สวัสดีครับ นี่เป็นกระทู้แรกของผม โดยผมยืมแอคเคาท์ของน้องโพสต์ครับ หากผิดพลาดประการใดต้องขออภัยด้วยครับ
ผมอยากจะแชร์ประสบการณ์ที่เกิดขึ้นจริงกับผมให้ฟังครับ ที่นำมาเล่าในครั้งนี้ไม่ได้มีเจตนาจะให้ร้ายหรือโจมตีทางโครงการนะครับ แต่อยากลงไว้เพื่อเป็นอุทธาหรณ์ให้แก่ผู้ที่จะซื้อคอนโดระมัดระวัง ในส่วนของการโอนให้มากขึ้น
เมื่อปลายปี 2559 ผมกับกลุ่มเพื่อนมีความคิดว่าอยากลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ เพื่ออยู่อาศัยและเป็นการออมเงินในสินทรัพย์ด้วย ในส่วนทำเลที่พวกเราอยากเลือกกัน เน้นเป็นโซนใกล้รถไฟฟ้า เนื่องจากเป็นพนักงานบริษัทมนุษย์เงินเดือนพวกเรา จึงคิดว่าจะซื้อคอนโดไว้อยู่หรือลงทุนบ้างก็น่าจะดี จนกระทั่งได้มาเจอคอนโดแห่งหนึ่ง ผมขอใช้ชื่อ โอรีโอ โอๆ นะครับ ซึ่งอยู่ติดถนนสรรพาวุธ ส่วนกลางใหญ่ใกล้แยกบางนา ณ ตอนนั้นยังเป็นคอนโดที่พึ่งเริ่มก่อสร้างจึงเป็นการซื้อพรีเซลล์ พวกผมเปรียบเทียบกับคอนโดโครงการอื่นที่ทำเลอยู่บริเวณตรงนั้น ประมาณ 4-5 ที่จึงตัดสินใจซื้อเพราะน้องฝ่ายขายให้บริการด้านข้อมูลดี ช่วยตอบคำถามลูกค้า มีservice mind สูง และราคาที่จูงใจ คาดว่าในอนาคตราคาจะสูงขึ้นเพราะจะมีห้างบางกอกมอลล์ (ข้อมูลจากฝ่ายขาย) ผมจึงตัดสินใจจองด้วยเงินดาวน์ 20,000 บาท และตามมาด้วยเงินค่าทำสัญญา 107,800
ซึ่งในสัญญาที่ได้มา กำหนดวันเสร็จของโครงการคร่าวๆประมาณ 31 ธันวาคม 2561 แต่ทั้งนี้ในสัญญาก็ยังระบุว่าสามารถเรียกให้ผู้ซื้อรับโอนกรรมสิทธิ์ก่อนกำหนดระยะเวลาได้ โดยแจ้งล่วงหน้าให้ผู้ซื้อทราบไม่น้อยกว่าสามสิบวัน (ตัวหนาขีดเส้นใต้)
จากนั้นผมก็จ่ายเงินดาวน์มาตลอด โดยมีวิธีการดังนี้(รูป 1 ) โดยผมเลือกใช้เป็นระบบที่ 2 คือBill Payment จ่ายที่เคาน์เตอร์ธนาคารกรุงไทย
ระบบนี้จะมีข้อดีคือ ธนาคารจะบันทึกชื่อลูกค้าและข้อมูลอ้างอิง ให้ทำให้โครงการรู้ได้เลยว่าโอนมาจากใคร ไม่เหมือนการโอนเงินธรรมดา
เหตุการณ์ก็ปกติก็ผ่อนเงินดาวน์มาเรื่อยๆ เพราะกำหนดสร้างแล้วเสร็จเกือบ 2 ปีโดยมีหนังสือแจ้งความคืบหน้าโครงการมาให้ แต่ในช่วงนี้ผมก็ยังไม่ได้เข้าไปดูสถานที่จริงเนื่องจากช่วงนั้นทำงานอยู่ต่างจังหวัดเป็นส่วนใหญ่
