พ่อของผมมีดินอยู่แปลงหนึ่ง ประมาณ 3 ไร่ ซึ่งตอนนี้ปลูกปาล์มน้ำมันมา 14 ปี แต่เมื่ออาทิตย์ที่แล้วมีหนังสือมาที่บ้านให้ไปชี้แนวเขตที่ดิน เพราะที่ดินแปลงข้างๆเขาจะทำการรังวัดใหม่เพื่อที่จะโอนให้ลูก พ่อผมเลยให้ผมไปดูแทนพอเขารังวัดเสร็จแล้วค่อยมาตามพ่อให้ไปเซ็น เพราะพ่อไม่ค่อยถูกกับเจ้าของที่ดินแปลงข้างๆ แต่พอเขาวัดเสร็จกลับกลายเป็นว่า ที่ดินของพ่อผมหายไปครึ่งนึงปรากฏว่าสวนปาล์มของเราความจริงแล้วอยู่ในโฉนดของเขาครึ่งหนึ่ง ผมก็เลยกลับบ้านไปบอกพ่อ พ่อก็เลยมาถามเขาว่ามันยังไงเจ้าของที่ดินบอกพ่อว่าเขาต้องการแค่ที่ดินกลับเขาไม่สนใจต้นปาล์ม ให้เราเซ็นยินยอมในอาณาเขตแล้วก็เอาต้นปาล์มออกเขาก็จะไม่แจ้งความว่าเราบุกรุกแล้วก็จบแค่นั้นแต่พ่อไม่เซ็น แล้วก็บอกเขาว่าที่ดินตรงนั้นเป็นของพ่อนั่นคือเหตุการณ์ในวันที่เขามาทำการรังวัด
ย้อนไปเมื่อกว่า50ปีที่แล้วที่ดินตรงนั้นเป็นของทวดผม ซึ่งแกมีลูก2คนคือปู่ของผมและน้องสาวของปู่ ทวดเลยแบ่งที่ีดินให้คนละครึ่งโดยในส่วนของปู่ปู่ก็ยกให้พ่อแล้วก้อปล่อยทิ้งไว้โดยไม่มีใครทำอะไรมาเกือบ40ปีแล้วในปี2545ได้มีการออกโฉนดให้ฟรี นั่นจึงเป็นครั้งแรกที่ที่ดินตรงนั้นมีฉโนดแต่ตอนที่เขารังวัดก็ไม่ได้มีใครไปดูว่าหมุดอยู่ตรงไหนบ้างเพราะไม่มีใครคิดจะทำอะไรกับที่ดินตรงนั้นอยู่แล้วเพราะมันเป็นหินซะส่นใหญ่ปลูกอไรก้อคงไม่ขึ้นถ้าดินมันดีคงไม่มีใครปล่อยทิ้งไว้หรอกแต่หลังจากนั้น1ปีพ่อผมแกอยากลองดู ก้อเลยเริ่มเข้าไปถางกับมีดพร้าโดยเริ่มถางจากด้านที่ติดกับห้วยเพราะแกก้อไม่รู้ว่าที่ดินของแกมีหมุดอยู่ตรงไหนบ้างแกเลยเอาห้วยเป็นเกณฑ์แล้วถางออกไปเรื่อยๆแล้วพอเริ่มเป็นรูปนว่าน่าจะพอปลูกปาล์มได้จึงตัด สินใจจ้างรถแทรกเตอร์มากวาดพื้นที่แต่เมื่อไม่แน่ใจว่าแนวเขตที่ดินของแกอยู่ตรงไหนแกเลยไปตามเจ้าของที่ดินแปลงข้างๆซึ่ง ก็คือน้องสาวของปู่มาคุยกันแล้วทั้งคู่ก็ ตัดสินใจร่วมกันว่า จะใช้เสาไฟฟ้าเป็นแนว เพราะจำได้ คลับคล้ายคลับคราว่าหมุดน่าจะอยู่บริเวณ เสาไฟฟ้า พ่อก็เลยยึดตามแนวเขตนั้นแล้วก็ ปลูกปาล์มมาได้ 14 ปีแล้วส่วนที่ดินแปลงของเขาก็ยังรกร้างอยู่เหมือนเดิม จนกระทั่งเดือนที่แล้วเขา เพิ่งเอารถแทรกเตอร์มากวาดพื้นที่ เพื่อที่เขาจะโอนให้ลูกสาว จึงได้เกิดเหตุการณ์เหมือนที่ผมได้บอกไปเมื่อตอนแรก อะครับ แบบนี้จะถือได้ว่าเป็นการครอบครองแบบ ปรปักษ์ได้หรือไม่ครับซึ่งเท่าที่ผมอ่านมาผมว่ามันน่าจะเข้าเกณฑ์นะครับเพราะเรา ครอบครองเพื่อทำประโยชน์เกิน 10 