ก่อนอื่น ผมขอเฉพาะคอมเม้น จากคนที่ไม่เชื่อเหมือนผมเท่านั้น...
คนที่เชื่อ ไม่ต้องมาอวดอ้างศาสนาตัวเองเจ๋ง ไม่ต้องมาสอนพระธรรมใดๆทั้งนั้น ผมศึกษามาหมดแล้ว
ขอเกริ่นนำก่อนนะครับว่าทำไมผมถึงไม่เชื่อเรื่องพวกนี้...
ผมอายุ 30 เกิดมาในสังคมชาวพุทธ
คนรอบตัวเชื่อเรื่องผี ไสยศาสตร์ พระเจ้า และอื่นๆ
สิ่งที่วิทยาศาสตร์พิสูจน์ได้ พิสูจน์แล้ว ว่าไม่มีจริง แต่คนรอบตัวหลายๆคนก็บอกว่ามันพิสูจน์ไม่ได้อยู่อย่างนั้น
ซึ่งตัวผมเองตั้งแต่เด็กๆ ก็โดนปลุกฝั่ง"ความกลัว"นี้มา
จนกระทั่งผมอายุได้13-15 จากการได้ศึกษาในโรงเรียน
วิทยาศาสตร์ต่างๆได้ให้เหตุผลทุกๆข้อที่ผมสงสัย
ผมจึงไม่ค่อยเชื่อเรื่องพวกนี้เท่าไหร่แล้ว
และได้ตั้งคำถามกับตัวเองว่า
ถ้าเรื่องผี เรื่องไสยศาสตร์ พระเจ้าต่างๆพวกนี้ มีจริงอยากรู้เราต้องลองเองกับตัว
ตั้งแต่อายุ16จบม.3ขึ้นมาจนถึงอายุ22 ผมเกเรไม่ตั้งใจเรียน ตีรันฟันแทง ออกจากโรงเรียน จึงทำให้ผมได้มีเวลาว่างมากๆ
แรกๆเพื่อนๆเขาก็เชื่อเรื่องพวกนี้ คล้องพระเกจิอาจารย์ดังๆ แคล้วคลาด เราก็ไปหามาใส่บ้างทั้งๆที่ไม่ค่อยเชื่อ
พอเอาเข้าจริงๆ โดนฟัน มีแผล พระก็ไม่ช่วยอะไร จากที่ผมพิสูจน์หลายๆอย่างแล้ว ตัวเราต่างหากที่ช่วยตัวเอง
จากนั้นไม่กี่ปี ผมก็เลิกเป็นนักเลงแบบเด็กๆ โตๆแล้ว เราก็แค่นั่งกินเหล้ากับเพื่อนๆ
เราก็ลองของหลบหลู่โชว์เพื่อน ฉี่รด ทุบศาล ปากดี บ้านผีสิงเจ้าพ่อเจ้าแม่อื่นๆ ทำมาหมดแล้ว
เราคนเดียวเลย เรื่องผี เรื่องศาลพระภูมิ ต่างๆ
ไปท้าทายทุกทีที่ไปได้
พอบ่อยๆเข้า และเราก็ไม่เคยโดนอะไรกลับมา เพื่อนเราหลายๆคนก็เริ่มไม่เชื่อเหมือนเราบ้างแล้ว
จากนั้นก็ตั้งแก๊งค์กับเพื่อนๆ พิสูจน์สิ่งพวกนี้ลองของท้าทายต่างๆนา ไสยศาสตร์ก็มีแต่พวกหลอกลวง
ผมไม่เคยเจออะไรเข้าตัวเลย ไม่เคยได้สัมผัสซักที
จากที่ผมไม่ค่อยเชื่อ ก็กลายเป็นไม่เชื่อเลย
จากไม่เชื่อแค่เรื่องผี ก็กลายเป็นไม่เชื่อเรื่อง เวรกรรม บาปบุญ นรก สวรรค์ ทางศาสนา
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ ทำบุญไปก็ไม่ได้อะไรกลับมาจริงๆ ได้แค่ตัวคุณเองสบายใจ
ผมก็เลยเลิกทำบุญ เพราะผมรู้สึกว่ามันไม่ได้บุญกลับมา
ถ้าผมทำไปจะยิ่งรู้สึกแย่กับตัวเองป่าวๆเพราะเราไม่เชื่อเรื่องพวกนี้
เพราะผมลองสิ่งผิดๆ หลายๆอย่าง ก็ไม่ได้ดูว่าผมจะมีเวรกรรมมาตามสนองเลยซักอย่าง
ทุกอย่างมันมีเหตุและผลของมันทั้งนั้น
ไม่อยากยกตัวอย่างเยอะนะครับ เดี๋ยวมันจะยาว..