ในช่วงปลายปี 60 โครงการได้ส่งหนังสือมาว่าโครงการได้ใกล้จะเสร็จแล้วให้มาทำการตรวจรับห้องและโอนกรรมสิทธิ์ได้กลางเดือนตุลาคม 2560 เป็นต้นไป จากนั้นได้มีเจ้าหน้าที่ฝ่ายขายได้โทรมาย้ำเตือนอีกรอบนึง ซึ่งตอนนั้นผมทำงานอยู่ต่างจังหวัดและปลายปีก็มีแพลนไปต่างประเทศอยู่ก่อนแล้ว จึงตอบไปทางโทรศัพท์ว่าอาจเข้าไปดูช่วงต้นปีหน้า
พอถึงช่วงต้นปี61 ฝ่ายขายโทรมาตามให้ตรวจห้องเป็นรอบที่2บอกว่ามีหนังสือส่งไปได้รับหรือยัง ผมบอกยังแต่จะรีบกลับไปดู ฝ่ายขายย้ำว่า “ยังประสงค์จะเอาห้องอยู่ไหม”
ตอนแรกผมก็แปลกใจ ผมบอกยังเอาอยู่ครับ
ฝ่ายขายบอก ให้รีบมาตรวจรับห้องก่อนซักรอบก็ยังดี
จากนั้นจึงรีบกลับมาดูที่บ้านว่ามีเอกสารอะไรมาหรือไม่ ปรากฏว่ามีเป็นจดหมายลงทะเบียนต้องเซ็นรับ ซึงหนังสือนั้นคือหนังสือบอกเลิกสัญญาจะทำการริบเงินดาวน์ ถ้าไม่รีบไปโอน
ผมก็ร้อนรนมาก ไม่คิดว่าโครงการจะเสร็จรวดเร็วขนาดนี้
ประมาณกลางเดือนมกราคมผมจึง เข้าไปที่โครงการเพื่อขอทำการนัดตรวจห้องและทำเรื่องกู้ธนาคารผ่านโครงการ แต่สภาพของโครงการคือ ส่วนกลางของโครงการยังไม่เสร็จดี มีช่างในโครงการทำงานอยู่ และบริเวณตึกค่อนข้างเลอะ ฝุ่นเยอะ
หลังจากทำเรื่องกับธนาคารแล้วจึงทำการนัดตรวจห้องวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2561
18 กุมภาพันธ์นัดตรวจห้อง (นัดช่างตรวจบ้านข้างนอกมาตรวจ) สภาพห้องที่เห็นมีจุดบกพร่องที่ต้องแก้ไขบ้าง (40 กว่าจุด) ห้องยังไม่ได้ทำความสะอาดช่างโครงการบอกรอทำครั้งเดียวก่อนโอน และกระเบื้องในห้องน้ำระดับลาดเอียงไม่ได้ทำให้น้ำขัง ซึ่งเป็นจุดใหญ่ที่ผมกังวล
ซึ่งผมขอให้ช่างช่วยแก้ไข ช่างที่โครงการรับปากว่าจะแก้ไขให้ทุกอย่าง
ใช้ระยะเวลาประมาณ 1 เดือน
หลังจากนั้นไม่กี่วันทางทีมขาย ก็โทรมาแจ้งว่า ผลแบงค์อนุมัติแล้ว
บอกว่าผมประสงค์จะโอนภายในเดือนนี้ไหม (ภายในกุมภาพันธ์2561)
ผมเห็นว่าห้องยังซ่อมไม่เสร็จ จึงตัดสินใจยังไม่โอนซึ่งทางฝ่ายขาย แจ้งว่าการซ่อมกับโอนเป็นคนละส่วนกันถ้าโอนแล้วก็ยังสามารถเรียกช่างมาซ่อมได้ตลอดเวลาจนกว่าเราจะพอใจ