ปีโดยที่ไม่มีใครมาค้านแล้วไม่ได้ปิดบังอะไรแล้วเราก้อแสดงความเป็นเจ้าของอย่างชัดเจน หลังจากนี้เราต้องฟ้องศาลใช่ไหมครับให้ศาลสั่งให้เราเป็นผู้ครอบครองที่ดินตรงนั้นใช่ไหมครับแล้ว ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการเยอะไหมครับ และน่าจะมีโอกาสชนะ กี่เปอร์เซ็นต์ครับ รบกวนท่านผู้รู้ช่วยชี้แนะด้วยครับ ขอบคุณครับ
ที่ดินพิพาท กรณีครอบครองปรปักษ์ของพ่อผมจะเข้าตามหลักเกณฑ์หรือไม่ ช่วยแนะนำทีครับ
ย้อนไปเมื่อกว่า50ปีที่แล้วที่ดินตรงนั้นเป็นของทวดผม ซึ่งแกมีลูก2คนคือปู่ของผมและน้องสาวของปู่ ทวดเลยแบ่งที่ีดินให้คนละครึ่งโดยในส่วนของปู่ปู่ก็ยกให้พ่อแล้วก้อปล่อยทิ้งไว้โดยไม่มีใครทำอะไรมาเกือบ40ปีแล้วในปี2545ได้มีการออกโฉนดให้ฟรี นั่นจึงเป็นครั้งแรกที่ที่ดินตรงนั้นมีฉโนดแต่ตอนที่เขารังวัดก็ไม่ได้มีใครไปดูว่าหมุดอยู่ตรงไหนบ้างเพราะไม่มีใครคิดจะทำอะไรกับที่ดินตรงนั้นอยู่แล้วเพราะมันเป็นหินซะส่นใหญ่ปลูกอไรก้อคงไม่ขึ้นถ้าดินมันดีคงไม่มีใครปล่อยทิ้งไว้หรอกแต่หลังจากนั้น1ปีพ่อผมแกอยากลองดู ก้อเลยเริ่มเข้าไปถางกับมีดพร้าโดยเริ่มถางจากด้านที่ติดกับห้วยเพราะแกก้อไม่รู้ว่าที่ดินของแกมีหมุดอยู่ตรงไหนบ้างแกเลยเอาห้วยเป็นเกณฑ์แล้วถางออกไปเรื่อยๆแล้วพอเริ่มเป็นรูปนว่าน่าจะพอปลูกปาล์มได้จึงตัด สินใจจ้างรถแทรกเตอร์มากวาดพื้นที่แต่เมื่อไม่แน่ใจว่าแนวเขตที่ดินของแกอยู่ตรงไหนแกเลยไปตามเจ้าของที่ดินแปลงข้างๆซึ่ง ก็คือน้องสาวของปู่มาคุยกันแล้วทั้งคู่ก็ ตัดสินใจร่วมกันว่า จะใช้เสาไฟฟ้าเป็นแนว เพราะจำได้ คลับคล้ายคลับคราว่าหมุดน่าจะอยู่บริเวณ เสาไฟฟ้า พ่อก็เลยยึดตามแนวเขตนั้นแล้วก็ ปลูกปาล์มมาได้ 14 ปีแล้วส่วนที่ดินแปลงของเขาก็ยังรกร้างอยู่เหมือนเดิม จนกระทั่งเดือนที่แล้วเขา เพิ่งเอารถแทรกเตอร์มากวาดพื้นที่ เพื่อที่เขาจะโอนให้ลูกสาว จึงได้เกิดเหตุการณ์เหมือนที่ผมได้บอกไปเมื่อตอนแรก อะครับ แบบนี้จะถือได้ว่าเป็นการครอบครองแบบ ปรปักษ์ได้หรือไม่ครับซึ่งเท่าที่ผมอ่านมาผมว่ามันน่าจะเข้าเกณฑ์นะครับเพราะเรา ครอบครองเพื่อทำประโยชน์เกิน 10 ปีโดยที่ไม่มีใครมาค้านแล้วไม่ได้ปิดบังอะไรแล้วเราก้อแสดงความเป็นเจ้าของอย่างชัดเจน หลังจากนี้เราต้องฟ้องศาลใช่ไหมครับให้ศาลสั่งให้เราเป็นผู้ครอบครองที่ดินตรงนั้นใช่ไหมครับแล้ว ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการเยอะไหมครับ และน่าจะมีโอกาสชนะ กี่เปอร์เซ็นต์ครับ รบกวนท่านผู้รู้ช่วยชี้แนะด้วยครับ ขอบคุณครับ