แชร์ประสบการณ์การขอวีซ่าอเมริกาประเภท B1/B2 ที่กงสุลอเมริกาในต่างประเทศเพื่อไปร่วมงานประชุมวิชาการ

สวัสดีสมาชิกพันทิพทุกท่าน วันนี้ผมขอมาแบ่งปันประสบการณ์ในการขอวีซ่าอเมริกาที่ต่างประเทศ เนื่องด้วยเจ้าของกระทู้ได้รับทุนให้มาเรียนระดับบัณฑิตศึกษาที่ต่างประเทศและได้มีโอกาสได้ตอบรับให้ไปนำเสนอผลงานที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ทำให้มีความจำเป็นต้องขอวีซ่าที่สถานกงสุลอเมริกันในเมืองที่ผมศึกษาอยู่ ขอวีซ่าประเภท B1/B2 ไปครับ รายละเอียดจะยาวหน่อยนะครับ ผมทำสรุปไว้ให้ด้านล่างแล้วอาจจะข้ามไปดูตรงนั้นได้ครับถ้าไม่อยากอ่านรายละเอียดยาว
        กรอก DS-160
        เริ่มแรกผมก็เป็นขั้นตอนที่ผู้ร้องขอวีซ่าทุกท่านต้องปฏิบัติคือกรอกข้อมูลลงในแบบฟอร์มออนไลน์ DS-160 ซึ่งขั้นตอนนี้มีผู้มีประสบการณ์หลายท่านได้ตั้งกระทู้ไว้อธิบายอย่างละเอียดแล้วผมไม่ขอลงรายละเอียดในส่วนนั้น แต่จะเสริมในรายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับสถานะของผมเอง เริ่มแรกในหัวข้องานที่ทำอยู่ปัจจุบันผมก็เลือกเป็น Student ระบุชื่อสถาบัน เงินเดือนที่ได้ (ก็คือทุนที่ได้ต่อเดือน) แล้วช่อง Brief describe นั่นใส่ให้ละเอียดเลยครับ เป็นนักศึกษาระดับไหน สาขาอะไร หน้าที่ทำอะไรของผมก็ใส่ไปทำวิจัยกับเขียนนำเสนอผลงานทางวิชาการ แหล่งทุนที่ให้ สิ่งหนึ่งที่ผมมานึกได้ตอนหลังแต่ไม่ได้ใส่ไปคือหัวข้อที่เกี่ยวกับการวิจัยซึ่งก็ควรใส่ไปแบบคร่าวๆ ให้คนที่ไม่รู้เรื่องในสาขาเราพอเข้าใจ
        หัวข้อถัดมาคืองานที่เคยทำและประวัติการศึกษาที่เคยเรียน ผมก็กรอกข้อมูลที่ทำงานเก่าก่อนได้ทุนมาเรียนส่วนนี้ของแต่ละท่านคิดว่าไม่มีปัญหา ตรงส่วนประวัติการศึกษานี้ควรใส่ในระดับ ป.ตรี ด้วยเพราะตอนผมสัมภาษณ์โดนถามว่า ป.ตรี เรียนที่ไหนสาขาอะไร แต่ผมไม่ได้ใส่ข้อมูลตรงนี้ไปใน DS-160
        จ่ายเงินและนัดสัมภาษณ์
        หลังจากนั้นก็จ่ายเงินตามขั้นตอน ขั้นตอนตรงนี้ผมก็ไม่ขอลงรายละเอียดอีกเช่นกันเพราะเท่าที่ลองดูขั้นตอนการขอวีซ่าอเมริกาในแต่ละประเทศขั้นตอนการจ่ายเงินจะมีรายละเอียดแตกต่างกัน อย่างของผมเองสามารถจ่ายออนไลน์ได้แล้วได้เลขที่ใบเสร็จเชื่อมต่อกับระบบนัดสัมภาษณ์เลย แต่ของประเทศไทยนี่ต้องจ่ายผ่านธนาคารกรุงศรีฯ ทางเดียวเท่านั้น สรุปว่าจ่ายเงินเสร็จเราจะได้เลขที่ใบเสร็จมา