และชักจูงให้โอนภายใน เดือนกุมภาฯนี้จะได้โปรโมชั่นที่น่าสนใจของโครงการ
ซึ่งมีฟรีค่าส่วนกลาง1 ปี ฟรีค่าทำเนียมการโอน
ฝ่ายขายบอกว่าถ้ารอเสร็จแล้วโอนเดือนหน้าก็อาจไม่มีโปรโมชั่นนี้
ผมก็ตัดสินใจแล้วว่าต้องให้ซ่อมเสร็จก่อนถึงจะโอนเพราะไม่อยากยุ่งยากไปตามซ่อมทีหลัง อยากให้ห้องมันออกมาดีพร้อมอยู่ และไม่อยากฝากกุญแจให้คนมาซ่อมตอนที่เราเข้าอยู่แล้ว
หลังจากนั้น 1 เดือนวันที่ 17 มีนาคม 2561 ผมทำการตรวจห้องครั้งที่ 2
ห้องได้รับการซ่อมเรียบร้อย ผมเซ็นรับห้องและพร้อมที่จะโอนภายในเดือนนั้น ซึ่งทางฝ่ายขาย ได้ขอโปรโมชั่นเดิมไว้ให้ แต่เนื่องจากการสื่อสารและประสานงานที่ผิดพลาดระหว่างโครงการและแบงค์ ทำให้ผมได้รับใบแจ้งยอดโอนในวันที่ 30 ดังนี้ ซึ่งเจ้าหน้าที่แบงค์ส่งมาให้ผม (ดังรูป)
ซึ่งยอดที่ผมได้ในตอนแรกนั้นค่อนข้างผิดไปจากที่ประสานงานกันไว้ ผมจึงรีบให้แบงค์ตามโครงการในส่วนของรายละเอียดค่าใช้จ่าย และได้สอบถามว่าได้มีการคุยกับทางโครงการให้ผมไหม
จากนั้นแบงค์ทำการส่งมาให้ผมใหม่ 30/3/61 ช่วงเย็น ดังนี้
ซึ่งรายละเอียดไม่เป็นไปตามที่ตกลงไว้และไม่สามารถโอนกรรมสิทธิ์ได้ทัน
จากเหตุการณ์นี้ทำให้ผมไม่ได้รับ โปรโมชั่นตามที่ตกลงกันไว้ในตอนแรก ผมพยายามเจรจาต่อรองในวันที่ 31 ถึงเหตุสุดวิสัยที่เกิดขึ้นในวันที่30 และพร้อมที่จะโอนให้เร็วที่สุดและทำการเปลี่ยนแบงค์เพื่อขอความเมตตาแต่โครงการแจ้งว่าเป็นความผิดพลาดของธนาคารที่ทำให้ลูกค้าล่าช้าให้ไปขอค่าชดเชยจากธนาคาร
จากนั้นวันที่ 1 ผมเริ่มพิจารณา ใบสรุปราคาอย่างละเอียดพบว่ามีบางอย่างผิดปกติ
ผมขอให้เพื่อนที่เคยโอนห้องส่งรายละเอียดมาเปรียบเทียบ
พบว่าน่าจะมีการคิดเงินดาวน์ ผิด จึงแจ้งทางฝ่ายขายว่าคิดตัวเลขผิด
แต่ทางนั้นตอบกลับทันควันยืนยันว่าคิดถูกต้อง
ผมเริ่มหงุดหงิดไม่สบายใจ
ไม่แน่ใจว่ากี่งวด จึงไปตามค้นใบ Pay ที่เคยจ่ายไปตั้งแต่ปี 59- ต้นปี61 พบว่ามีดังนี้
ใบ 999*9 ใบ
ใบ 3500*6 ใบ
รวมเป็นยอดเงินดาวน์อย่างน้อย 29,991+20,000+107,800 = 157,791 บาทอย่างแน่นอน
ซึ่งที่ทางโครงการส่งให้ ยอด 147,291
ผมทำการโทรศัพท์ร้องเรียนไปที่ส่วนกลางทันที (วันที่ 1 เมษายน 2561) ด้วยความโมโห