อย่างผมไปเตะหมาข้างถนน เวรกรรมคืออะไร? ชาติหน้าผมจะต้องไปเป็นหมาแล้วโดนเตะเหรอ?
หรือผมจะโดนคนอื่นเตะ ก็ป่าว บางคนบอกเด๋วชาติหน้าก็รู้ ถถถถ บางคนบอกชาตินี้ จะต้องเจอกรรมเล็กๆอย่างอื่นเข้ามาแทน
ถ้าเป็นแบบนั้น เช่นกรรมอะไร เดินเตะโต๊ะ หรือหมาตัวอื่นมากัด แมวข่วน รถชน ที่ผมคิดพวกนี้มันไม่ใช่กรรมนี่ มันล้วนแล้วแต่เป็นเหตุผลของมันทั้งนั้น
ผมเดินเตะโต๊ะ เพราะผมไม่ได้มองโต๊ะ ผมโดนหมากัด เพราะหมามันอยากมากัดผม รถชนผมเพราะคนขับไม่ระมัดระวัง ก็แค่นั้น
และอื่นๆ มันก็มีเหตุผลของมัน
เรื่องคำสอนโบราณ ที่หลองลวงทำให้กลัวนั่นก็เช่นกัน มีเยอะมากๆๆๆๆ
แต่คำสอนนั้น ถูกบ้างผิดบ้าง ล้วนแล้วแต่มีเหตุผลของมัน ผมเข้าใจดี ศึกษาทำการบ้านมาเยอะเหมือนกัน
ถามว่าผมเคยบวชไหม ผมเคยบวชครับ เพราะพ่อกับแม่ผมเขา อยากให้บวช
เข้าไปบวชก็มีความสงสัยเพราะเราหัวดื้อไม่เชื่ออะไรง่ายๆอยู่แล้ว
ตั้งคำถามกับพระหลายๆรูป คำตอบที่ได้ ไม่ต้องเดาก็รู้ครับ ผมเป็นแกะดำในวัด
พระต่างๆมักจะมีนิทานมาเล่าให้ฟังเสมอ อถินิหารต่างๆนาๆ ผมถามว่า ทำได้ไหม ทำยังไงถึงทำได้
พระท่านบอกว่า เราไม่เชื่อก็ดีแล้ว เพราะถ้าไม่เชื่อจะได้กล้าทำลองทำดู ทำสำเร็จถึงจะเห็นแจ้ง
อะไหนๆก็เป็นพระว่างๆอยู่แล้ว นั่งสมาธิตั้งใจให้แน่วแน่ ลองทำตามพระท่านว่าดู
กลางคืนครับ ผมเป็นพระ ชวนพระด้วยกันอีก2รูป ไปนั่งสมาธิ ในเมรุ นั่งหน้าเตาเผา ตี3-4
มีเสียงแปลกๆ ผมชอบเลยแต่ลืมตามาไม่ยักจะเจออะไร
นั่งตามพระท่านว่าทุกวัน รู้เลยครับ มันคืออุปทานหมู่ชัดๆ อภินิหารไม่มีจริง ฟันธง!!
