ขอออกตัวก่อนว่าเราเป็นคนที่ไม่ได้มีแรงจูงใจในการออกกำลังกายมากนัก และทักษะในการออกกำลังกายก็จนถึงทุกวันนี้ก็ยังเรียกไม่ได้ว่าเป๊ะ จึงต้องใช้ตัวช่วย build ให้ active ขึ้นมาเป็นระยะๆ รวมถึงคนช่วยจัดระเบียบท่าทางให้ถูกต้อง
ที่ผ่านมา ก็ได้มีโอกาสซื้อแพคเกจ Personal Trainer (PT) จากฟิตเนสหลายๆ แห่ง ใหญ่บ้าง เล็กบ้าง และมีสิ่งหนึ่งที่เป็นเหมือนกันทุกที่ คือตอนเซลขายของ ก็โฆษณากันไปเรื่อย ที่นี่เราจะดูแลเรื่องอาหาร เราจะวางแผนการออกกำลังกายระยะสั้น ระยะยาว
แต่ในความเป็นจริง เทรนเนอร์จะใส่ใจเราเฉพาะในชั่วโมงที่มีการเทรน มันเหมือนเป็น consult รายชั่วโมง คุณจะทำอะไร จะชั่งน้ำหนัก จะวัดตัว จะวิเคราะห์อะไรก็ทำใน ชม.เทรน เท่านั้น ไม่มีแผนให้รู้ล่วงหน้าใดๆ ว่าวันนี้เราจะเล่นอะไร เราพยายามถาม ก็ตอบเล่นๆกับเราว่าเป็นความลับ และยิ่งไปกว่านั้น เรายิ่งมืดมนในวันหยุดยาวที่ผ่านมา ก็ได้แต่ cadio วนๆไป บางคนอาจจะคิดว่าอ้าวแล้วที่ทำๆมาจำไม่ได้เลยเหรอ อืม ก็จำได้นะ แต่มันไม่มีหลักการ ไม่มีทิศทาง ซึ่งมันขัดกับความรู้สึกที่เราคาดหวังไว้ตอนซื้อเหลือเกิน ในขณะที่เราเสียเงินค่อนข้างแพงในฟิตเนส แต่เรายังต้องหาอ่านตามเว็บที่ให้ความรู้เรื่องการออกกำลังกาย เรากลับไปเห็นในเว็บมีเทรนออนไลน์ ซึ่งราคาถูกกว่ามาก ดูเป็นแบบแผน เป็นทีม (ยังไม่เคยใช้ อ่านแต่รีวิว ใครเคยใช้ช่วยแชร์หน่อยค่ะ) เลยเกิดคำถามว่า แล้ว pt ตัวจริงที่เราซื้อนี้เค้าไม่ทำแบบนั้นควบคู่ไปไม่ได้เหรอ แถวนี้มี PT ผ่านมาบ้างมั้ย ช่วยแชร์หน่อยค่ะ
ทีนี้มาต่อในเรื่องของ PT ในอุดมคติเลยนะ
1. แจ้งล่วงหน้าว่าจะเทรนอะไร เช่น วันนี้เล่นขา พี่อย่าไปเด๋อเข้า rpm ไรงี้
2. ตรงต่อเวลา เป็นกฎสำคัญเพื่อแสดงออกว่าเราต่างเคารพซึ่งกันและกัน
3. ไม่เล่นโทรศัพท์ (เจอบ่อย บอกว่าคุยกับเมมเบอร์คนที่จะเทรน ชม.ต่อไป..!)