ส่วนกลางรับฟังเรื่องราวทั้งหมดพร้อมบอกจะรีบจัดการภาย 1- 2 วัน
แต่ ณ วันนี้ ผมยังไม่ได้รับการติดต่อใดๆจากโครงการเลย (3 สัปดาห์แล้วครับ)
ผมจึงทำหนังสือพร้อมทั้ง email แจ้งไปที่โครงการอีกรอบว่าประสงค์จะโอนห้องให้ช่วยดำเนินการแก้ไขหรือยืนยันข้อมูลเพื่อความถูกต้องด้วย
พร้อมทั้ง โพสต์เรื่องราวให้ผู้บริโภครู้เท่าทันข้อผิดพลาด (หรือกลโกง??) ของบริษัทใหญ่
ซึ่งท่านอาจเสียเงินดาวน์โดยไม่รู้ตัว โครงการ มีเป็นร้อยเป็นพันห้องและหลายโครงการ ผิดพลาดไปห้องละ 10,000 ตัวเลขเท่าไหร่ทุกคนน่าจะคิดได้
สำหรับคนที่มอบอำนาจก็ต้องเพิ่มความละเอียดรอบคอบ เพราะจะเป็นวิธีการที่โครงการนี้ชอบใช้ให้เร่งโอน แต่หลอกว่าอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้า
ได้เงินโปรมาแต่เสียเงินดาวน์ไม่รู้ตัว
แต่เดี๋ยวก่อน แล้วค่านี้มันมาจากอะไร ผมรอโครงการชี้แจงอยู่
ใครเคยมีประสบการณ์แบบผม หรือมีคำแนะนำอะไรช่วยทีครับ เพราะตอนนี้ยังไม่ได้รับการแก้ปัญหาใดๆจากโครงการเลย
ผมยินดีน้อมรับคำแนะนำครับ ถ้า Tag ผิดห้องต้องขออภัยด้วยครับ
คอนโดเร่งโอน แต่คำนวนเงินดาวน์ผิด แจ้งแล้วแต่ไม่แก้ไข ใครมีประสบการณ์ช่วยแนะนำที ?
ผมอยากจะแชร์ประสบการณ์ที่เกิดขึ้นจริงกับผมให้ฟังครับ ที่นำมาเล่าในครั้งนี้ไม่ได้มีเจตนาจะให้ร้ายหรือโจมตีทางโครงการนะครับ แต่อยากลงไว้เพื่อเป็นอุทธาหรณ์ให้แก่ผู้ที่จะซื้อคอนโดระมัดระวัง ในส่วนของการโอนให้มากขึ้น
เมื่อปลายปี 2559 ผมกับกลุ่มเพื่อนมีความคิดว่าอยากลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ เพื่ออยู่อาศัยและเป็นการออมเงินในสินทรัพย์ด้วย ในส่วนทำเลที่พวกเราอยากเลือกกัน เน้นเป็นโซนใกล้รถไฟฟ้า เนื่องจากเป็นพนักงานบริษัทมนุษย์เงินเดือนพวกเรา จึงคิดว่าจะซื้อคอนโดไว้อยู่หรือลงทุนบ้างก็น่าจะดี จนกระทั่งได้มาเจอคอนโดแห่งหนึ่ง ผมขอใช้ชื่อ โอรีโอ โอๆ นะครับ ซึ่งอยู่ติดถนนสรรพาวุธ ส่วนกลางใหญ่ใกล้แยกบางนา ณ ตอนนั้นยังเป็นคอนโดที่พึ่งเริ่มก่อสร้างจึงเป็นการซื้อพรีเซลล์ พวกผมเปรียบเทียบกับคอนโดโครงการอื่นที่ทำเลอยู่บริเวณตรงนั้น ประมาณ 4-5 ที่จึงตัดสินใจซื้อเพราะน้องฝ่ายขายให้บริการด้านข้อมูลดี ช่วยตอบคำถามลูกค้า มีservice mind สูง และราคาที่จูงใจ คาดว่าในอนาคตราคาจะสูงขึ้นเพราะจะมีห้างบางกอกมอลล์ (ข้อมูลจากฝ่ายขาย) ผมจึงตัดสินใจจองด้วยเงินดาวน์ 20,000 บาท และตามมาด้วยเงินค่าทำสัญญา 107,800