จึงทำให้ผมสึกก่อนที่พ่อผมกำหนดไว้ ทำให้มีเรื่องบาดหมางระหว่างผมกับพ่อ
ก่อนจะสึกผมได้โทรไปคุยกับที่บ้านแล้วว่าจะสึก แต่พ่อกับแม่ผมห้ามไว้ ว่าต้องดูฤกษ์ว่าเป็นวันไหนดี
ผมก็ไม่เชื่อเรื่องฤกษ์อะไรนี่หรอก จึงบอกพระรูปอื่นๆว่าผมจะสึกแล้ว พระเขาเข้าใจผม
ฤกษ์ที่ดีสำหรับผมคือ อยู่ที่ว่า พระท่านอื่นๆเขาว่างสึกให้นั่นเเหละ
จริงๆทุกคนในบ้านเขารู้อยู่แล้วว่าผมไม่เชื่อเรื่องพวกนี้เลย
วันนั้นกลับบ้านมาผมเอารถแคมรี่ที่บ้านออกไปหาแฟนช่วงกลางคืน
ขากลับรถความร้อนขึ้น ผมเองที่ไม่ได้สังเกตุหน้าปัด เห็นอีกทีควันขึ้นหน้าฝากระโปรง
รถดับกลางไฟแดง จอดทิ้งไว้แล้วกลับบ้าน
ที่บ้านผมเป็นร้านขายแม๊กซ์ขายยางรถยนต์ซ่อมรถยนต์อยู่แล้วด้วย ผมจึงไม่คิดมาก
แต่ทว่า... พ่อผมเขาด่าผมใหญ่เลย บอกว่าที่รถพังต้องเสียเงินซ่อม เพราะผมสึกมาไม่ดูฤกษ์
นิสัยไม่ดี แย่ ลูกเลว อื่นๆอีกเยอะที่เขาด่าผม ผมก็โมโหนะ เรื่องมันไม่เกี่ยวไรกับสึกพระเลย
รถพังก็คือรถพังดิ ทะเลาะกันบ้านแตก ไล่ผมออกจากบ้าน
ถึงแม้ผมจะไม่เชื่อเรื่องศาสนาพุทธทั้งหมดนี้ แต่บางคำสอน สิ่งที่ดี ผมจำแล้วนำมาใช้ได้ผลครับ
เช่น เราทุกข์ที่อะไร จน เป็นหนี้ ลูกเมีย เพื่อน ครอบครัวหรืออะไร
ศาสนาพุทธสอนว่าเราทุกข์ที่ใจ ให้ดับที่ใจเรา อันนี้ผมนำมาใช้ทุกครั้ง เป็นสิ่งที่ดี
สรุปเลยนะครับ ผมไม่เชื่อเรื่องอะไรเลยที่มันไม่เป็นความจริงเป็นแค่นิทานเท่านั้นสำหรับผม
เข้าเรื่องครับ ด้วยความที่ผมไม่เชื่อ ผมก็ไม่ทำบุญ ผมไปอำเภอทำบัตรประชาชนใหม่ เอาศาสนาออก เป็นไม่นับถือศาสนาใดๆ
เวลามีใครคุยกัน ด้วยความสุดโต่งของผม ทำให้ทุกคน ไม่ชอบผม เป็นปัญหาเล็กๆของผม ตลอดเวลา ถ้ามีกลุ่มใดคุยกันเรื่องนี้ผมมักจะหัวเราะ
อธิบายไป ใครก็ไม่เชื่อผม เขาเชื่อในสิ่งที่โดนปลุกฝั่งมาตั้งแต่เด็กๆ
ตัวอย่างผมมียกมาวางให้เยอะแยะก็ยังมีคนขัด และเปิดการ์ด "ไม่เชื่ออย่าลบหลู่"
ผมลบหลู่มาหมดแล้ว แต่ไม่เจอไง ทำไมถึงไม่มีใครเชื่อผมเลย
ปัญหาผมคือ วัดไม่เข้า ไม่ไหว้พระ งานตรุษจีนที่บ้านเขาก็ด่าผมว่าผมไม่ยอมมาไหว้เจ้า
เอาพระมาคล้องในรถผม ผมก็เอาออก ที่บ้านเขาก็ด่าผม เรื่องเล็กๆพวกนี้ มีตลอดครับผม
มีครั้งนึง พ่อผมมีปัญหาการเงิน ต้องหาเงินไปจ่ายเช็คที่เซนไว้ หาก็ยังหาไม่ได้
แต่ก็ยังนำเงินที่ไม่พอจ่ายเนี่ย ไปทำบุญบริจาควัด เป็นหมื่นๆ เพื่ออะไร เขาสบายใจของเขา แล้วผมล่ะ ผมสงสารพ่อผมจริงๆ
สรุป ผมจะทำอย่างไร ให้สังคมเลิกเชื่อเรื่องงมงายพวกนี้ ท้อเหลือเกิน ยิ่งพวกอายุมากกว่าเราแล้วนี่ยากจริงๆ
ผมแค่ต้องการ..การยอมรับ ซึ่งคนที่เป็นแบบผม มันช่างน้อยเหลือเกิน คนไทยมากว่าครึ่งงมงาย หรือไม่จริง?