4. ให้ความรู้ระหว่างเทรน นอกจากจะนับเซตไปเรื่อยๆ ท่านี้ใช้กล้ามเนื้ออะไร หายใจยังไง ต้องระวังจุดไหน
5. จดบันทึก อะไรก็ตามไว้เป็น ref วันนี้ทำท่านี้ นน./ครั้ง/เซต เอาไว้ดูย้อนหลังด้วยว่าเรามาไกลแค่ไหนแล้ว
6. ความท้าทายเล็กๆน้อยๆ ในสิ่งที่เมมเบอร์กลัว เช่น ตัวเรากลัวการกระโดด ก็น่าจะต้องเสริมเพิ่มเข้าไปทีละนิดๆ สร้างความแข็งแรง สร้างความมั่นใจให้เราหายกลัว หรือบอกเล่าให้ไปทำนอกเหนือ ชม.ว่าควรต้องไปทำอะไรเพื่อพัฒนาตัวเอง ให้การบ้านบ้าง และตรวจการบ้านด้วย
7. วางแผน จากบันทึกที่จดไว้มันจะนำมาซึ่งการวางแผนว่าวันต่อไปเราควรเพิ่ม/ลด
8. ติดตามผล จะชั่งน้ำหนักทุก 2 อาทิตย์ เพื่อปรับปรุงโปรแกรมออกำลังกายอะไรก็ว่าไป
9. ตั้งเป้าหมาย ระยะสั้น ระยะยาว คุยกันเลยว่า น้ำหนัก %ไขมัน, muscle
10. สำคัญมากก็คือต้องมีความจริงใจ มีความใส่ใจ ให้กำลังใจ เช่น ตัวเราเป็นคนอ้วนมาทั้งชีวิต วันๆไม่รู้จักคำว่าออกกำลังกายคืออะไร กว่าจะผอมมันจะเป็นช่วงเวลาที่ต้องใช้ความพยายามมาก ต้องปรับปรุงพฤติกรรมการใช้ชีวิต ต้องเปลี่ยนอาหารการกิน ต้องจัดเวลาชีวิตให้ลงตัว มีความเป็นไปได้สูงถ้าเทรนเนอร์คนนั้นไม่มีข้อนี้จะทำให้คนถูกเทรนรู้สึก fail และไม่ไปต่อ
ทั้งนี้อยากจะขอประสบการณ์จากเพื่อนๆ ว่าใครมีประสบการณ์อย่างไร อยากอ่าน ดี/แย่ มาแชร์กันค่ะ
Personal Trainer ในอุดมคติของคุณเป็นอย่างไร
ที่ผ่านมา ก็ได้มีโอกาสซื้อแพคเกจ Personal Trainer (PT) จากฟิตเนสหลายๆ แห่ง ใหญ่บ้าง เล็กบ้าง และมีสิ่งหนึ่งที่เป็นเหมือนกันทุกที่ คือตอนเซลขายของ ก็โฆษณากันไปเรื่อย ที่นี่เราจะดูแลเรื่องอาหาร เราจะวางแผนการออกกำลังกายระยะสั้น ระยะยาว
แต่ในความเป็นจริง เทรนเนอร์จะใส่ใจเราเฉพาะในชั่วโมงที่มีการเทรน มันเหมือนเป็น consult รายชั่วโมง คุณจะทำอะไร จะชั่งน้ำหนัก จะวัดตัว จะวิเคราะห์อะไรก็ทำใน ชม.