ซึ่งในสัญญาที่ได้มา กำหนดวันเสร็จของโครงการคร่าวๆประมาณ 31 ธันวาคม 2561 แต่ทั้งนี้ในสัญญาก็ยังระบุว่าสามารถเรียกให้ผู้ซื้อรับโอนกรรมสิทธิ์ก่อนกำหนดระยะเวลาได้ โดยแจ้งล่วงหน้าให้ผู้ซื้อทราบไม่น้อยกว่าสามสิบวัน (ตัวหนาขีดเส้นใต้)
จากนั้นผมก็จ่ายเงินดาวน์มาตลอด โดยมีวิธีการดังนี้(รูป 1 ) โดยผมเลือกใช้เป็นระบบที่ 2 คือBill Payment จ่ายที่เคาน์เตอร์ธนาคารกรุงไทย
ระบบนี้จะมีข้อดีคือ ธนาคารจะบันทึกชื่อลูกค้าและข้อมูลอ้างอิง ให้ทำให้โครงการรู้ได้เลยว่าโอนมาจากใคร ไม่เหมือนการโอนเงินธรรมดา
เหตุการณ์ก็ปกติก็ผ่อนเงินดาวน์มาเรื่อยๆ เพราะกำหนดสร้างแล้วเสร็จเกือบ 2 ปีโดยมีหนังสือแจ้งความคืบหน้าโครงการมาให้ แต่ในช่วงนี้ผมก็ยังไม่ได้เข้าไปดูสถานที่จริงเนื่องจากช่วงนั้นทำงานอยู่ต่างจังหวัดเป็นส่วนใหญ่
ในช่วงปลายปี 60 โครงการได้ส่งหนังสือมาว่าโครงการได้ใกล้จะเสร็จแล้วให้มาทำการตรวจรับห้องและโอนกรรมสิทธิ์ได้กลางเดือนตุลาคม 2560 เป็นต้นไป จากนั้นได้มีเจ้าหน้าที่ฝ่ายขายได้โทรมาย้ำเตือนอีกรอบนึง ซึ่งตอนนั้นผมทำงานอยู่ต่างจังหวัดและปลายปีก็มีแพลนไปต่างประเทศอยู่ก่อนแล้ว จึงตอบไปทางโทรศัพท์ว่าอาจเข้าไปดูช่วงต้นปีหน้า
พอถึงช่วงต้นปี61 ฝ่ายขายโทรมาตามให้ตรวจห้องเป็นรอบที่2บอกว่ามีหนังสือส่งไปได้รับหรือยัง ผมบอกยังแต่จะรีบกลับไปดู ฝ่ายขายย้ำว่า “ยังประสงค์จะเอาห้องอยู่ไหม”
ตอนแรกผมก็แปลกใจ ผมบอกยังเอาอยู่ครับ
ฝ่ายขายบอก ให้รีบมาตรวจรับห้องก่อนซักรอบก็ยังดี
จากนั้นจึงรีบกลับมาดูที่บ้านว่ามีเอกสารอะไรมาหรือไม่ ปรากฏว่ามีเป็นจดหมายลงทะเบียนต้องเซ็นรับ ซึงหนังสือนั้นคือหนังสือบอกเลิกสัญญาจะทำการริบเงินดาวน์ ถ้าไม่รีบไปโอน
ผมก็ร้อนรนมาก ไม่คิดว่าโครงการจะเสร็จรวดเร็วขนาดนี้