        เมื่อได้เลขที่ใบเสร็จมาเราก็นำใช้เลขนี้ในการจองวันสัมภาษณ์ จุดนี้มีข้อเสนอแนะเล็กน้อยและคิดว่าเป็นประโยชน์ เมื่อเราจองวันสัมภาษณ์ไปแล้วถ้าอยากเปลี่ยนเราสามารถเปลี่ยนวันสัมภาษณ์ได้ 3 ครั้ง เลื่อนออกไม่น่าจะมีปัญหาเพราะมีวันว่างมากมาย แต่กรณีที่เราอยากสัมภาษณ์ก่อนวันที่เรานัดให้ลองหมั่นเข้าไปตรวจสอบในระบบบางวันจะมีคนที่เปลี่ยนวันสัมภาษณ์ทำให้วันในระบบว่าง ตัวผมตอนแรกได้สัมภาษณ์วันที่ 20 เมษายน แต่ก็ลองหมั่นเช็คดู โชคดีได้วันสัมภาษณ์ว่างตอนวันที่ 12 เมษายน เวลา 09.45 ซึ่งเป็นเวลาที่ดีมาก แต่วันหนึ่งไม่ควรเข้าไปในระบบมากเกินไปนะครับเพราะระบบจะเตือนว่าเราเข้ามาดูใกล้จะเกินจำนวนครั้งที่มาดูได้ในแต่ละวัน ผมเข้าดูวันละ 3 หนเท่านั้น ทั้งๆ ที่คันมืออยากกดดูตลอดเวลา เพิ่มเติมมีช่องทางการขอนัดสัมภาษณ์แบบเร่งด่วนอยู่ซึ่งผมไม่ได้ใช้ช่องทางนั้นถ้าท่านใดสนใจลองศึกษารายละเอียดจากเว็บไซต์ของสถานฑูตหัวข้อเกี่ยวกับการขอวีซ่าได้ครับ ผมไม่ขอกล่าวถึงรายละเอียดตรงนี้
        เอกสารที่เตรียม
        ที่ผมเตรียมไปมี
        1. Invitation Letter จากคนจัดงาน
        2. Transcript ล่าสุดที่เรียนอยู่
        3. หนังสือรับรองสถานะนักเรียน
        4. ใบยืนยัน DS-160 (ได้จากระบบ)
        5. ใบยืนยันการชำระเงิน (ได้จากระบบ)
        6. Statement บัญชีในไทย เผอิญผมได้มีโอกาสกลับมาที่ไทยเลยขอ statement ติดมือมาด้วยเผื่อได้ใช้
        ด้วยความชะล่าใจผมก็เตรียมเอกสารเท่านี้ ในใจคิดไม่ได้จะไปโดดวีซ่าเสียหน่อย ไปนำเสนอแล้วก็กลับ เอกสารแค่นี้พอ ทำให้ส่งผลไปตอนสัมภาษณ์และความล่าช้าในการอนุมัติวีซ่า
        วันสัมภาษณ์
        เป็นวันที่ขลุกขลักมากของผม คิดว่าเตรียมทุกอย่างพร้อมแล้ว เข้าแถวหน้าสถานกงสุล ก็มีเจ้าหน้าที่มาตรวจคิวเช็คหนังสือเดินทางของเราแล้วจะติดสติ๊กเกอร์รายละเอียดของเราลงบนหนังสือเดินทาง โป๊ะแตกที่หนึ่งเริ่มขึ้นเขาขอรูปถ่ายซึ่งผมก็ยื่นให้รูปเดียวกับที่อัพโหลดขึ้นระบบ ระบบก็บอกโอเคก็คิดว่ารูปนี้ใช้ได้ เจ้าหน้าที่บอกไม่ชัดให้ไปถ่ายใหม่ติดสตันไปหนึ่งวินาทีแต่ก็ตามนั้นครับ ไม่เถียงอะไรเขา ตรงข้ามสถานกงสุลก็มีร้านถ่ายรูปแบบซุปเปอร์เร่งด่วนก็ไปเสียทรัพย์ที่ร้านนั้นมาเข้าคิวใหม่ โป๊ะแตกที่สองที่เดินไปที่เครื่องตรวจโลหะเขาให้เอาของใส่บนตระกร้า