกครั้งนี้เป็นการเดินขึ้นเขา
เรื่องราวที่Fuli ก็คงจะเป็นจุดสูงสุดของภูเขาที่เราปีนขึ้นมา
แล้ววันนี้มันคือขาลงละ เริ่มหมดแรง
แต่ก็พยายามกระตุ้นให้ตัวเองกระตือรือร้นต่อไป ฮึบๆ