ประมาณกลางเดือนมกราคมผมจึง เข้าไปที่โครงการเพื่อขอทำการนัดตรวจห้องและทำเรื่องกู้ธนาคารผ่านโครงการ แต่สภาพของโครงการคือ ส่วนกลางของโครงการยังไม่เสร็จดี มีช่างในโครงการทำงานอยู่ และบริเวณตึกค่อนข้างเลอะ ฝุ่นเยอะ
หลังจากทำเรื่องกับธนาคารแล้วจึงทำการนัดตรวจห้องวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2561
18 กุมภาพันธ์นัดตรวจห้อง (นัดช่างตรวจบ้านข้างนอกมาตรวจ) สภาพห้องที่เห็นมีจุดบกพร่องที่ต้องแก้ไขบ้าง (40 กว่าจุด) ห้องยังไม่ได้ทำความสะอาดช่างโครงการบอกรอทำครั้งเดียวก่อนโอน และกระเบื้องในห้องน้ำระดับลาดเอียงไม่ได้ทำให้น้ำขัง ซึ่งเป็นจุดใหญ่ที่ผมกังวล
ซึ่งผมขอให้ช่างช่วยแก้ไข ช่างที่โครงการรับปากว่าจะแก้ไขให้ทุกอย่าง
ใช้ระยะเวลาประมาณ 1 เดือน
หลังจากนั้นไม่กี่วันทางทีมขาย ก็โทรมาแจ้งว่า ผลแบงค์อนุมัติแล้ว
บอกว่าผมประสงค์จะโอนภายในเดือนนี้ไหม (ภายในกุมภาพันธ์2561)
ผมเห็นว่าห้องยังซ่อมไม่เสร็จ จึงตัดสินใจยังไม่โอนซึ่งทางฝ่ายขาย แจ้งว่าการซ่อมกับโอนเป็นคนละส่วนกันถ้าโอนแล้วก็ยังสามารถเรียกช่างมาซ่อมได้ตลอดเวลาจนกว่าเราจะพอใจ
และชักจูงให้โอนภายใน เดือนกุมภาฯนี้จะได้โปรโมชั่นที่น่าสนใจของโครงการ
ซึ่งมีฟรีค่าส่วนกลาง1 ปี ฟรีค่าทำเนียมการโอน
ฝ่ายขายบอกว่าถ้ารอเสร็จแล้วโอนเดือนหน้าก็อาจไม่มีโปรโมชั่นนี้
ผมก็ตัดสินใจแล้วว่าต้องให้ซ่อมเสร็จก่อนถึงจะโอนเพราะไม่อยากยุ่งยากไปตามซ่อมทีหลัง อยากให้ห้องมันออกมาดีพร้อมอยู่ และไม่อยากฝากกุญแจให้คนมาซ่อมตอนที่เราเข้าอยู่แล้ว
หลังจากนั้น 1 เดือนวันที่ 17 มีนาคม 2561 ผมทำการตรวจห้องครั้งที่ 2
ห้องได้รับการซ่อมเรียบร้อย ผมเซ็นรับห้องและพร้อมที่จะโอนภายในเดือนนั้น ซึ่งทางฝ่ายขาย ได้ขอโปรโมชั่นเดิมไว้ให้ แต่เนื่องจากการสื่อสารและประสานงานที่ผิดพลาดระหว่างโครงการและแบงค์ ทำให้ผมได้รับใบแจ้งยอดโอนในวันที่ 30 ดังนี้ ซึ่งเจ้าหน้าที่แบงค์ส่งมาให้ผม (ดังรูป)
ซึ่งยอดที่ผมได้ในตอนแรกนั้นค่อนข้างผิดไปจากที่ประสานงานกันไว้ ผมจึงรีบให้แบงค์ตามโครงการในส่วนของรายละเอียดค่าใช้จ่าย และได้สอบถามว่าได้มีการคุยกับทางโครงการให้ผมไหม
จากนั้นแบงค์ทำการส่งมาให้ผมใหม่ 30/3/61 ช่วงเย็น ดังนี้
ซึ่งรายละเอียดไม่เป็นไปตามที่ตกลงไว้และไม่สามารถโอนกรรมสิทธิ์ได้ทัน