แต่สิ่งที่เขาไม่เอาเข้าไปคือปากกา โทรศัพท์มือถือ กงสุลแห่งนี้ไม่รับฝากมือถือครับ ถ้าเป็นของไทยที่อ่านในกระทู้พันทิพมาที่ไทยเราจะฝากมือถือได้หนึ่งเครื่อง ก็ต้องระเห็จมาร้านตรงข้ามร้านเดิมที่ถ่ายรูปมีบริการตู้รับฝากของก็เสียทรัพย์อีกรอบ คราวนี้ก็ใช้ให้คุ้มครับเอามือถือ เสื้อนอกกับของอะไรที่ไม่ใช้จับยัดใส่ตู้เลย
        จากนั้นก็เข้าคิวรอสัมภาษณ์ขั้นตอนตรงนี้ก็เหมือนกับที่หลายๆ ท่านเล่าไปแล้วก็คือมีการตรวจเอกสารเบื้องต้น แสกนลายนิ้วมือ คราวนี้มาตอนสัมภาษณ์ เอาเท่าที่จำคำถามได้นะครับ คำถามเป็นภาษาอังกฤษแต่ผมแปลเป็นภาษาไทย
        - ไปทำอะไรที่อเมริกา ผมก็ตอบนำเสนอผลงานที่การประชุม ก. เมือง ข. ครับ แล้วเจ้าหน้าที่ก็ขอ Invitation Letter
        - ไปกี่วัน ผมตอบ 6 วันตามที่กรอกใน DS-160
        - ไปกับใคร ตอบคนเดียวตามที่กรอกใน DS-160
        - เคยไปประเทศไหนมาบ้าง ผมก็ตอบ ญี่ปุ่น สิงคโปร์ (ตอบตามที่มีตราปั๊มในหนังสือเดินทาง)
        - คุณเป็น student หรือ professor ผมตอบ student ครับ (มิบังอาจเป็น professor)
        - เรียนมากี่ปีแล้ว ผมตอบ หนึ่งปีครึ่งครับก็ตามที่กรอกใน DS-160
        - ป.ตรี เรียนสาขาอะไร ผมก็ตอบไป สาขา X ที่มหาวิทยาลัย Y
        - ขอดู statement ผมก็ยื่นอันของบัญชีไทยให้ไปเพราะบัญชีของประเทศที่ผมเรียนอยู่นี่ไม่รู้ขออย่างไร
        - ทำวิจัยเรื่องอะไร ก็ตอบหัวข้อวิจัยไป
        - ไปนำเสนอเรื่องอะไร ผมก็ตอบชื่อเปเปอร์ไป
        - งานนี้เกี่ยวข้องกับหัวข้อที่กำลังศึกษาไหม ผมก็ตอบใช่ครับ
        จากนี้หนังชีวิตเล็กๆ เริ่มบังเกิด
        - ขอดูตัวเปเปอร์ที่จะนำไปเสนอหน่อย อึ้งเลยครับเพราะไม่ได้เตรียมมา ก็บอกไปว่าไม่ได้เตรียมมา
        - ขอดู CV หน่อย นี่ก็อึ้งสองเพราะไม่ได้เตรียมมาและไม่เคยคิดว่าจะต้องใช้ เพราะที่อ่านรีวิวการขอวีซ่าบนพันทิพมาไม่เคยเจอเจ้าหน้าที่ขอดูเอกสารตัวนี้เลย แต่มี Transcript กับเอกสารรับรองการเป็นนักศึกษาเลยลองถามเจ้าหน้าที่ว่ามีอันนี้จะดูไหม เขาก็รับไปดูแล้วก็คืนมา
        - ขอดู Travel plan หน่อย นี่ก็ไม่ได้เตรียมมาอีกเช่นกันเพราะคิดว่าไปถึงนำเสนอแล้วก็กลับเลย