ปล.เผื่อคนสงสัย ตอนนี้ผมเรียนจบปตรีแล้วครับ มีธุกิจส่วนตัวเปิดเต้นรถมือสองเป็นของตัวเอง
จะทำอย่างไร ? ให้สังคมเลิกเชื่อเรื่องลี้ลับ ผี ไสยศาสตร์ และพระเจ้า
คนที่เชื่อ ไม่ต้องมาอวดอ้างศาสนาตัวเองเจ๋ง ไม่ต้องมาสอนพระธรรมใดๆทั้งนั้น ผมศึกษามาหมดแล้ว
ขอเกริ่นนำก่อนนะครับว่าทำไมผมถึงไม่เชื่อเรื่องพวกนี้...
ผมอายุ 30 เกิดมาในสังคมชาวพุทธ
คนรอบตัวเชื่อเรื่องผี ไสยศาสตร์ พระเจ้า และอื่นๆ
สิ่งที่วิทยาศาสตร์พิสูจน์ได้ พิสูจน์แล้ว ว่าไม่มีจริง แต่คนรอบตัวหลายๆคนก็บอกว่ามันพิสูจน์ไม่ได้อยู่อย่างนั้น
ซึ่งตัวผมเองตั้งแต่เด็กๆ ก็โดนปลุกฝั่ง"ความกลัว"นี้มา
จนกระทั่งผมอายุได้13-15 จากการได้ศึกษาในโรงเรียน
วิทยาศาสตร์ต่างๆได้ให้เหตุผลทุกๆข้อที่ผมสงสัย
ผมจึงไม่ค่อยเชื่อเรื่องพวกนี้เท่าไหร่แล้ว
และได้ตั้งคำถามกับตัวเองว่า ถ้าเรื่องผี เรื่องไสยศาสตร์ พระเจ้าต่างๆพวกนี้ มีจริงอยากรู้เราต้องลองเองกับตัว
ตั้งแต่อายุ16จบม.3ขึ้นมาจนถึงอายุ22 ผมเกเรไม่ตั้งใจเรียน ตีรันฟันแทง ออกจากโรงเรียน จึงทำให้ผมได้มีเวลาว่างมากๆ
แรกๆเพื่อนๆเขาก็เชื่อเรื่องพวกนี้ คล้องพระเกจิอาจารย์ดังๆ แคล้วคลาด เราก็ไปหามาใส่บ้างทั้งๆที่ไม่ค่อยเชื่อ
พอเอาเข้าจริงๆ โดนฟัน มีแผล พระก็ไม่ช่วยอะไร จากที่ผมพิสูจน์หลายๆอย่างแล้ว ตัวเราต่างหากที่ช่วยตัวเอง
จากนั้นไม่กี่ปี ผมก็เลิกเป็นนักเลงแบบเด็กๆ โตๆแล้ว เราก็แค่นั่งกินเหล้ากับเพื่อนๆ
เราก็ลองของหลบหลู่โชว์เพื่อน ฉี่รด ทุบศาล ปากดี บ้านผีสิงเจ้าพ่อเจ้าแม่อื่นๆ ทำมาหมดแล้ว
เราคนเดียวเลย เรื่องผี เรื่องศาลพระภูมิ ต่างๆ ไปท้าทายทุกทีที่ไปได้
พอบ่อยๆเข้า และเราก็ไม่เคยโดนอะไรกลับมา เพื่อนเราหลายๆคนก็เริ่มไม่เชื่อเหมือนเราบ้างแล้ว
จากนั้นก็ตั้งแก๊งค์กับเพื่อนๆ พิสูจน์สิ่งพวกนี้ลองของท้าทายต่างๆนา ไสยศาสตร์ก็มีแต่พวกหลอกลวง
ผมไม่เคยเจออะไรเข้าตัวเลย ไม่เคยได้สัมผัสซักที
จากที่ผมไม่ค่อยเชื่อ ก็กลายเป็นไม่เชื่อเลย
จากไม่เชื่อแค่เรื่องผี ก็กลายเป็นไม่เชื่อเรื่อง เวรกรรม บาปบุญ นรก สวรรค์ ทางศาสนา
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
สรุป ผมจะทำอย่างไร ให้สังคมเลิกเชื่อเรื่องงมงายพวกนี้ ท้อเหลือเกิน ยิ่งพวกอายุมากกว่าเราแล้วนี่ยากจริงๆ
ผมแค่ต้องการ..การยอมรับ ซึ่งคนที่เป็นแบบผม มันช่างน้อยเหลือเกิน คนไทยมากว่าครึ่งงมงาย หรือไม่จริง?
ปล.เผื่อคนสงสัย ตอนนี้ผมเรียนจบปตรีแล้วครับ มีธุกิจส่วนตัวเปิดเต้นรถมือสองเป็นของตัวเอง