จากเหตุการณ์นี้ทำให้ผมไม่ได้รับ โปรโมชั่นตามที่ตกลงกันไว้ในตอนแรก ผมพยายามเจรจาต่อรองในวันที่ 31 ถึงเหตุสุดวิสัยที่เกิดขึ้นในวันที่30 และพร้อมที่จะโอนให้เร็วที่สุดและทำการเปลี่ยนแบงค์เพื่อขอความเมตตาแต่โครงการแจ้งว่าเป็นความผิดพลาดของธนาคารที่ทำให้ลูกค้าล่าช้าให้ไปขอค่าชดเชยจากธนาคาร
จากนั้นวันที่ 1 ผมเริ่มพิจารณา ใบสรุปราคาอย่างละเอียดพบว่ามีบางอย่างผิดปกติ
ผมขอให้เพื่อนที่เคยโอนห้องส่งรายละเอียดมาเปรียบเทียบ
พบว่าน่าจะมีการคิดเงินดาวน์ ผิด จึงแจ้งทางฝ่ายขายว่าคิดตัวเลขผิด
แต่ทางนั้นตอบกลับทันควันยืนยันว่าคิดถูกต้อง
ผมเริ่มหงุดหงิดไม่สบายใจ
ไม่แน่ใจว่ากี่งวด จึงไปตามค้นใบ Pay ที่เคยจ่ายไปตั้งแต่ปี 59- ต้นปี61 พบว่ามีดังนี้
ใบ 999*9 ใบ
ใบ 3500*6 ใบ
รวมเป็นยอดเงินดาวน์อย่างน้อย 29,991+20,000+107,800 = 157,791 บาทอย่างแน่นอน
ซึ่งที่ทางโครงการส่งให้ ยอด 147,291
ผมทำการโทรศัพท์ร้องเรียนไปที่ส่วนกลางทันที (วันที่ 1 เมษายน 2561) ด้วยความโมโห
ส่วนกลางรับฟังเรื่องราวทั้งหมดพร้อมบอกจะรีบจัดการภาย 1- 2 วัน
แต่ ณ วันนี้ ผมยังไม่ได้รับการติดต่อใดๆจากโครงการเลย (3 สัปดาห์แล้วครับ)
ผมจึงทำหนังสือพร้อมทั้ง email แจ้งไปที่โครงการอีกรอบว่าประสงค์จะโอนห้องให้ช่วยดำเนินการแก้ไขหรือยืนยันข้อมูลเพื่อความถูกต้องด้วย
พร้อมทั้ง โพสต์เรื่องราวให้ผู้บริโภครู้เท่าทันข้อผิดพลาด (หรือกลโกง??) ของบริษัทใหญ่
ซึ่งท่านอาจเสียเงินดาวน์โดยไม่รู้ตัว โครงการ มีเป็นร้อยเป็นพันห้องและหลายโครงการ ผิดพลาดไปห้องละ 10,000 ตัวเลขเท่าไหร่ทุกคนน่าจะคิดได้
สำหรับคนที่มอบอำนาจก็ต้องเพิ่มความละเอียดรอบคอบ เพราะจะเป็นวิธีการที่โครงการนี้ชอบใช้ให้เร่งโอน แต่หลอกว่าอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้า
ได้เงินโปรมาแต่เสียเงินดาวน์ไม่รู้ตัว
แต่เดี๋ยวก่อน แล้วค่านี้มันมาจากอะไร ผมรอโครงการชี้แจงอยู่
ใครเคยมีประสบการณ์แบบผม หรือมีคำแนะนำอะไรช่วยทีครับ เพราะตอนนี้ยังไม่ได้รับการแก้ปัญหาใดๆจากโครงการเลย
ผมยินดีน้อมรับคำแนะนำครับ ถ้า Tag ผิดห้องต้องขออภัยด้วยครับ