        แล้วเจ้าหน้าที่ก็พิมพ์ก๊อกๆ แก๊กๆ ไปสักครู่ ก็ยื่นเอกสารใบฟ้ามาบอกว่าตอนนี้เรายังให้วีซ่าคุณไม่ได้ ทางเราขอเอกสารเพิ่ม 3 อย่าง คือ CV แผนการเดินทางและตัวเปเปอร์ที่นำเสนอ เขาไม่ได้คืนวีซ่ามานะครับเขาเก็บไปพร้อมกับ Invitation Letter แต่เขาบอกว่ากรณีของคุณต้องส่งไปให้ทาง DC เป็นคนตรวจสอบ อาจจะใช้เวลา 3 - 4 สัปดาห์ คอตกเลยครับผม ผมก็ส่งสายตาอ้อนเล็กๆ ว่าช่วยโน้ตไว้หน่อยว่าต้องใช้วีซ่าด่วน เจ้าหน้าที่เขาก็เขียนกระดาษใบน้อยติดไว้กับหนังสือเดินทางผม
        ผมก็ทำใจตามนั้นรับใบสีฟ้ามากลับถึงที่พักก็จัดการเตรียมเอกสารที่เขาร้องขอ กรณีที่ผมโดนคือการปฏิเสธการขอวีซ่าชั่วคราวตามมาตรา 221(g) รายละเอียดตรงนี้ผมขอแบ่งปันกับทุกท่านเพราะเวลาโดนปฏิเสธวีซ่าท่องเที่ยวโดยมากที่สังเกตมาจะโดนมาตรา 214 (b) กัน ในเอกสารใบสีฟ้าที่ชี้แจงรายละเอียดการปฏิเสธวีซ่ากรณีผมเขาขอเพิ่มเติม 3 สิ่ง
        1. CV จะมีตัวอย่าง CV ที่ http://go.usa.gov/JZET ไปดูตัวอย่างได้
        2. แผนการเดินทาง เอกสารตัวนี้ผมก็ตีตารางเล่ารายละเอียดตั้งแต่เมืองที่ผมอยู่จนเข้าแผ่นดินอเมริกาว่าใช้สายการบินไหน ผ่านสนามบินไหน เวลาไหน (ข้อมูลนี้ก็เอามาจากเว็บจองสายการบิน ผมใช้ของ eDreams) เมื่อถึงอเมริกาแล้วพักที่ไหน (ข้อมูลที่พักที่จองไว้จาก Booking.com) แต่ละวันทำอะไรบ้าง (ก็เอารายละเอียดงานประชุมวิชาการที่หน้าเว็บไซต์ของงานมาใช้)
        3. เปเปอร์ที่นำเสนอ อันนี้ไม่มีปัญหาส่งให้ได้เลย
        ผมก็รวบรวมเอกสารนี้ส่งทาง e-mail ตามที่ระบุบนเอกสารใบสีฟ้าที่เจ้าหน้าที่ยื่นให้มา จากนั้นสิ่งเดียวที่ทำได้ก็คือภาวนาและรอ เพราะกรณีที่โดนปฏิเสธวีซ่าตามมาตรา 221(g) นี้เท่าที่ค้นจาก Google เวลาดำเนินการแล้วแต่กรณีมีตั้งแต่ 3 วันจนถึง 2 ปี กรณีที่นานนั้นเท่าที่ค้นมาคือผู้ที่ขอวีซ่าพำนักถาวรหรือวีซ่าแต่งงาน แต่จากข้อมูลหน้าเว็บไซต์ของการขอวีซ่ากรณีมาตรา 221 (g) นี้อาจจะมีขั้นตอนการดำเนินการเฉลี่ย 30 - 60 วัน ถ้าเราไปตรวจสอบสถานะหนังสือเดินทางของเราบนระบบระบบจะแสดงสถานะ Administration Processing ส่วนกรณีผมโชคดีครับสถานะการขอวีซ่าเริ่ม 12 เมษายน 2561 ระหว่างนั้นสถานะเป็น Administration Processing สถานะเมื่อ 16 เมษายน 2561 เปลี่ยนเป็น Issued และได้รับเมื่อ 19 เมษายน 2561 ผมเลือกรับแบบไปเอาเองไม่ส่งทางไปรษณีย์เพราะกลัวหายกลางทางครับ ก็ได้วีซ่าอเมริกามา 10 ปี แบบหวาดเสียวเพราะอีกอาทิตย์จะบินแล้ว