เทรน เท่านั้น ไม่มีแผนให้รู้ล่วงหน้าใดๆ ว่าวันนี้เราจะเล่นอะไร เราพยายามถาม ก็ตอบเล่นๆกับเราว่าเป็นความลับ และยิ่งไปกว่านั้น เรายิ่งมืดมนในวันหยุดยาวที่ผ่านมา ก็ได้แต่ cadio วนๆไป บางคนอาจจะคิดว่าอ้าวแล้วที่ทำๆมาจำไม่ได้เลยเหรอ อืม ก็จำได้นะ แต่มันไม่มีหลักการ ไม่มีทิศทาง ซึ่งมันขัดกับความรู้สึกที่เราคาดหวังไว้ตอนซื้อเหลือเกิน ในขณะที่เราเสียเงินค่อนข้างแพงในฟิตเนส แต่เรายังต้องหาอ่านตามเว็บที่ให้ความรู้เรื่องการออกกำลังกาย เรากลับไปเห็นในเว็บมีเทรนออนไลน์ ซึ่งราคาถูกกว่ามาก ดูเป็นแบบแผน เป็นทีม (ยังไม่เคยใช้ อ่านแต่รีวิว ใครเคยใช้ช่วยแชร์หน่อยค่ะ) เลยเกิดคำถามว่า แล้ว pt ตัวจริงที่เราซื้อนี้เค้าไม่ทำแบบนั้นควบคู่ไปไม่ได้เหรอ แถวนี้มี PT ผ่านมาบ้างมั้ย ช่วยแชร์หน่อยค่ะ
ทีนี้มาต่อในเรื่องของ PT ในอุดมคติเลยนะ
1. แจ้งล่วงหน้าว่าจะเทรนอะไร เช่น วันนี้เล่นขา พี่อย่าไปเด๋อเข้า rpm ไรงี้
2. ตรงต่อเวลา เป็นกฎสำคัญเพื่อแสดงออกว่าเราต่างเคารพซึ่งกันและกัน
3. ไม่เล่นโทรศัพท์ (เจอบ่อย บอกว่าคุยกับเมมเบอร์คนที่จะเทรน ชม.ต่อไป..!)
4. ให้ความรู้ระหว่างเทรน นอกจากจะนับเซตไปเรื่อยๆ ท่านี้ใช้กล้ามเนื้ออะไร หายใจยังไง ต้องระวังจุดไหน
5. จดบันทึก อะไรก็ตามไว้เป็น ref วันนี้ทำท่านี้ นน./ครั้ง/เซต เอาไว้ดูย้อนหลังด้วยว่าเรามาไกลแค่ไหนแล้ว
6. ความท้าทายเล็กๆน้อยๆ ในสิ่งที่เมมเบอร์กลัว เช่น ตัวเรากลัวการกระโดด ก็น่าจะต้องเสริมเพิ่มเข้าไปทีละนิดๆ สร้างความแข็งแรง สร้างความมั่นใจให้เราหายกลัว หรือบอกเล่าให้ไปทำนอกเหนือ ชม.ว่าควรต้องไปทำอะไรเพื่อพัฒนาตัวเอง ให้การบ้านบ้าง และตรวจการบ้านด้วย
7. วางแผน จากบันทึกที่จดไว้มันจะนำมาซึ่งการวางแผนว่าวันต่อไปเราควรเพิ่ม/ลด
8. ติดตามผล จะชั่งน้ำหนักทุก 2 อาทิตย์ เพื่อปรับปรุงโปรแกรมออกำลังกายอะไรก็ว่าไป
9. ตั้งเป้าหมาย ระยะสั้น ระยะยาว คุยกันเลยว่า น้ำหนัก %ไขมัน, muscle
10. สำคัญมากก็คือต้องมีความจริงใจ มีความใส่ใจ ให้กำลังใจ เช่น ตัวเราเป็นคนอ้วนมาทั้งชีวิต วันๆไม่รู้จักคำว่าออกกำลังกายคืออะไร กว่าจะผอมมันจะเป็นช่วงเวลาที่ต้องใช้ความพยายามมาก ต้องปรับปรุงพฤติกรรมการใช้ชีวิต ต้องเปลี่ยนอาหารการกิน ต้องจัดเวลาชีวิตให้ลงตัว มีความเป็นไปได้สูงถ้าเทรนเนอร์คนนั้นไม่มีข้อนี้จะทำให้คนถูกเทรนรู้สึก fail และไม่ไปต่อ
ทั้งนี้อยากจะขอประสบการณ์จากเพื่อนๆ ว่าใครมีประสบการณ์อย่างไร อยากอ่าน ดี/แย่ มาแชร์กันค่ะ