[๖๓] ดูกรอานนท์ บุคคลเมื่อเล็งเห็นอัตตา ย่อมเล็งเห็นด้วยเหตุมี ประมาณเท่าไร
ก็บุคคลเมื่อเล็งเห็น
เวทนาเป็นอัตตา
ย่อมเล็งเห็นว่า
เวทนาเป็น อัตตาของเรา
ถ้า
เวทนา ไม่เป็นอัตตาของเราแล้ว
อัตตาของเราก็ไม่ต้องเสวยเวทนา
อานนท์
หรือเล็งเห็นอัตตา ดังนี้ว่า
เวทนาไม่เป็นอัตตาของเราเลย
จะว่าอัตตา ของเราไม่ต้องเสวยเวทนาก็ไม่ใช่
อัตตาของเรายังต้อง เสวยเวทนาอยู่
เพราะฉะนั้น
อัตตาของเรามีเวทนาเป็นธรรมดา
อานนท์ บรรดาความเห็น ๓ อย่างนั้น ผู้ที่กล่าว อย่างนี้ว่า
เวทนาเป็นอัตตาของเรา เขาจะพึงถูกซักถามอย่างนี้ว่า
อาวุโส เวทนามี ๓ อย่างนี้ คือ
สุขเวทนา ทุกขเวทนา อทุกขมสุขเวทนา
บรรดาเวทนา ๓ ประการนี้
ท่านเล็งเห็นอันไหนโดย
ความเป็นอัตตา
อานนท์
ในสมัยใด
อัตตา เสวยสุขเวทนา ในสมัยนั้น
ไม่ได้เสวยทุกขเวทนา ไม่ได้เสวยอทุกขมสุขเวทนา
คงเสวยแต่สุขเวทนาอย่างเดียวเท่านั้น
อานนท์
ในว่า
ถ้าเวทนา ไม่เป็นอัตตาของเราแล้ว
อัตตาของเราก็ไม่ต้องเสวยเวทนา แม้ด้วยคำดังกล่าว แล้วนี้
ส่วนผู้ที่กล่าวอย่างนี้ว่า
เวทนาไม่เป็นอัตตาของเราเลย อัตตาของเราไม่ ต้องเสวยเวทนาก็ไม่ใช่
อัตตาของเรายังต้องเสวย เวทนาอยู่ เพราะว่า
อัตตาของเรามีเวทนาเป็นธรรมดา
เขาจะพึงถูกซักอย่างนี้ว่า อาวุโส ก็เพราะ
เวทนาจะต้อง ดับไปทั้งหมดทั้งสิ้น ไม่เหลือเศษ
เมื่อเวทนาไม่มีโดยประการทั้งปวง
เพราะ เวทนาดับไป ยังจะเกิดอหังการว่า เป็นเราได้หรือ
ในเมื่อขันธ์นั้นๆ ดับ ไปแล้ว ฯ
ไม่ได้ พระเจ้าข้า ฯ
เพราะเหตุนั้นแหละ อานนท์
ข้อนี้จึงยังไม่ควรที่จะเล็งเห็นว่า เวทนาไม่เป็นอัตตาของเราแล้ว
อัตตาของเราไม่ต้องเสวยเวทนาเลยก็ไม่ใช่ อัตตาของเรายังต้องเสวยเวทนาอยู่
เพราะว่า อัตตาของเรามีเวทนาเป็นธรรมดา แม้ด้วยคำ ดังกล่าวแล้วนี้ ฯ
เวทนาเป็นอัตตา
ก็บุคคลเมื่อเล็งเห็นเวทนาเป็นอัตตา
ย่อมเล็งเห็นว่า เวทนาเป็น อัตตาของเรา
ถ้าเวทนา ไม่เป็นอัตตาของเราแล้ว
อัตตาของเราก็ไม่ต้องเสวยเวทนา
อานนท์
หรือเล็งเห็นอัตตา ดังนี้ว่า
เวทนาไม่เป็นอัตตาของเราเลย
จะว่าอัตตา ของเราไม่ต้องเสวยเวทนาก็ไม่ใช่
อัตตาของเรายังต้อง เสวยเวทนาอยู่
เพราะฉะนั้น อัตตาของเรามีเวทนาเป็นธรรมดา
อานนท์ บรรดาความเห็น ๓ อย่างนั้น ผู้ที่กล่าว อย่างนี้ว่า
เวทนาเป็นอัตตาของเรา เขาจะพึงถูกซักถามอย่างนี้ว่า
อาวุโส เวทนามี ๓ อย่างนี้ คือ
สุขเวทนา ทุกขเวทนา อทุกขมสุขเวทนา
บรรดาเวทนา ๓ ประการนี้
ท่านเล็งเห็นอันไหนโดยความเป็นอัตตา
อานนท์
ในสมัยใด อัตตา เสวยสุขเวทนา ในสมัยนั้น
ไม่ได้เสวยทุกขเวทนา ไม่ได้เสวยอทุกขมสุขเวทนา
คงเสวยแต่สุขเวทนาอย่างเดียวเท่านั้น
อานนท์
ในว่า ถ้าเวทนา ไม่เป็นอัตตาของเราแล้ว
อัตตาของเราก็ไม่ต้องเสวยเวทนา แม้ด้วยคำดังกล่าว แล้วนี้
ส่วนผู้ที่กล่าวอย่างนี้ว่า
เวทนาไม่เป็นอัตตาของเราเลย อัตตาของเราไม่ ต้องเสวยเวทนาก็ไม่ใช่
อัตตาของเรายังต้องเสวย เวทนาอยู่ เพราะว่า
อัตตาของเรามีเวทนาเป็นธรรมดา
เขาจะพึงถูกซักอย่างนี้ว่า อาวุโส ก็เพราะ
เวทนาจะต้อง ดับไปทั้งหมดทั้งสิ้น ไม่เหลือเศษ
เมื่อเวทนาไม่มีโดยประการทั้งปวง
เพราะ เวทนาดับไป ยังจะเกิดอหังการว่า เป็นเราได้หรือ
ในเมื่อขันธ์นั้นๆ ดับ ไปแล้ว ฯ
ไม่ได้ พระเจ้าข้า ฯ
เพราะเหตุนั้นแหละ อานนท์
ข้อนี้จึงยังไม่ควรที่จะเล็งเห็นว่า เวทนาไม่เป็นอัตตาของเราแล้ว
อัตตาของเราไม่ต้องเสวยเวทนาเลยก็ไม่ใช่ อัตตาของเรายังต้องเสวยเวทนาอยู่
เพราะว่า อัตตาของเรามีเวทนาเป็นธรรมดา แม้ด้วยคำ ดังกล่าวแล้วนี้ ฯ