       ต้องขออภัยที่ยาวแต่อยากจะแบ่งปันกับทุกท่าน ขอขอบคุณที่ตามอ่าน ผิดพลาดประการใดก็ขออภัย หรือท่านใดมีข้อมูลเพิ่มเติมก็เรียนเชิญครับ

       สรุป
       ผมขอวีซ่าไปอเมริกาจากสถานกงสุลที่ตั้งอยู่ต่างประเทศ เพื่อไปนำเสนอผลงานในการประชุมวิชาการที่อเมริกา แต่มีข้อผิดพลาดบางอย่างเลยมาเล่าสู่กันฟังเผื่อเป็นประโยชน์บ้าง
        1. รูปถ่ายควรศึกษารายละเอียดข้อกำหนดรูปถ่ายที่ต้องใช้ครับ ผมใช้รูปที่ถ่ายจากไทยไป ขนาดไม่ได้และความชัดเจนไม่พอ ต้องถ่ายใหม่
        2. ข้อมูลที่กรอกใน DS-160 กรอกให้ละเอียดและถูกต้องเท่าที่จะเป็นไปได้ครับ
        3. เอกสารที่เตรียมควรเตรียมไปให้พร้อมเผื่อไว้ในกรณีที่เจ้าหน้าที่เรียกดู อย่างของผมลืมเตรียม CV แผนการเดินทางและเปเปอร์ที่จะเอาไปนำเสนอ ทำให้โดนปฏิเสธการขอวีซ่าชั่วคราว
            - ตัวอย่าง CV ดูได้จาก  http://go.usa.gov/JZET
        4. กรณีที่ผมโดนคือการปฏิเสธการขอวีซ่าตามมาตรา 221(g) ต้องการเอกสารเพิ่มซึ่งเจ้าหน้าที่ที่สัมภาษณ์เราจะระบุเลยว่าขออะไรบ้าง หลังจากส่งแล้วระยะเวลาดำเนินการแล้วแต่กรณีเราไม่สามารถเร่งรัดสถานกงสุลหรือสถานฑูตได้เพราะต้องส่งเรื่องไปให้ Washington DC ดำเนินการ การส่งเอกสารเพิ่มเติมนี้ควรจะกระทำในระยะเวลา 1 ปี ไม่อย่างนั้นต้องดำเนินการขอวีซ่าใหม่หมด
        5. อย่าเพิ่งใจร้อนจองตั๋วเครื่องบินก่อนได้วีซ่าครับ ผมดันห้าวจองตั๋วรูดบัตรเรียบร้อย กะว่าได้วีซ่าชัวร์ จ่ายค่าร่วมงาน Conference เรียบร้อยแต่ยังไม่ได้วีซ่าวันนั้นนี่เซ็งเลยครับ

        สุดท้าย
        จากการสังเกตอาชีพทำเงินแถวสถานฑูตหรือกงสุลนี่คือรับฝากของกับรับถ่ายภาพอัดภาพแบบซุปเปอร์เร่งด่วน ตอนผมเดินกลับออกมาเอาของจากตู้รับฝากเห็นเจ้าของร้านถือเงินเป็นปึก วันหนึ่งคงได้มากโขอยู่ กลายเป็นหนึ่งในอาชีพในฝันที่อยากจะทำ ทำงานแค่ครึ่งวันเอง หัวเราะ

        อ้างอิง
        - ตรวจสอบสถานะการขอวีซ่า https://ceac.state.gov/CEACStatTracker/Status.aspx?eQs=WwjqOlbeRYzCYubaSQI+RA==
        - เวปไซต์การขอวีซ่าอเมริกาแยกตามทวีปเลือกจิ้มเอาครับ http://www.ustraveldocs.com/
        - ตัวอย่าง CV http://go.usa.gov/JZET
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่